ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ โดยดีดตัวขึ้นหลังจากร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 9 เดือน
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -0.1 เหรียญ หรือ -0.01% มาอยู่ที่ระดับ 1,741.55 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 2.6 เหรียญ หรือ 0.15% ปิดที่ 1,742.3 เหรียญ แต่ภาพรวมราคาทองคำในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา สัญญาทองคำยังคงร่วงลง 3.3% โดยเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์กดดันสัญญาทองคำ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 4.8 เซนต์ หรือ 0.25% ปิดที่ 19.236 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 17 เหรียญ หรือ 1.96% ปิดที่ 882.8 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 1.16 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,023.27 ตันภาพรวมเดือนกรกฎาคม ขายสุทธิ 27.04 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 47.61 ตัน
- นักวิเคราะห์จาก Standard Chartered กล่าวว่า ขณะนี้การเคลื่อนตัวของราคาทองคำขึ้นอยู่ระหว่างอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นและความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะถดถอย ซึ่งส่งสัญญาณให้นักลงทุนกลับไปถือครองสกุลเงินดอลลาร์ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากกว่าทองคำ
- SPI Asset Management กล่าวว่า ตลาดคาดว่าเฟดจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจช่วยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้น เนื่องจากในขณะนี้ตลาดได้เปลี่ยนจากความกังวลอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเป็นความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยแทน
- นักวิเคราะห์จาก FXStreet ชี้ว่า รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งที่ 372,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 268,000 ตำแหน่ง ช่วยเปิดทางให้เฟดยังคงสามารถใช้นโยบายการเงินเข้มงวดได้ กดดันราคาทองคำ แม้ว่าทองคำจะฟื้นตัวเล็กน้อยจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเล็กน้อยก็ตาม
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.45 จุด หรือ 0.42% มาอยู่ที่ระดับ 107.14 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.011% มาอยู่ที่ระดับ 3.09% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี อยู่ที่ระดับ 3.119% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ -0.029%
- ยูโรดิ่งลงเข้าใกล้ 1.000 ในคืนวันศุกร์ที่ 8 ก.ค. และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้เปิดเผยรายงานการประชุมกำหนดนโยบายวว่า อีซีบีจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 21 ก.ค. และอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับที่ใหญ่กว่านั้นในเดือนก.ย. ก่อนจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงหลังจากนั้น ในขณะที่อีซีบีกังวลว่าภาวะเงินเฟ้ออาจจะดำเนินต่อไปอย่างยืดเยื้อยาวนาน
- เนื่องจากนักลงทุนมั่นใจแล้วว่า อีซีบีจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค. ดังนั้นนักลงทุนจึงมุ่งความสนใจในช่วงนี้ไปยังประเด็นเรื่องเครื่องมือใหม่ของอีซีบีในการแก้ไขปัญหา fragmentation หรือการแบ่งแยกของตลาดในยูโรโซน ตั้งเป้าไปยังการสกัดกั้นการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ของประเทศที่มีเศรษฐกิจอ่อนแอในยูโรโซน ซึ่งรวมถึงอิตาลี โดยผ่านทางการเข้าซื้อพันธบัตรของประเทศนั้น คาดการณ์กันว่า อีซีบีจะประกาศรายละเอียดของเครื่องมือใหม่นี้ในการประชุมวันที่ 21 ก.ค.
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงเล็กน้อยในวันศุกร์ หลังการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า การเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรง
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,338.15 จุด ลดลง 46.40 จุด หรือ -0.15%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,899.38 จุด ลดลง 3.24 จุด หรือ -0.08%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,635.31 จุด เพิ่มขึ้น 13.96 จุด หรือ +0.12%
- ประธานาธิบดียุน ซอกยอลของเกาหลีใต้กล่าวในวันนี้ว่า สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันถือได้ว่าเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน และสั่งให้รัฐบาลคิดหามาตรการทั้งหมดที่มีเพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชน
- กระทรวงเศรษฐกิจและการเงินของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เกาหลีใต้ได้ตัดสินใจยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าเพิ่มเติม เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น โดยจะยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าประเภทอาหารอีก 7 ชนิด ซึ่งรวมถึงเนื้อวัวและเนื้อไก่ภายในเดือนนี้
- โกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐ โดยระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2565 ของสหรัฐจะขยายตัวเพียง 0.7% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 1.9% โดยการปรับลดตัวเลข GDP มีขึ้น หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขาดดุลการค้าลดลง 1.3% สู่ระดับ 8.55 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค. แต่ตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวดาวโจนส์คาดการณ์ไว้ที่ 8.47 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยการขาดดุลในเดือนพ.ค.เป็นผลมาจากการที่สหรัฐขาดดุลการค้ากับจีนลดลง 2.8 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากจีนเผชิญกับการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
- จีนเปิดเผยมาตรการคุมเข้มกฎระเบียบอุตสาหกรรมบัตรเครดิตมูลค่า 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ โดยกำชับให้ผู้ปล่อยสินเชื่อใช้กลยุทธ์สร้างการเติบโตธุรกิจ “อย่างรอบคอบ” และจับตาความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีน (PBOC) และคณะกรรมการกำกับดูแลการธนาคารและประกันภัยของจีน (CBIRC) ระบุว่า ธนาคารพาณิชย์ถูกห้ามใช้ตัวเลขการออกบัตรเครดิตหรือส่วนแบ่งตลาดเป็นตัวชี้วัดการทำผลงานหลัก และต้องจำกัดจำนวนบัตรเครดิตที่ไม่มีการเคลื่อนไหวไว้ที่ 20%
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้น 2% ในวันศุกร์ หลังการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน โดยราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากภาวะน้ำมันตึงตัวในตลาด และยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 2.06 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 104.79 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงเกือบ 3.4%
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 2.37 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 107.02 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ร่วงลง 4.1%
- นักวิเคราะห์จาก OANDA กล่าวว่า จาก (1) อุปทานน้ำมันรัสเซียที่กำลังทยอยลดลง (2) ปริมาณน้ำมันของคลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ที่ลดน้อยถอยลง (3) กลุ่มโอเปคที่ยังไม่ลงทุนเพิ่มเติมเพื่อรักษาระดับกำลังการผลิต ทำให้เรากังวลว่า เราอาจจเห็นระดับราคาน้ำมัน 100 เหรียญเพียงชั่วครั้งคราวเท่านั้น
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ
- รัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่ม G20 เริ่มหารือกันในวันศุกร์เกี่ยวกับประเด็นการขาดแคลนอาหารและพลังงาน รวมถึงราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้น อันเนื่องมาจากการที่รัสเซียโจมตียูเครน
- สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ จะหารือถึงความเป็นไปได้ที่จะลดการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในการประชุมกับคณะที่ปรึกษาในวันศุกร์ ขณะที่คณะทำงานของปธน.ไบเดนใกล้ที่จะทำการตัดสินใจเรื่องการค้ากับจีน
- สำนักงานของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เปิดเผยว่า ยูเครนคาดว่าจะยังได้รับการสนับสนุนจากอังกฤษต่อไป แม้นายบอริส จอห์นสัน ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ พร้อมกล่าวขอบคุณนายจอห์นสันที่ปกป้องผลประโยชน์ของยูเครนหลังจากการบุกโจมตีของรัสเซีย
- ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ได้แสดงความประสงค์ที่ร่วมมือกับรัฐบาลอังกฤษอย่างใกล้ชิดต่อไป โดยไม่ได้เอ่ยถึงนายบอริส จอห์นสัน ซึ่งลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอังกฤษหลังไม่ได้รับการสนับสนุนจากคณะรัฐมนตรีอีกต่อไป
- นายอัน ดุก-กึน รัฐมนตรีการค้าของเกาหลีใต้ได้ขอความร่วมมือจากฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐ ให้ช่วยสนับสนุนการผ่านร่างกฎหมายที่สำคัญเกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งคาดว่าจะช่วยส่งเสริมกิจกรรมทางธุรกิจของบริษัทเกาหลีใต้ในสหรัฐและการค้าทวิภาคี
ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด
- สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทย ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,811 ราย ทำให้มียอดติดเชื้อสะสม 4,546,854 ราย ไม่รวม ATK อีก 1,781 ราย สะสม 1,897,416 ราย โดย วันนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 24 ราย ทำให้การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือน ม.ค.2565 มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 9,161 ราย ขณะที่ ภาพรวมของการเสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 มีผู้เสียชีวิตรวม 30,859 ราย
- เจ้าหน้าที่มาเก๊าได้เริ่มใช้โรงแรมชื่อดังอีก 2 แห่งในคาสิโนรีสอร์ทเป็นสถานพยาบาลสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่วันศุกร์ ขณะที่พยายามเพิ่มขีดความสามารถในการรับมือกับการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นในศูนย์กลางการพนันใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้
- เซี่ยงไฮ้เปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ส่วนใหญ่อีกครั้งในวันศุกร์ โดยดำเนินการตามแผนที่จะอนุญาตให้เริ่มกิจกรรมประจำวันได้อีกครั้งอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังจากยกเลิกการล็อกดาวน์คุมโควิด-19 ระยะเวลา 2 เดือนในเดือนมิ.ย. ขณะเดียวกันก็พยายามจะควบคุมไม่ให้มีการติดเชื้อใหม่เช่นเดียวกับเมืองอื่น ๆ ของจีน
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.82 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 36.01 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 35.70- 36.30 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.75-35.90 บาทต่อดอลลาร์
- โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-6 ก.ค. 65 มีจำนวน 2,214,132 คน คิดเป็นเพิ่มขึ้น 3,684%YoY ส่งผลให้มีรายได้ 1.25 แสนล้านบาท
- ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ขณะนี้จะยังคงปล่อยให้การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทเป็นไปตามกลไกของตลาดเป็นหลัก และอยู่ในทิศทางเดียวกับค่าเงินสกุลอื่นทั่วโลก ซึ่งแม้จะอ่อนค่าลงมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แต่เชื่อว่าในครึ่งปีหลังมีโอกาสพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้
- กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ญี่ปุ่นเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร อันดับ 2 ของไทย โดยระหว่างปี 62-64 ไทยมีสัดส่วนการส่งออกไปญี่ปุ่นประมาณ 11.35% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรไปตลาดโลก และที่ผ่านมา ไทยได้ดุลการค้าสินค้าเกษตรกับญี่ปุ่นมากกว่า 130,000 ล้านบาท
ที่มาจาก : Reuters, FXstreet, Infoquest