ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ โดยได้แรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง แต่แนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกนั้น ยังคงกดดันราคาสัญญาทองคำปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 6.41 เหรียญ หรือ 0.34% มาอยู่ที่ระดับ 1,880.52 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 7.1 ดอลลาร์ หรือ 0.38% ปิดที่ 1,882.8 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ปรับตัวลงราว 0.5% ในรอบสัปดาห์นี้
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 7.6 เซนต์ หรือ 0.34% ปิดที่ 22.367 ดอลลาร์/ออนซ์
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 2.98 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,082.0 ตันภาพรวมเดือนพฤษภาคม ขายสุทธิ 12.55 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 106.34 ตัน
- นักกลยุทธ์จากโบรคเกอร์ IG ชี้ว่า ราคาทำทองคำจะยังแกว่งตัวอยู่ในกอรบที่ยังไม่สามารถตัดสินทิศทางได้ เว้นแต่จะมีปัจจัยใดที่มีแรงมากพอจะควบคุมทิศทางราคาทองคำ
- นักกลยุทธ์จากโบรคเกอร์ IG กล่าวว่า ราคาทองคำได้รับแรงกระตุ้นจากปัจจัยลบที่หลากหลาย ได้แก่ การคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟดที่เพิ่มขึ้น ช่วยผลักดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น และส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่ามากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ทองคำยังคงได้รับปจจัยหนุนจากโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจเติบโตต่ำแต่เงินเฟ้อสูง หรือ stagflation ที่ช่วยหนุนความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และในฐานะเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ
- ผู้จัดการของ SPI Asset Management กล่าวว่า ราคาทองคำอยู่บนความไม่แน่นอนในขณะนี้ จนกว่าจะมีปัจจัยที่แน่ชัดเข้าผลักดันราคาทองคำ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ ในเดือนเม.ย.เพื่อประเมินผลกระทบต่อนโยบายการเงินของเฟด โดยในวันพุธที่ผ่านมาเฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงสุดในรอบ 22 ปี อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนก.ค.ซึ่งส่งผลลบต่อราคาทองคำ
- นักเศรษฐศาสตร์จาก Commerzbank ระบุว่า ราคาทองคำปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สาม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยังคงเป็นปัจจัยหลักที่กดดันราคาทองคำ เนื่องจาก ความคาดหวังเงินเฟ้อยังไม่เปลี่ยนแปลง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงปรับสูงขึ้น ทำให้ทองคำมีความน่าสนใจน้อยลงในฐานะการลงทุนทางเลือก
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- นักเศรษฐศาสตร์จาก HSBC เชื่อว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะยังคงแข็งค่าอยู่ จากการที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% และปรับแผนการลดขนาดงบดุลอย่างเป็นทางการ
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จำเป็นจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,899.37 จุด ลดลง 98.60 จุด หรือ -0.30%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,123.34 จุด ลดลง 23.53 จุด หรือ -0.57%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,144.66 จุด ลดลง 173.03 จุด หรือ -1.40%
- นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ประกาศมาตรการใหม่เพื่อช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) ตลอดจนครัวเรือนที่ประกอบอาชีพอิสระให้ผ่านพ้นความยากลำบากในช่วงเวลาที่จีนกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งนี้ นายหลี่ยังได้ระบุถึงมาตรการรักษาเสถียรภาพการค้าต่างประเทศ ด้วยความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาห่วงโซ่อุปทานและอุตสาหกรรมให้เป็นไปอย่างราบรื่น โดยจีนจะพยายามเร่งออกมาตรการช่วยเหลือในทันที เช่น การคืนภาษี, การลดภาษีและค่าธรรมเนียม, การเลื่อนจ่ายค่าประกันสังคม, ระบบโลจิสติกส์ที่ราบรื่น และความช่วยเหลือสำหรับธุรกิจต่าง ๆ ให้กลับมาดำเนินการได้เต็มที่
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากการที่สหภาพยุโรป (EU) เตรียมคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซียนั้นได้เพิ่มแนวโน้มที่ปริมาณน้ำมันจะตึงตัว และบรรดาเทรดเดอร์ได้มองข้ามความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันท่ามกลางแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.51 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 109.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.49 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 112.39 ดอลลาร์/บาร์เรล
- นักวิเคราะห์จาก OANDA ชี้ว่า ณ ขณะนี้ ยังไม่มีความเป็นไปได้ที่ประเทศสมาชิกกลุ่มโอเปคพลัสจะเพิ่มกำลังการผลิตทดแทนการผลิตส่วนที่หายไปจากประเทศไนจีเรียและประเทศแองโกลา ที่ประสบปัญหาด้านการผลิต
- นักวิเคราะห์จาก Price Futures ชี้ว่า ในระยะสั้น ปัจจัยพื้นฐานของน้ำมันยังคงสนับสนุนเป็นขาขึ้น และมีเพียงแต่ความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัวที่ยังคงฉุดรั้งราคาน้ำมันอยู่
- นักวิเคราะห์จาก PVM ชี้ว่า การที่ยุโรปเตรียมคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซีย จะทำให้อุปทานน้ำมันตึงตัว และหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว โอเปคพลัสไม่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มกำลังการผลิตช่วยเหลือในกรณีดังกล่าว แม้ว่าระดับราคาน้ำมันจะปรับตัวพุ่งสูงดันเงินเฟ้อสู่ระดับที่อันตรายก็ตาม
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ
- ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนเปิดเผยว่า กองกำลังทหารของรัสเซียได้ทำลายโรงพยาบาลในยูเครนเกือบ 400 แห่ง รวมถึงสถานพยาบาลทางการแพทย์ ส่งผลให้ยูเครนเผชิญวิกฤตขาดแคลนยารักษาโรคมะเร็ง ขณะที่แพทย์ไม่สามารถทำการผ่าตัดให้กับผู้ป่วยได้
- ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เผยสามารถอพยพเด็ก ผู้หญิง และคนชราออกจากโรงงานเหล็กอาซอฟสตัล ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองมาริอูโพลได้แล้ว ภายหลังจากที่เริ่มดำเนินการอพยพเมื่อ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา และระบุว่า ยูเครนจะยังคงเดินหน้าเพื่อนำกลุ่มนักรบชาวยูเครนออกจากพื้นที่โรงงานต่อไปด้วยเช่นกัน
- ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ จะประกาศความมุ่งมั่นของสหรัฐที่จะปกป้องชาติพันธมิตร ซึ่งรวมถึงการป้องปรามอาวุธนิวเคลียร์ ในระหว่างการเดินทางเยือนญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในเดือนนี้ ท่ามกลางท่าทียั่วยุจากเกาหลีเหนือ รวมถึงการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปหลายครั้ง
- รัสเซียเปิดเผยว่า ขีปนาวุธของกองทัพรัสเซียได้โจมตีสถานที่และป้อมปราการหลายแห่งในยูเครน รวมถึงสังหารกองกำลังผู้รักชาติฝ่ายยูเครนไปกว่า 600 คน
- นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น จะพบปะกับนางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) และนายชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป ในวันพฤหัสบดีนี้ ที่กรุงโตเกียว โดยคาดว่าจะหารือประเด็นรัสเซีย-ยูเครน และการแผ่ขยายอิทธิพลของจีนในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก
ข่าวเกี่ยวกับ Covid-19
- สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,488 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,107,903 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) รวมยอดติดเชื้อสะสม 4,331,338 ราย เสียชีวิต 55 ราย เสียชีวิตสะสม 29,143 ราย
- ที่ประชุมคณะกรรมการกรมการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (โปลิตบูโร) ซึ่งนำโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเปิดเผยว่า รัฐบาลจีนมั่นใจว่าด้วยมาตรการควบคุมโรคที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วนั้น จะสามารถยับยั้งการระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของจีน
- ประชาชนจำนวนมากมีแนวโน้มที่จะหลั่งไหลเข้าสู่ฮ่องกงมากที่สุดในรอบกว่า 2 ปี หลังจากฮ่องกงเริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรง ส่งผลให้ผู้คนต้องการเดินทางมาเพื่อหลีกหนีมาตรการควบคุมโรคระบาดที่เข้มงวดของจีนแผ่นดินใหญ่
- นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ญี่ปุ่นจะผ่อนคลายมาตรการควบคุมพื้นที่ชายแดนเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเดือนมิ.ย.นี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางของประเทศอื่น ๆ ในกลุ่ม G7
- คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานฟรานซิสโก (UCSF) ของสหรัฐเปิดเผยในรายงานเพิ่มเติมว่า ผู้ป่วยอาการลองโควิดที่ได้รับการรักษาด้วยยาแพกซ์โลวิด (Paxlovid) ของบริษัทไฟเซอร์ มีแนวโน้มอาการดีขึ้นในช่วงการทดลองทางคลินิก อย่างไรก็ดี คณะนักวิจัยแนะให้มีการศึกษาเพิ่มเติม เนื่องจากผลการทดลองทางคลินิกกับผู้ป่วยลองโควิดจำนวน 3 ราย ไม่เป็นไปในทางเดียวกัน
- สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐได้สั่งจำกัดการใช้วัคซีน “แจนเซน” ซึ่งเป็นวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ในกลุ่มผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการลิ่มเลือดอุดตัน (blood clot) ซึ่งเป็นอาการที่พบไม่บ่อยนัก
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.40 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อย จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 34.36 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.10-34.60 บาทต่อดอลลาร์ และกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.30-34.50 บาทต่อดอลลาร์
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม (Hotel business operator Sentiment Index: HSI) เดือนเม.ย. 65 พบว่า อัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ตามการเดินทางท่องเที่ยวของชาวไทยในช่วงวันหยุดสงกรานต์ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ และการผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศ แต่การฟื้นตัวของธุรกิจถูกกดดันจากต้นทุนที่สูงขึ้น ขณะที่ปรับขึ้นราคาห้องพักได้ยาก และประชาชนบางส่วนยังลดกิจกรรมท่องเที่ยว สำหรับอัตราการเข้าพักเดือน พ.ค. 65 มีแนวโน้มลดลงตามการเข้าสู่ช่วง Low season
- กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะยังคงมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการประชุมล่าสุดได้ปรับเพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ทำให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯอยู่ที่ 0.75-1% แต่สำหรับทิศทางของอัตราดอกเบี้ยไทยมองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำไปก่อน จนกว่าจะเห็นความชัดเจนของการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวกลับมาอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นกลไกหลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยที่มีนัยสำคัญต่อภาพรวม
- สมาคมผู้ค้าปลีกไทยร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยผลสำรวจความเชื่อมั่น (Retail Sentiment Index: RSI) ของผู้ประกอบการค้าปลีกประจำเดือนเม.ย. 65 ในภาพรวมพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ 56.4 ปรับเพิ่มขึ้น 9.9 จุด เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค. ที่ 46.5 จุด สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากช่วงวันหยุดยาวต่อเนื่องสองช่วงในเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา รวมถึงการส่งเสริมการขายของร้านค้าต่างๆ และประกอบกับข่าวการเปิดประเทศรับการท่องเที่ยว
- ผู้ช่วยผู้ว่าการสายสื่อสารและความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ครั้งล่าสุดเป็นไปตามความคาดหมายของผู้ร่วมตลาด และมีความชัดเจนขึ้นว่า ธนาคารกลางให้ความสำคัญกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยในจังหวะที่ไม่เร็วและแรงกว่าที่ตลาดจะรับได้ ทำให้เงินทุนเคลื่อนย้ายในภูมิภาคเอเชียและไทยเป็นไปตามปกติ
ที่มาจาก : Reuters, FXstreet, Infoquest, CNBC