ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและสงครามในยูเครน นอกจากนี้ การร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 5.08 เหรียญ หรือ 0.27% มาอยู่ที่ระดับ 1,904.32 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 8.1 เหรียญ หรือ 0.43% ปิดที่ 1,904.1 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 12.6 เซนต์ หรือ 0.53% ปิดที่ 23.544 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 1,101.23 ตันภาพรวมเดือนเมษายน ซื้อสุทธิ 9.79 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 125.57 ตัน
- ยอดส่งออกทองคำจากสวิสเซอร์แลนด์ไปยังสหรัฐอเมริกาพุ่งสูงขึ้นในเดือยมีนาคมที่ผ่านมา สูงที่สุดนับตั้งแต่พฤษภาคมปี 2022 จากข้อมูลกรมศุลกากรของสวิสเซอร์แลนด์
- นักวิเคราะห์อาวุโสจาก OANDA กล่าวว่า มีแรงหนุนซื้อทองคำบางส่วนจากตลาดเอเชีย จากการที่จีนลดการสำรองเงินตราต่างประเทศสำหรับธนาคารในประเทศลง ซึ่งจะช่วยให้อัตราแลกเปลี่ยนของเงินหยวนมีเสถียรภาพมากขึ้น
- นักวิเคราะห์ของธนาคาร DBS กล่าวว่า ราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วถึง 4.7% เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดในช่วงกลางเดือนเม.ย.ที่ระดับ 1,998 เหรียญ และจะปรับลดลงอย่างต่อเนื่องเข้าสู่การปรับฐานเพื่อรอการขึ้นต่ออีกครั้ง
- นักวิเคราะห์ของ FXStreet กล่าวว่า ราคาทองคำเริ่มคลี่คลาย หลังเผชิญความผันผวนต่อเนื่องติดต่อกัน 3 วัน อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำยังคงมีแนวรับอยู่แถวบริเวณ 1,880 เหรียญ โดยราคาทองคำพยายามทดสอบเข้าใกล้แนวต้านแถวบริเวณ 1,935 เหรียญ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดียวกันของเส้นค่าเฉลี่ย DMA ราย 50 วันและเส้นค่าเฉลี่ย DMA ราย 21 วัน อย่างไรก็ตาม ถ้าราคาทองคำสามารถผ่านแนวต้านจิตวิทยาที่ระดับ 1,950 เหรียญได้ จะแสดงให้เห็นการดีดกลับสู่แนวโน้มขาขึ้นของราคาทองคำ
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 1.05 จุด หรือ 1.04% มาอยู่ที่ระดับ 102.27 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.151% มาอยู่ที่ระดับ 2.738% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี อยู่ที่ระดับ 2.542% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ 0.196%
- ธนาคารกลางญี่ปุ่นประกาศ จะดำเนินการเข้าซื้อพันบัตรรัฐบาลญึ่ปุ่นอายุ 10 ปีจำนวนไม่จำกัดที่อัตราดอกเบี้ย 0.25% ในวันที่ 27-28 เมษายนนี้
- นายมาร์ตินส์ คาซัคส์ หนึ่งในคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ECB ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ และคาดการณ์ว่า ECB มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งในปีนี้ โดยการแสดงความเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับกรรมการอีกหลายคนของ ECB ที่เรียกร้องให้มีการคุมเข้มนโยบายการเงิน
- ธนาคารกลางจีน (PBOC) ออกแถลงการณ์ในวันนี้ว่า PBOC จะเพิ่มมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในช่วงเวลาที่ตลาดได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ซบเซาและผลกระทบจากการที่จีนใช้มาตรการล็อกดาวน์เมืองสำคัญ
- นักเศรษฐศาสตร์จาก ING คาดการณ์ ดัชนีดอลลาร์จะปรับขึ้นแตะระดับ 103 จุด ในขณะที่การที่ค่าเงินหยวนถูกปล่อยลอยตัวประกอบกับการที่เหดจะถอนสภาพคล่องจากตลาด ในช่วงที่จะถึงนี้ จะทำให้ค่าเงินมีความผันผวนมากยิ่งขึ้น
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ
- นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ออกมาเตือนว่า มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ และประเทศต่างๆไม่ควรประเมินความเสี่ยงนี้ต่ำเกินไป
- นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ ว่า สหรัฐเตรียมส่งนักการทูตกลับไปประจำยูเครนในสัปดาห์นี้ พร้อมเตรียมแต่งตั้งเอกอัครราชทูตคนใหม่ ขณะที่สหรัฐประเมินว่ารัสเซีย “ล้มเหลว” ในการทำสงครามกับยูเครน พร้อมเสริมว่า เป้าหมายหลักของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียที่ต้องการกำจัดอธิปไตยและอิสรภาพของยูเครนนั้น ยังไม่เกิดขึ้น และจะไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
- สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า รัสเซียได้กล่าวหานาโตว่า นาโตมีส่วนร่วมในการต่อสู้กับรัสเซียในสงครามยูเครนโดยการมอบอาวุธให้กับยูเครน โดยกล่าวว่าสิ่งนี้ได้สร้างความตึงเครียดของสงครามและความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามนิวเคลียร์
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 800 จุดในวันอังคาร ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงกว่า 500 จุดและปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2563 เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน, การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และจีนใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการระบาดของโรคโควิด-19
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,240.18 จุด ลดลง 809.28 จุด หรือ -2.38%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,175.20 จุด ลดลง 120.92 จุด หรือ -2.81% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,490.74 จุด ลดลง 514.11 จุด หรือ -3.95%
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเอเชียจะขยายตัวเพียง 4.9% ในปี 2565 ซึ่งลดลง 0.5% จากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนม.ค. โดยระบุว่า เศรษฐกิจเอเชียมีแนวโน้มเผชิญปัญหา Stagflation หรือภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลงและเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ สงครามยูเครน รวมทั้งการพุ่งขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจเอเชียเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกัน IMF คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อในเอเชียจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 3.4% ในปี 2565 โดยตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนม.ค.
- ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเกาหลีใต้ขยายตัวเพียง 0.7% ในไตรมาส 1/2565 เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งชะลอตัวลงจากไตรมาส 4/2564 ที่ขยายตัว 1.2% เนื่องจากการอุปโภคบริโภคและการลงทุนยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และความไม่แน่นอนที่เกิดจากการทำสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กดีดขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์ได้อีกครั้งในวันอังคาร ขานรับข่าวจีนประกาศเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยพุ่งเป้าฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 3.16 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 101.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 2.67 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 104.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นในวันอังคาร โดยทรงตัวหลังจากร่วงลงกว่า 4% ในช่วงก่อนหน้า จากความกังวลเกี่ยวกับความต้องการเชื้อเพลิงในประเทศจีนลดลง หลังจากมีคำมั่นของธนาคารกลางจีนที่จะสนับสนุนกิจการที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์จากการแพร่กระจายของโควิด-19
ข่าวเกี่ยวกับ Covid-19
- กระทรวงสาธารณสุขได้รายงานสถานการณ์ "โควิด-19”ในไทย พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 14,887 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 1,986,136 ราย และเสีบชีวิตเพิ่ม เสียชีวิต 125 ราย
- กรุงปักกิ่งเร่งขยายวงตรวจหาเชื้อโควิด-19 ครั้งใหญ่ให้ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่เกือบ 22 ล้านคน ทำให้มีการคาดการณ์ว่า กรุงปักกิ่งจะบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ในลักษณะเดียวกับที่นครเซี่ยงไฮ้เร็ว ๆ นี้ ซึ่งเสี่ยงกระทบแนวโน้มเศรษฐกิจของจีนเพิ่มเติม หลังการตรวจหาเชื้ออย่างไม่รู้จบ รวมถึงกฎเกณฑ์การกักตัวและการรักษาระยะห่างทางสังคมอันเข้มงวด เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศแล้ว
- นางแคร์รี ลัม ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงเผยว่า ฮ่องกงยังไม่มีแผนผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางข้ามพรมแดน โดยยังคงวางแผนอย่างรัดกุมในการสกัดโควิด-19 แม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อจะลดลงมากก็ตาม
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 34.28 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าสุดในรอบ5ปีและอ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.25 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.20-34.40 บาทต่อดอลลาร์
- หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นท่ามกลางสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังยืดเยื้อและไม่มีท่าทีที่จะสงบลง ประกอบกับผลกระทบจากการ Lockdown เพื่อควบคุมผู้ติดเชื้อโควิดในจีน ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ โดยล่าสุดตลาดซื้อขายล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสะท้อนว่าเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยไปจนถึง 3% ณ สิ้นปีนี้ และขึ้นต่อเนื่องไปหยุดที่ 3.5% กลางปีหน้า ซึ่งหากเป็นไปตามที่ตลาดคาด วัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้จะเป็นรอบที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 30 ปี และเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่อาจฉุดเศรษฐกิจโลกให้ชะลอตัวอย่างรุนแรงจนเข้าสู่ภาวะถดถอย
ที่มาจาก : Reuters, FXstreet, Infoquest