ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นทะลุระดับ 3% เป็นปัจจัยกดดันตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันศุกร์นี้
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -12.2 เหรียญ หรือ -0.66% มาอยู่ที่ระดับ 1,839.23 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 6.5 เหรียญ หรือ 0.35% ปิดที่ 1,843.7 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 18.4 เซนต์ หรือ 0.84% ปิดที่ 22.092 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 2.98 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,063.06 ตันภาพรวมเดือนมิถุนายน ขายสุทธิ 5.3 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 87.4 ตัน
- Fitch Group ระบุว่า ทองคำได้รับประโยชน์จากนโยบายความขัดแย้งยูเครน-รัสเซีย และมาตรการโควิดเป็นศูนย์ของจีน ที่ส่งผลให้เพิ่ม (1) ความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ (2) ความกังวลเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น (3) ความกังวลเศรษฐกิจถดถอย จากการที่บรรดาธนาคารกลางหาทางขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
- ผู้ว่าการคนใหม่ของธนาคารกลางเช็ก (Czech National Bank) กล่าวว่า เขาเตรียมเพิ่มสัดส่วนการถือครองทองคำในส่วนเงินทุนสำรองของธนาคารกลางเป็น 10 เท่า จากเดิมถือครอง 11 ตันเป็นถือครอง 100 ตัน
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.33 จุด หรือ 0.32% มาอยู่ที่ระดับ 102.47 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.1% มาอยู่ที่ระดับ 3.044% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี อยู่ที่ระดับ 2.749% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ 0.295%
- นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยว่า การใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินไม่ใช่แนวทางที่เหมาะสมสำหรับ BOJ ในเวลานี้ เนื่องจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงอยู่ในช่วงการฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
- นักกลยุทธ์การตลาดของ IG กล่าวว่า หลังจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 390,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ตลาดยังคงติดตามการการส่งสัญญาณต่างๆที่สำคัญจากบรรดาธนาคารกลางในสัปดาห์นี้ ทั้งการให้แนวทางจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางออสตรเลีย (RBA) ตลอดจนถึงการรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯซึ่งบ่งชี้สภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐ
- Enrique Diaz Alvarez หัวหน้าเจ้าหน้าที่ความเสี่ยงจาก Ebury กล่าวว่า ค่าเงินยูโรยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอยู่ จากการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางยุโรปนั้นมีแนวโน้มที่จะเป็นนโยบายเชิงรุกที่มีความเข้มงวดเพิ่มมากขึ้น
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ ขานรับข่าวจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ในกรุงปักกิ่ง อย่างไรก็ดี ตลาดปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,915.78 จุด เพิ่มขึ้น 16.08 จุด หรือ +0.05%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,121.43 จุด เพิ่มขึ้น 12.89 จุด หรือ +0.31% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,061.37 จุด เพิ่มขึ้น 48.64 จุด หรือ +0.40%
- นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs มองเศรษฐกิจจีนฟื้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปและไม่มั่นคงจากการที่มาตรการปิดเมืองและเปิดเมืองของแต่ละเมืองหลักในประเทศจีนเกิดขึ้นไม่สอดคล้องกัน ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนไม่ฟื้นตัวรวดเร็วในลักษณะ V-shape อย่างที่เคยเกิดในปี 2020
- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อภาคการบริการเดือนพฤษภาคมของจีน(Caixin services PMI)ต่ำกว่าคาดการณ์ค่อนข้างมาก และยังคงสะท้อนภาพของการหดตัวลง โดยรายงานอยู่ที่ระดับ 41.4 จุด ต่ำกว่าที่คาดว่าจะฟื้นตัวอยู่ที่ระดับ 47.3 จุด เป็นผลมาจากมาตรการควบคุมโรคระบาดที่จำกัดการเดินทาง
- นักวิเคราะห์จากบริษัทเซเวนส์ รีพอร์ทกล่าวว่า การที่จีนเริ่มเปิดประเทศทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า เศรษฐกิจจีนจะกลับมาขยายตัวได้ดีอีกครั้งในไม่ช้านี้และจะทำให้ปัญหาห่วงโซ่อุปทานเริ่มบรรเทาลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจทั่วโลกรวมถึงสหรัฐและยุโรปให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย
- นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนพ.ค.ในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์จากบริษัทเนชันแนล ซิเคียวริตีส์ในสหรัฐคาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค จะเพิ่มขึ้น 8.2% ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนเม.ย.ที่ขยายตัว 8.3%
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ โดยตลาดถูกกดดันจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 37 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 118.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 21 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 119.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
- นักวิเคราะห์ของ JP Morgan คาดว่า กลุ่มโอเปคพลัสจะเพิ่มการผลิตน้ำมันขึ้นอีกประมาณ 160,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนกรกฎาคม และ 170,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนสิงหาคม ด้วยกำลังการผลิตสำรองที่ยังคงเหลืออยู่ของสมาชิกกลุ่มโอเปคพลัส
- ซาอุดีอาระเบียประกาศขึ้นราคาน้ำมันดิบ ประเภท Arab Light Crude อย่างเป็นทางการสำหรับลูกค้าในเอเชีย โดยขึ้นจาก 2.10 ดอลลาร์ในเดือนมิถุนายนเป็น 6.50 ดอลลาร์ในเดือนกรกฎาคม โดยตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 1.50 ดอลลาร์
- นายบรูโน เลอ แมร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของฝรั่งเศส ระบุว่า ฝรั่งเศสกำลังเจรจากับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เกี่ยวกับการจัดหาน้ำมันและดีเซล เนื่องจากฝรั่งเศสกำลังมองหาทางเลือกอื่นนอกเหนือจากแหล่งพลังงานของรัสเซีย รวมทั้งฝรั่งเศสยังวางแผนที่จะเร่งการลงทุนในการเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาดอีกด้วย เช่น เร่งการเปิดตัวฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่ง เพื่อเพิ่มความเป็นอิสระด้านพลังงานของประเทศ
- หนังสือพิมพ์เวลต์ อัม ซอนน์แท็ก รายงานว่า การคว่ำบาตรก๊าซพรอม เจอร์เมเนีย และบริษัทในเครืออาจทำให้ผู้จ่ายภาษีและผู้ใช้ก๊าซเยอรมนีเสียเงินเพิ่ม 5 พันล้านยูโร (5.4 พันล้านดอลลาร์) ต่อปีสำหรับการจัดหาก๊าซทดแทน
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ
- นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แห่งอังกฤษ เผชิญกับการลงมติไม่ไว้วางใจ ท่ามกลางกระแสความไม่พึงพอใจในความเป็นผู้นำของเขาที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
- ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียจะโจมตีเป้าหมายใหม่ หากตะวันตกจัดส่งขีปนาวุธพิสัยไกลให้แก่ยูเครนเพื่อใช้ในระบบจรวดเคลื่อนที่ที่มีความแม่นยำสูง
- รัสเซียยิงมิสไซล์โจมตีกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน ในช่วงเช้าของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการยิงถล่มครั้งแรกในรอบกว่า 1 เดือน ขณะที่เจ้าหน้าที่ของยูเครนกล่าวว่า ยูเครนได้ตอบโต้รัสเซียในสมรภูมิหลักทางตะวันออกของประเทศจนสามารถยึดเมืองซีวีโรโดเนสก์กลับคืนได้ครึ่งหนึ่ง
- รัฐบาลอังกฤษประกาศว่าจะจัดส่งเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง M270 ซึ่งมีพิสัยการยิงไกลถึง 80 กิโลเมตร (50 ไมล์) ให้กับยูเครน โดยเป็นความเคลื่อนไหวที่สอดประสานกับสหรัฐ เพื่อมุ่งรับมือการรุกรานของรัสเซีย
- สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตัดสินใจชี้ขาดที่จะไม่เชิญรัฐบาลคิวบา, เวเนซุเอลา และนิคารากัวเข้าร่วมการประชุมสุดยอดของทวีปอเมริกา แม้เผชิญคำขู่จากประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ของเม็กซิโก ว่าจะไม่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดเว้นเสียแต่ทุกประเทศในซีกโลกตะวันตกจะได้รับเชิญเข้าร่วม
- กระทรวงกลาโหมออสเตรเลียเปิดเผยว่า เครื่องบินขับไล่ J-16 ของจีนซึ่งปฏิบัติภารกิจซ้อมรบได้บินเข้าใกล้เครื่องบินลาดตระเวน P-8 ของออสเตรเลียขณะปฏิบัติภารกิจตามปกติในน่านฟ้าสากลเหนือทะเลจีนใต้เมื่อเดือนที่ผ่านมา และมีการปล่อยเป้าลวงเข้าใส่เครื่องยนต์ของเครื่องบินออสเตรเลียอย่างน้อยหนึ่งตัว
- เกาหลีใต้และสหรัฐฯผนึกกำลังยิงขีปนาวุธแบบพื้นสู่พื้นทั้งหมด 8 ลูกลงสู่นอกชายฝั่งตะวันออกของเกาหลีใต้ หลังเกาหลีเหนือเพิ่งยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้จำนวน 8 ลูกในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด
- สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,224 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมแล้วจนถึงวันนี้ 4,471,179 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 20 ราย ทำให้การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือน ม.ค.2565 มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 8,520 ราย ขณะที่ ภาพรวมของการเสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 มีผู้เสียชีวิตรวม 30,218 ราย
- กรุงปักกิ่งจะผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 เพิ่มเติมโดยอนุญาตให้ประชาชนรับประทานอาหารที่ร้านได้ หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ในเมืองหลวงและนครเซี่ยงไฮ้คลี่คลายลงและเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงที่ผ่านมา หลังผ่านการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการระบาดของไวรัสโอมิครอนมานานสองเดือน
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 34.41 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 34.31 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ34.35-34.50 บาทต่อดอลลาร์
- รมว.คลัง ยังมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยในปี 65 จะขยายตัวได้ 3% โดยมีภาคส่งออกเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หลังจากที่การส่งออกของไทยยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 64 จนถึงล่าสุดไตรมาส 1/65 ที่การส่งออกขยายตัวสูงถึง 15%
- ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือนพ.ค. 65 อยู่ที่ระดับ 106.62 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.10% และเพิ่มขึ้น 1.40% จากเดือน เม.ย. 65 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อ 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค. 65) เฉลี่ยอยู่ที่ 5.19 %
ที่มาจาก : Reuters, FXstreet, Infoquest, Kitco