ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ช่วยดึงดูดแรงซื้อทองคำ นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 13.87 เหรียญ หรือ 0.76% มาอยู่ที่ระดับ 1,826.97 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 5.8 เหรียญ หรือ 0.32% ปิดที่ 1,814 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 2.62% ปิดที่ 21.551 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 2.61 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,053.28 ตันภาพรวมเดือนพฤษภาคม ขายสุทธิ 41.27 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 77.62 ตัน
- นักวิเคราะห์จาก Exinity คาดการณ์ราคาทองคำจะแกว่งตัวบริเวณระดับ 1,800 เหรียญ โดยถูกกดันจากดัชนีดอลลาร์ที่แข็งค่าและการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ในขณะที่ได้รับแรงหนุนจากโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
- นักเศรษฐศาสตร์จาก TD Securities ชี้ว่า ราคาทองคำมีมุมมองเชิงลบ ทั้งนี้ การเก็งกำไรในระดับสูงและนักลงทุนยังคงเทขยายกองทุน ETF ทองคำ ส่งผลให้ตลาดมีมุมมองเชิงลบมากยิ่งขึ้น
- นักเศรษฐศาสตร์จาก TD Securities ระบุว่า จากการที่เฟดส่งสัญญาณในทุกการกระทำ ทำให้เพิ่มความสำคัญของการแถลงการณ์ของเฟดในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะสถานะซื้อที่กำลังถูกบีบอย่างต่อเนื่องจากมุมมองตลาดเชิงลบ จึงคาดการณ์ว่าจะมีการแรงเทขายทองคำอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงที่สภาพคล่องต่ำ
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.39 จุด หรือ -0.37% มาอยู่ที่ระดับ 104.17 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.058% มาอยู่ที่ระดับ 2.886% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี อยู่ที่ระดับ 2.584% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ 0.302%
- Fed Watch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนักกว่า 90% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนมิ.ย.
- ประธานเฟดสาขานิวยอร์ค จอห์น วิลเลียม ชี้ว่า ประเด็นเงินเฟ้อยังคงเป็นประเด็นอันดับแรกที่ต้องให้ความสำคัญ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับสูงและยืดเยื้อ ทั้งนี้ เป้าหมายของเฟดคือ การทำให้เศรษฐกิจกลับมาอยู่ในระดับที่สมดุล และยังมีความท้าทายในการจัดการเงินเฟ้อ ซึ่งเฟดมีข้อผูกมัดที่ต้องทำดังนั้น
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับเพิ่มน้ำหนักการถือครองเงินหยวนและดอลลาร์สหรัฐในตะกร้าสกุลเงิน SDR (Special Drawing Right) ของ IMF โดยได้ปรับเพิ่มน้ำหนักสกุลเงินดอลลาร์ขึ้นสู่ระดับ 43.38% จากระดับ 41.73% และเพิ่มน้ำหนักเงินหยวนสู่ระดับ 12.28% จากระดับ 10.92%
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเพียงเล็กน้อยในวันจันทร์ ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ หลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งเพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,223.42 จุด เพิ่มขึ้น 26.76 จุด หรือ +0.08%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,008.01 จุด ลดลง 15.88 จุด หรือ -0.39% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,662.79 จุด ลดลง 142.21 จุด หรือ -1.20%
- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.ร่วงลง 11.1% ในเดือนเม.ย. ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 6.1% ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.ลดลง 2.9% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% ข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจจีนอาจจะหดตัวลงในไตรมาส 2 ปีนี้
- นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐทั้งในปีนี้และปีหน้า คาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 2.4% ในปี 2565 ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.6% และคาดว่าเศรษฐกิจในปี 2566 จะขยายตัวเพียง 1.6% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 2.2% ประเมินตลาดการเงินของสหรัฐจะได้รับผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มคุมเข้มนโยบายการเงิน ซึ่งรวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT)
- คณะกรรมการยุโรป ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของยุโรปสำหรับปี 2022 ลงเหลือระดับเติบโต 2.7% จากเดิมคาดารณ์ไว้ที่ 4% และปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับปี 2023 เหลือ 2.3% จากเดิมคาดารณ์ไว้ที่ 2.7%
- สหรัฐและยุโรปเร่งสร้างห่วงโซ่อุปทานด้านอาหาร หลังจากอินเดียระงับการส่งออกข้าวสาลี โดยอินเดียให้เหตุผลว่า เป็นการกระทำเพื่อสร้างคามมั่นคงด้านอาหารให้กับประเทศ และทั้งนี้ยูเครนเองก็ยังไม่สามารถส่งธัญชพืช ผุ๋ย และน้ำมันพืชได้ ในขณะที่สงครามก็ทำลายไร่ปลูกธัญพืชต่างๆ และประชาชนยังไม่สามารถปลูกธัญพืชต่างๆ ได้ในช่วงนี้
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันจันทร์ หลังมีรายงานว่าเซี่ยงไฮ้วางแผนยุติมาตรการล็อกดาวน์ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ซึ่งทำให้นักลงทุนมีมุมมองบวกว่าความต้องการใช้น้ำมันในจีนจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 3.71 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 114.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. พุ่งขึ้น 2.69 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 114.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าพลังงาน ของ Mizuho ระบุว่า ปัจจุบันยังคงไม่มีการเพิ่มขึ้นของปริมาณน้ำมันในคลัง มาตั้งแต่เดือนมีนาคม พร้อมชี้ว่า มีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อนของสหรัฐ โดยเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงวันหยุดยาววันรำลึกทหาร (Memorial Day)
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ
- ยูเครนกล่าว เผยว่า มีการยิงขีปนาวุธโจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางการทหารรวม 4 ครั้งในเมืองยาโวริฟ ทางตะวันตกของยูเครน ใกล้ชายแดนโปแลนด์ เมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ ที่ 15 พ.ค.
- รัฐบาลฟินแลนด์ออกแถลงการณ์ว่า ฟินแลนด์จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโต (NATO) ซึ่งนับเป็นการตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศ แม้มีความเสี่ยงที่จะเผชิญความขัดแย้งกับรัสเซียก็ตาม โดยฟินแลนด์มีชายแดนยาว 1,340 กิโลเมตรติดกับรัสเซีย
- ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ระบุว่า การขยายตัวขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโต (NATO) กำลังเป็นปัญหา และเป็นประโยชน์ต่อสหรัฐ พร้อมชี้ว่า รัสเซียไม่ได้มีปัญหาใดกับฟินแลนด์และสวีเดน
ข่าวเกี่ยวกับ Covid-19
- สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดโควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,893 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,159,542 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) รวมยอดติดเชื้อสะสม 4,382,977 ราย เสียชีวิต 38 ราย เสียชีวิตสะสม 29,550 ราย
- เซี่ยงไฮ้วางแผนที่จะยุติมาตรการล็อกดาวน์ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ เพื่อให้ประชาชนกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง หลังจากมาตรการล็อกดาวน์ที่บังคับใช้มาเป็นเวลานานกว่า 6 สัปดาห์ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 34.70 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 34.78 บาทต่อดอลลาร์ (ระดับปิด ณ วันที่ 12 พฤษภาคม)
- รัฐบาลเตรียมออกประกาศสำนักนายกฯตั้ง “คณะกรรมการสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย (คสดช.)” ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้เห็นชอบการให้วีซ่าสำหรับผู้พำนักระยะยาว (Long-term resident visa) หรือ “LTR” ที่มีอายุ 10 ปี และตั้งเป้าว่าจะมีชาวต่างชาติในกลุ่มนี้มาอาศัยในประเทศไทยประมาณ 1 ล้านคนในระยะเวลา 5 ปี
ที่มาจาก : Reuters, FXstreet, Infoquest, CNBC