ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 9 เดือนในวันจันทร์ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาด โดยดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นทะลุระดับ 108 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -8.51 เหรียญ หรือ -0.49% มาอยู่ที่ระดับ 1,733.4 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ลดลง 10.6 เหรียญ หรือ 0.61% ปิดที่ 1,731.7 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย. 2564
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 10.4 เซนต์ หรือ 0.54% ปิดที่ 19.132 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 22.1 เหรียญ หรือ 2.5% ปิดที่ 860.7 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 1,023.27 ตันภาพรวมเดือนกรกฎาคม ขายสุทธิ 27.04 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 47.61 ตัน
- นักวิเคราะห์จาก ActivTrades กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นเป็นการเพิ่มค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำที่ไม่มีผลตอบแทน ท่ามกลางตลาดแรงงานของสหรัฐฯที่แข็งแกร่งบ่งชี้ถึงการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯดีขึ้น ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ได้อีก กดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง
- หัวหน้านักวิเคราะห์การตลาดจาก FXStreet กล่าวว่า สิ่งที่เราเห็นตอนนี้เกี่ยวกับทองคำ คือ ราคาทองคำกำลังหยุดพัก หลังจากราคาทองคำปรับตัวลดลงครั้งใหญ่
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.25 จุด หรือ 0.23% มาอยู่ที่ระดับ 108.27 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.017% มาอยู่ที่ระดับ 2.974% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี อยู่ที่ระดับ 3.045% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ -0.071%
- นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ออกมาเน้นย้ำอีกครั้งว่าจะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพิ่มเติมหากจำเป็นต้องทำ เพื่อคอยสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เปราะบาง
- นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ในการสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% เป็น 2.25% ในการประชุมนโยบายวันพุธนี้ (13 ก.ค.) ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้น 0.50% ครั้งแรกของ BOK เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบ 24 ปีและยังมีโอกาสเฟ้อแรงกว่านี้อีก
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน และโกลด์แมน แซคส์ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันพุธนี้ เพื่อประเมินทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,173.84 จุด ลดลง 164.31 จุด หรือ -0.52%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,854.43 จุด ลดลง 44.95 จุด หรือ -1.15% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,372.60 จุด ร่วงลง 262.71 จุด หรือ -2.26%
- บริษัทฟิทช์ เรทติงส์ได้ปรับเพิ่มแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐขึ้นสู่ "มีเสถียรภาพ" จาก "เชิงลบ" เนื่องจากพลวัตด้านหนี้รัฐบาลระยะใกล้ปรับตัวดีขึ้น อันเป็นผลจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้หลังโรคระบาด โดยฟิทช์คาดว่า รายได้ของรัฐบาลจะเพิ่มขึ้นในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากการจัดเก็บภาษีเงินได้ส่วนบุคคลและนิติบุคคลที่มากขึ้น ทั้งนี้ ฟิทช์คงอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐที่ AAA จากความแข็งแกร่งทางโครงสร้าง เช่นขนาดของเศรษฐกิจ, รายได้ต่อหัวสูง และสภาวะทางธุรกิจที่มีการเคลื่อนไหว
- ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ธนาคารในจีนให้สินเชื่อใหม่คิดเป็นมูลค่า 2.81 ล้านล้านหยวน(4.193 แสนล้านดอลลาร์) ในเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้นจากเดือนพ.ค. และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ขณะที่ธนาคารกลางจีนหาทางกระตุ้นการขยายสินเชื่อ ทั้งนี้นักวิเคราะห์คาดว่าสินเชื่อใหม่จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.40 ล้านล้านหยวนในเดือนมิ.ย. จาก 1.89 ล้านล้านหยวนในเดือนก่อน และเทียบกับ 2.12 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ (M2) เพิ่มขึ้น 11.4% ในเดือนมิ.ย.จากช่วงเดียวกัน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 11.0% และเทียบกับที่เพิ่มขึ้น 11.1% ในเดือนพ.ค.
- หุ้นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ร่วงลงในช่วงเช้าเมื่อวานนี้ หลังทางการจีนสั่งปรับบริษัทอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ของจีน โทษฐานที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายต่อต้านการผูกขาดการค้า โดยมีรายชื่อ ได้แก่ บริษัทอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง, บริษัทเทนเซ็นต์ โฮลดิ้งส์ และบริษัทผิงอัน เฮลท์แคร์ แอนด์ เทคโนโลยี โดยหุ้นของบริษัทร่วงลง 6.4%, 2.7% และ 4.0% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นบริษัทเจดีดอทคอม ร่วงลง 4.7% และหุ้นบริษัทเหม่ยถวนร่วงลง 5.5%
- ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยผลสำรวจความเห็นของธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินจำนวน 204 แห่ง โดยระบุว่า ธนาคารต่าง ๆ ของเกาหลีใต้วางแผนที่จะผ่อนคลายกฎเกณฑ์ด้านการปล่อยเงินกู้ในไตรมาส 3 ปีนี้ เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นได้ส่งผลให้ความต้องการกู้เงินของภาคครัวเรือนชะลอตัวลง โดยผลสำรวจดังกล่าวจัดทำในระหว่างวันที่ 15-30 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนยังวิตกว่าจีนอาจกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำมันในประเทศ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 70 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 104.09 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 107.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
- บริษัท Investec Risk Solutions ระบุในรายงานว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง คือความกังวลเศรษฐกิจถดถอย และข้อสงสัยในกำลังซื้อของคนที่เผชิญราคาน้ำมันในระดับสูง ประกอบกับความกังวลการระบาดของไวรัสโควิดรอบใหม่ ส่งผลซ้ำเติมตลาดน้ำมันเช่นกัน
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ
- นายหวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของจีน ได้ออกมาเตือนชาติสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ให้ระวังถูกมหาอำนาจบางประเทศใช้เป็น “หมาก” ในเกมการเมือง เนื่องจากขณะนี้หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถูกกดดันให้เลือกข้างจนเสี่ยงทำให้ภูมิภาคนี้ต้องแตกแยก
- นางอิรีนา เวเรชชุก รองนายกรัฐมนตรียูเครนสั่งประชาชนอพยพออกจากภูมิภาคเคอร์ซอนทางตอนใต้ที่ถูกรัสเซียยึดครองอยู่โดยด่วน เนื่องจากกองกำลังติดอาวุธของยูเครนกำลังเตรียมการโจมตีตอบโต้ทหารรัสเซียในพื้นที่ดังกล่าว
ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด
- สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,679 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 4,548,533 ราย โดย วันนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 23 ราย ทำให้การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือน ม.ค.2565 มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 9,184 ราย ขณะที่ ภาพรวมของการเสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 มีผู้เสียชีวิตรวม 30,882 ราย
- เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของแคลิฟอร์เนียกำลังพิจารณาการกลับมาใช้มาตรการบังคับสวมหน้ากากอนามัยในอาคารอีกครั้ง หลังยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5
- กระทรวงสาธารณสุขของไทย เปิดเผยว่า การเฝ้าระวังโควิด-19 สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาจากการตรวจกว่า 500 ราย พบสายพันธุ์ BA.1 จำนวน 5 ราย สายพันธุ์ BA.2 จำนวน 283 ราย และสายพันธุ์ BA.4/BA.5 จำนวน 280 ราย
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.22 บาทต่อดอลลาร์ "อ่อนค่าลงเล็กน้อย” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.18 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.15-36.35 บาทต่อ ดอลลาร์
- กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า เชื่อว่าในปีนี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อย่างน้อย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% แต่ ธอส.จะพยายามตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้จนถึงเดือน ต.ค. เพื่อลดผลกระทบสำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง โดยการตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ครั้งนี้ จะทำให้ ธอส.ได้รับผลกระทบเรื่องต้นทุนประมาณ 1 พันล้านบาท
- KKP Research โดยเกียรตินาคินภัทร คาดว่าเฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีก 75bps ในวันที่ 26-27 กรกฎาคม ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยครั้งต่อไปในวันที่ 10 สิงหาคม กว่า 2 สัปดาห์ และจะทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายระหว่างสหรัฐ และไทย สูงขึ้นถึง 1.875% ซึ่งเป็นส่วนต่างดอกเบี้ยนโยบายที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 50
- กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 35.80-36.30 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 36.02 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 35.62-36.36 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 6 ปีครึ่ง
ที่มาจาก : Reuters, FXstreet, Infoquest