MTS Help Center

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ

• สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ในวันจันทร์ เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์และการพุ่งของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาด นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับปัจจัยลบจากความกังวลที่ว่าเฟด จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้นเกินคาด

• ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -55.91 เหรียญ หรือ -2.98% มาอยู่ที่ระดับ 1,820.96 เหรียญ
• สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง -43.7 เหรียญ หรือ -2.33% ปิดที่ 1,831.8 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งวันที่ 18 พ.ค. 2565
• สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง -67.6 เซนต์ หรือ -3.08% ปิดที่ 21.255 เหรียญ
• กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 1,068.87 ตันภาพรวมเดือนมิถุนายน ซื้อสุทธิ 0.51 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 93.21 ตัน

• นักวิเคราะห์อาวุโสของ OANDA กล่าวว่า ความจริงอย่างหนึ่ง คือ ตอนนี้ราคาทองคำไม่ได้เคลื่อนไหวผันแปรตามค่าเงินดอลลาร์ ทั้งนี้ตลาดทองคำยังคงเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ท่ามกลางนักลงทุนที่พยายามหลีกเลี่ยงความเสี่ยง หลังจากรายงานเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น

• นักวิเคราะห์จาก OANDA กล่าวว่า จากข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นกว่าที่คาด ส่งสัญญาณให้ตลาดการเงินเกิดความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องและฝังรากลึกในระบบเศรษฐกิจ โดยเป็นผลบวกต่อราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยในขณะที่หุ้นและคริปโตต่างปรับตัวลดลงอย่างมาก 

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง

• ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.99 จุด หรือ 0.95% มาอยู่ที่ระดับ 105.14 จุด
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวขึ้น 0.182% มาอยู่ที่ระดับ 3.362% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี  อยู่ที่ระดับ 3.389% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ -0.027%

• Fed Watch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนประเมินโอกาส 93% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมนโยบายการเงินรอบ 14-15 มิ.ย. เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนวันศุกร์ที่ผ่านมาที่คาดว่ามีโอกาสเพียง 4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%

• วาณิชธนกิจหลายแห่งเพิ่มการคาดการณ์เรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยหลายแห่งคาดว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมสัปดาห์นี้

• สถาบันการเงินอย่าง บาร์เคลย์ส และเจฟฟรีส์คาดว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ของบาร์เคลย์สระบุว่า "ข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากเกินคาด และจะยังคงแสดงให้เห็นถึงแรงกดดันด้านราคาในวงกว้างและต่อเนื่อง เราคิดว่า เฟดอาจจะต้องการทำให้ตลาดประหลาดใจเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการต่อสู้กับเงินเฟ้อขึ้นมาใหม่"

• นักกลยุทธ์จากบีเอ็นวาย เมลลอนกล่าวว่า "ข้อมูลเงินเฟ้อเดือนพ.ค.ออกมาน่าวิตกมากจนเราคิดว่า เฟดจะจัดการแบบเชิงรุกมากขึ้นในการปรับดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง เรารู้สึกว่าถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องเปลี่ยนมุมมองของเรา และสื่อสารออกมา"

• ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เปิดเผยผลสำรวจนักวิเคราะห์ทางการเงิน คาดว่า อีซีบีจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากรวมกัน 0.75% ในปีนี้ และ 1.50% ภายในปลายปีหน้า โดยอัตราดอกเบี้ยจะแตะระดับสูงสุดที่ 1.25% ในกลางปี 2014

• ผลจาก Reuters Poll ชี้ว่า นักเศรษฐศาสตร์จำนวน 55 คน จากทั้งหมด 56 คน มองว่าธนาคารกลางอังกฤษ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 1.25% ในวันที่ 16 มิถุนายนนี้

• นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวว่า การทรุดตัวลงอย่างหนักของเงินเยนกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น โดยทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจเผชิญกับความไม่แน่นอนและทำให้บริษัทเอกชนมีความยากลำบากในการวางแผนธุรกิจ ซึ่งการแสดงความเห็นของผู้ว่าการ BOJ มีหลังหลังจากเงินเยนร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 23 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยยังกล่าวเพิ่มเติมว่าพร้อมรับมืออย่างเหมาะสมตามความจำเป็น

• หัวหน้าธนาคารกลางสโลวาเกียและสมาชิกสภาปกครองธนาคารกลางยุโรป กล่าวว่า เขาเห็นความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งเป็นการตั้งข้อสังเกตถึงนโยบายทางการเงินแบบค่อยเป็นค่อยไปที่จะเริ่มในเดือนกรกฎาคมด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งเป็นสิ่งที่นาง Christine Lagarde ประธานธนาคารกลางยุโรป ส่งสัญญาณเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ

• ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า การที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย

• ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,516.74 จุด ร่วงลง -876.05 จุด หรือ -2.79%,
• ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,749.63 จุด ลดลง -151.23 จุด หรือ -3.88% และ
• ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,809.23 จุด ดิ่งลง -530.80 จุด หรือ -4.68%

• ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เปิดเผยผลสำรวจนักวิเคราะห์ทางการเงินพบว่า ยูโรโซนจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยในปีนี้ และเศรษฐกิจจะขยายตัวเร็วขึ้นอย่างชัดเจน หลังแตะจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 โดยคาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัว 0.1% ในไตรมาส 2 โดยจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 0.4% ทั้งในไตรมาส 3 และ 4

• สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เดือนเม.ย.ของอังกฤษหดตัวลง 0.3% จากเดือนมี.ค. ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 0.1% 

• สำนักงานศุลกากรเกาหลีใต้ (KCS) เปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดส่งออกของเกาหลีใต้ลดลง 12.7% ในช่วง 10 วันแรกของเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยสาเหตุหลักมาจากวันทำงานที่น้อยลง

• ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นระบุว่า ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของบริษัทขนาดใหญ่ในญี่ปุ่น ติดลบติดต่อกัน 2 ไตรมาส เนื่องจากการที่รัสเซียโจมตียูเครนทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน

• สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ โดยได้แรงหนุนจากมุมมองที่ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกยังคงเผชิญภาวะตึงตัว อย่างไรก็ดี การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการที่จีนกลับมาใช้มาตรการควบคุมโควิด-19 อย่างเข้มงวดอีกครั้งในกรุงปักกิ่ง จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันในประเทศ

• สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 120.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
• ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 122.27 ดอลลาร์/บาร์เรล

• บริษัทนายหน้าค้าน้ำมัน PVM ระบุว่า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงในช่วงนี้ ได้รับผลกระทบจากการที่เจ้าหน้าที่จากทางการจีนออกมาเตือนถึงการระบาดที่รวดเร็วของไวรัสโควิด นำไปสู่ข้อสงสุยเกี่ยวกับการฟื้นตัวของอึปสงค์ในระยะสั้น

• นักวิเคราะห์จาก OANDA ระบุว่าว่า สภาวะอุปสงค์และอุปทานน้ำมันในปัจจุบัน ยังมีแนวโน้มสนับสนุนราคาน้ำมัน เป็นเรื่องที่ยากที่จะเห็นน้ำมันถูกขายอย่างหนัก เว้นแต่ ตลาดน้ำมันสหรัฐจะผลักดันราคาน้ำมันสูงขึ้นจนถึงระดับที่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างเต็มรูปแบบ

ข่าวเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ

• รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศของยูเครนเปิดเผยว่า ยูเครนได้กำหนด 2 เส้นทางสำหรับส่งออกธัญพืชผ่านโปแลนด์และโรมาเนีย เพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตอาหารโลก แม้ว่าปัญหาขอควดจะทำให้ห่วงโซ่อุปทานชะลอตัวก็ตาม

• นายเซอร์ฮีย์ ไกได ผู้ว่าการแคว้นลูฮันสก์ของยูเครนเปิดเผยว่า กองกำลังทหารรัสเซียได้ระเบิดสะพานเชื่อมเมืองซีวีโรโดเนสก์กับเมืองลิซิคานสก์ที่อยู่อีกฟากแม่น้ำซิเวอร์สกี โดเนตส์ ส่งผลให้เส้นทางอพยพของพลเรือนถูกตัดขาด

• สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กลุ่มพันธมิตรสายกลาง “อองซอมเบลอ” (Ensemble) ของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง เฉือนเอาชนะกลุ่มพันธมิตรฝ่ายซ้าย “นูแปส” (NUPES – New Ecologic and Social People’s Union) ไปอย่างฉิวเฉียดในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของฝรั่งเศสรอบแรกเมื่อวันอาทิตย์

• สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ เตรียมเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียและอิสราเอลในเดือนหน้า โดยในการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียนั้น ปธน.ไบเดนจะเข้าเฝ้ามกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ผู้ปกครองซาอุดีอาระเบียโดยพฤตินัยด้วย

ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด

• สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,833 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 4,488,497 ราย อีกทั้งยังมียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 19 ราย ทำให้การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือน ม.ค.2565 มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 8,670 ราย ขณะที่ ภาพรวมของการเสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 มีผู้เสียชีวิตรวม 30,368 ราย

• เขตเฉาหยาง ซึ่งเป็นเขตที่มีประชากรมากที่สุดของปักกิ่ง ประกาศปูพรมตรวจโควิด-19 ทั้งหมด 3 รอบ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่รุนแรง ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากผับบาร์ในย่านชอปปิงและย่านสถานบันเทิงยามค่ำคืนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยประกาศดังกล่าวมีขี้นไม่นานหลังจากปักกิ่งผ่อนคลายมาตรการคุมโควิด-19 ที่ประกาศใช้ตอนที่มีการระบาดในเดือนเม.ย.

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท

• นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ  34.90 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าสุดในรอบ5ปี3เดือน และอ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  34.81 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ34.80-35.00 บาทต่อดอลลาร์

• คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เคาะขึ้นน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นลิตรละ 1 บาทต่ออีกสัปดาห์ เป็นราคาลิตรละ 35 บาท หวังพยุงสภาพคล่องให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสามารถดูแลราคาขายปลีกดีเซลในประเทศไม่ให้สูงเกินไป ล่าสุดกองทุนน้ำมันติดลบ 9.1 หมื่นล้าน

• หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ คาดว่ากนง.จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งละ 0.25% ในทุกการประชุมที่เหลือของปี 2565 ซึ่งได้แก่ เดือนสิงหาคม กันยายน และพฤศจิกายน และจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับขึ้นสู่ 1.25% ในช่วงสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.50%

• หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ ระบุว่า หากกนง.เริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยไปแล้วและทำให้เกิดการหยุดชะงักของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ หรือเศรษฐกิจโลกเกิดปัญหาชะลอตัวอย่างมาก สิ่งนี้ก็อาจทำให้ กนง. เลือกกลับมาแตะเบรค หยุดการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องไปก่อนได้เช่นกัน

ที่มาจาก : Reuters, FXstreet, Infoquest, Bangkokbiznews