ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ได้รับแรงหนุนจากมุมเศรษฐกิจสหรัฐที่ย้ำแย่ หลังมีการรายงานการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐ(ADP Non-Farm Employment Change)ประจำเดือนพฤษภาคมปรับตัวลดลงสวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์และต่ำกว่าคาดค่อนข้างมาก
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 23.11 เหรียญ หรือ 1.25% มาอยู่ที่ระดับ 1,869.08 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค. ปรับตัวขึ้น 23.9 เหรียญ หรือ 1.29% มาอยู่ที่ระดับ 1,872.8 เหรียญ
- สัญญาซื้อขายล่วงหน้าโลหะเงิน ส่งมอบเดือน ก.ค. ปรับตัวขึ้น 58.2 เซนต์หรือ 2.67% มาอยู่ที่ระดับ 22.357 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 1.16 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,066.04 ตันภาพรวมเดือนมิถุนายน ขายสุทธิ 2.32 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 90.38 ตัน
- นักวิเคราะห์ของ Fxstreet กล่าวว่า ทองคำได้รับแรงหนุนจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นทั่วโลก ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจ ขณะที่สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ รวมถึงสงครามในยูเครน ยังคงเป็นแรงหนุนที่สำคัญของการเข้าถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
- หัวหน้านักวิจัยของสินค้าโภคภัณฑ์ Nirmal Bang กล่าวว่า แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยแท้จริงจะปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ราคาทองคำยังคงรักษาระดับเอาไว้ได้ โดยได้รับแรงหนุนจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงนโยบายที่เข้มงวดของเฟด ทั้งนี้ จุดหลักคือ การที่เรายังเคยเห็นระดับการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขนาดนี้มาก่อน
- นักวิเคราะห์ของ Citi กล่าวว่า การคุมเข้มนโยบายการเงิน และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด เป็นสิ่งที่ช่วยคุมอัตราเงินเฟ้อได้ในระยะกลาง ซึ่งเป็นปัจจัยลบต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ท่ามกลางสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น
- นักวิเคราะห์จาก Commerzbank มองว่า ตลาดแรงงานสหรัฐตึงตัวค่อนข้างมาก จะเป็นประเด็นข้อถกเถียงหลักในประเด็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และกดดันราคาทองคำอีกครั้ง
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.79 จุด หรือ -0.78% มาอยู่ที่ระดับ 101.75 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.049% มาอยู่ที่ระดับ 2.913% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี อยู่ที่ระดับ 2.642% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ 0.271%
- Fed Watch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนักกว่า 99% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนมิ.ย
- นักเศรษฐศาสตร์จาก Commerzbank ประเมินว่า ค่าเงินดอลลาร์ไม่ได้ผลกระทบจากการประกาศตัวเลขการจ้างงานสหรัฐ โดยชี้ว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่ได้สะท้อนเหตุผลของการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ ณ ขณะนี้
- ผู้ว่าการธนาคารแห่งฝรั่งเศส ฟรานซัวร์ วิลเลอรอย และหนึ่งในผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป ชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อยุโรปอยู่ในระดับสูงมาก และกระทบสินค้าในวงกว้าง การปรับนโยบายการเงินของ ECB ให้เข้าสู่ระดับปกติ เป็นเรื่องที่จำเป็น และนอกจากนี้ประเมิน เศรษฐกิจยุโรปจะเติบโตช้าลงในช่วงระยะเวลา 2 ปีข้างหน้า
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนี Dow jones ปรับตัวขึ้น 434.92 จุด หรือ 1.33% มาอยู่ที่ระดับ 33,248.02 จุด
- ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น 75.59 จุด หรือ 1.84% มาอยู่ที่ระดับ 4,176.82 จุด
- ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 344.53 จุด หรือ 2.75% มาอยู่ที่ระดับ 12,892.89 จุด
- รายงานตัวเลขเงินเฟ้อผู้ผลิตของยุโรปในเดือนเษายนพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่่ระดับ 37.2% ปรับขึ้นจากเดือนมีนาคมที่อยู่ที่ระดับ 36.9% แสดงถึงแรงกดดันเงินเฟ้อของยุโรปยังไม่ได้ทำจุดสูงสุด และหนุนให้ธนาคารกลางยุโรปมีแนวโน้มใช้นโยบายการเงินเข้มงวดเร็วขึ้น
- รายงานการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐ(ADP Non-Farm Employment Change)ประจำเดือนพฤษภาคม จำนวน 128,000 ตำแหน่ง น้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 และต่ำกว่าที่คาดไว้ที่จะมีการจ้างงาน 295,000 ตำแหน่ง
- สำนักงานสถิติแห่งชาติของอินโดนีเซีย (BPS) เปิด อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. พุ่งแตะระดับ 3.55% เมื่อเทียบรายปี และเพิ่มขึ้นจากระดับของเดือนเม.ย. ที่ 3.47% เนื่องจากรัฐบาลอนุญาตให้สายการบินปรับขึ้นต้นทุนการผลิต ตลอดจนมีนโยบายปรับขึ้นราคาน้ำมันเปอร์ตาแมกซ์ (Pertamax)”ส่งผลให้ค่าโดยสารเครื่องบินและราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
- อินเดียกำลังประสบปัญหาราคามะเขือเทศพุ่งสูงขึ้น ทำให้บรรดานักการเมืองต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากภาวะผักราคาแพงเคยมีประวัติโค่นอำนาจรัฐบาลอินเดียมาแล้วหลายครั้ง โดยราคาเฉลี่ยของมะเขือเทศในอินเดียพุ่งขึ้นถึง 70% จากเมื่อหนึ่งเดือนก่อน และ 168% จากหนึ่งปีก่อนหน้า แตะที่ 53.75 รูปี (69 เซนต์) ต่อกิโลกรัม ณ วันอังคารที่ผ่านมา นอกจากนี้ราคาสินค้าทุกประเภทในอินเดีย ตั้งแต่น้ำมันปรุงอาหารไปจนถึงแป้งสาลีปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งกระตุ้นให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 8 ปีในเดือนเม.ย.
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาด แม้ว่ากลุ่มโอเปกพลัสลงมติเพิ่มการผลิตน้ำมันหลังเสร็จสิ้นการประชุมก็ตาม
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.61 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 116.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.32 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 117.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
- รัสเซียตกลงจะยอมให้สมาชิกรายอื่นๆในกลุ่มโอเปคและโอเปคพลัส เพิ่มกำลังการผลิตทดแทนโควตาของรัสเซียอย่างค่อยเป็นค่อยไป
- โอเปคพลัสเตรียมปรับแผนกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มกว่า 50% สำหรับการผลิตเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมปีนี้ โดยปรับเพิ่มจากแผนกำลังการผลิตที่เดิมอยู่ที่ระหว่าง 400,000 - 432,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ระดับ 648,000 บาร์เรลต่อวัน เพื่อชดเชยน้ำมันจากรัสเซียที่หายไปจากตลาด
- หลายประเทศในยุโรปเตรียมสร้างฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่งจำนวนมาก โดยมีเป้าหมายส่วนหนึ่งเพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันและก๊าซจากรัสเซีย หลังรุกรานยูเครนอย่างหนัก
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ
- กองกำลังรัสเซียพยายามรวบรวมกำลังพลเพิ่มเติม เพื่อยึดครองเมืองซีวีโรโดเนสก์ ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมของยูเครน ขณะที่ปฎิบัติการบุกจู่โจมเพื่อยึดครองภูมิดอนบาสใกล้สำเร็จทุกขณะ
- ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐประกาศงบช่วยเหลือยูเครนก้อนใหม่ และจัดส่งอาวุธยุทโธปกรณ์มูลค่ากว่า 700 ล้านดอลลาร์แก่ยูเครน ซึ่งรวมถึงระบบยิงจรวดหลายลำกล้องที่ล้ำสมัย สามารถโจมตีเป้าหมายระยะไกลได้ประมาณ 80 กิโลเมตร เพื่อสนับสนุนยูเครนในการต่อสู้กับรัสเซีย โดยงบประมาณล่าสุดจะทำให้ยอดรวมการจัดส่งความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนจากสหรัฐนั้นแตะระดับประมาณ 4.6 พันล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนในวันที่ 24 ก.พ.
ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด
- สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทย พบผู้ติดเชื้อใหม่ 2,976 ราย ทำให้มีผู้ยอดผู้ติดเชื้อสะสม (ตั้งแต่ 1 ม.ค.65) 2,237,121 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 32 ราย
- บริษัทไฟเซอร์/ไบออนเทคได้ยื่นขออนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีเป็นกรณีฉุกเฉินต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐแล้ว
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- ค่าเงินบาทเช้านี้ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย มาอยู่ที่ระดับ 34.247 บาทต่อดอลลาร์
- ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปี 65 จะขยายตัวที่ 2.8% ลดลงจาก 3.0% ในการประเมินครั้งก่อนเมื่อเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา จากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้าลงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และปัญหาการชะงักงันในห่วงโซ่อุปทานและการขาดแคลนวัตถุดิบ โดยเฉพาะชิปเซมิคอนดักเตอร์ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากที่จีนมีมาตรการล็อกดาวน์เมืองที่เป็นฐานการผลิตสำคัญหลายแห่งในช่วงที่ผ่านมา ได้ส่งผลต่อกระบวนการผลิตและการส่งออกสินค้าบางส่วนของไทย สำหรับแนวโน้มเงินบาทที่อ่อนค่าลงจะช่วยรักษาศักยภาพการแข่งขันด้านราคาของสินค้าไทยในตลาดโลกได้เพียงบางส่วน
ที่มาจาก : Reuters, FXstreet, Infoquest, CNBC