• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 14 กรกฎาคม 2565

    14 กรกฎาคม 2565 | Gold News

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 10 ดอลลาร์ในวันพุธ เนื่องจากนักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงกว่าคาดในเดือนมิ.ย.


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 5.54 เหรียญ หรือ 0.32% มาอยู่ที่ระดับ 1,730.77 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 10.7 เหรียญ หรือ 0.62% ปิดที่ 1,735.5 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 23.6 เซนต์ หรือ 1.24% ปิดที่ 19.194 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 9.7 เหรียญ หรือ 1.17% ปิดที่ 837.8 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 1.74 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,019.79 ตันภาพรวมเดือนกรกฎาคม ขายสุทธิ 30.52 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 44.13 ตัน


  • ผู้อำนวยการฝ่ายค้าโลหะจาก High Ridge Futures ชี้ว่า จากรายงานข้อมูลเงินเฟ้อ บ่งชี้ว่า สภาวะเงินเฟ้อร้อนแรงกว่าที่คาด ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่า เฟดมีแนวโน้มจะใช้นโยบายการเงินเข้มงวดมากขึ้นในการประชุมครั้งถัดไป ซึ่งจะส่งผลลบต่อราคาทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวม


  • นักวิเคราะห์จาก City Index ชี้ว่า ทองคำมีความเสี่ยงที่จะร่วงหล่นไปสู่ระดับต่ำกว่า 1,700 เหรียญ และเป็นเรื่องยากที่ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นในภาวะที่เงินเฟ้อยังคงทำจุดสูงสุดใหม่ หากยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในปัจจัยพื้นฐานและเงินเฟ้อยังไม่ปรับตัวลง ทองคำจะยังคงถูกกดดันต่อ


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.39 จุด หรือ 0.36% มาอยู่ที่ระดับ 108.22 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวขึ้น 0.037% มาอยู่ที่ระดับ 2.943% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี  อยู่ที่ระดับ 3.18% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ -0.237%


  • FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนประเมินโอกาส 19% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% และโอกาส 80% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมนโยบายการเงินรอบ 26-27 ก.ค. 


  • ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ออกรายงานเตือนว่า รัฐบาลของประเทศยูโรโซนต้องเร่งกำกับดูแลสเตเบิลคอยน์อย่างเร่งด่วน ก่อนที่จะสร้างความเสี่ยงต่อเสถียรภาพด้านการเงิน


  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยว่า ราคาขายส่งในญี่ปุ่นพุ่งขึ้น 9.2% ในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบเป็นรายปี หลังจากราคานำเข้าพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากเงินเยนอ่อนค่าลงอย่างรุนแรง


  • นายเจมี แมคกีเวอร์ ผู้เขียนคอลัมน์ของรอยเตอร์ระบุว่า ถึงแม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะยังคงต้องใช้เวลาอีกนานก่อนที่จะประสบความสำเร็จในการควบคุมภาวะเงินเฟ้อให้ได้ตามเป้าหมาย ขณะนี้ก็มีสัญญาณบางประการในตลาดพันธบัตรที่บ่งชี้ออกมาแล้วว่า เฟดอาจใกล้ที่จะประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ในเวลาที่เร็วกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้ 


  • ทั้งนี้ ความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลให้การคาดการณ์เงินเฟ้อในตลาดก็ดิ่งลงอย่างรวดเร็วในช่วงนี้ด้วยเช่นกัน โดยอัตราเงินเฟ้อคุ้มทุนในพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้ออายุ 5 ปีและ 10 ปี และในสัญญาสว็อปเงินเฟ้อ 'five-year/five-year forward' (ซึ่งแสดงให้เห็นถึงตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อระยะ 5 ปีในอีก 5 ปีข้างหน้า) ต่างก็ดิ่งลงมาแล้วราว 1% จากจุดสูงสุดในเดือนมี.ค.และเม.ย. และร่วงลงมาแล้ว 0.50% นับตั้งแต่เฟดจัดการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 14-15 มิ.ย.


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพุธ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับที่รุนแรงขึ้น หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,772.79 จุด ลดลง 208.54 จุด หรือ -0.67%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,801.78 จุด ลดลง 17.02 จุด หรือ -0.45% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,247.58 จุด ลดลง 17.15 จุด หรือ -0.15%


  • รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งสะท้อนเงินเฟ้อสหรัฐ ปรับสูงขึ้น 9.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สูงที่สุดนับตั้งแต่ธันวาคมปี 1981 และมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 8.8% ในขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งมีรวมราคาพลังงานและราคาอาหาร ปรับสูงขึ้น 5.9% เมื่อเทียบปีก่อนหน้า มากกว่าที่คาดการณ์ที่ 5.7% 


  • นักเศรษฐศาสตร์จาก Navy Federal Credit Union ชี้ว่า รายงานดัชนีเงินเฟ้อสร้างความตกใจให้ตลาดอีกครั้ง ซึ่งเลวร้ายเทียบเท่ากับการประกาศเงินเฟ้อระดับสูงในเดือนมิถุนายน และเงินเฟ้อยังเป็นลักษณะกระทบประเภทสินค้าในวงกว้าง ทั้งนี้ แม้ว่า ดัชนีเงินเฟ้อจะสูงจากราคาพลังงานและราคาอาหาร ซึ่งเป็นปัญหาทั่วโลก แต่เงินเฟ้อเริ่มแทรกซึมในสินค้าและบริการในประเทศโดยทั่ว


  • ญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ว่า ราคานำเข้าสินค้าในรูปเงินเยนพุ่งขึ้น 46.3% ในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งถือเป็นการทำสถิติพุ่งขึ้นครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์ และถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า การดิ่งลงของค่าเงินเยนส่งผลให้ราคานำเข้าวัตถุดิบทะยานสูงขึ้นไปอีก และปัจจัยนี้จะยังคงส่งผลลบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่อยู่ในภาวะเปราะบาง นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของราคานำเข้าก็ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในภาคค้าส่งยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปด้วย


  • นักวิเคราะห์กล่าวว่า การที่ญี่ปุ่นต้องพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงจำนวนมากอาจจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในภาคค้าส่งไม่สามารถชะลอตัวลงได้มากนัก เพราะว่าการพุ่งขึ้นของราคาเชื้อเพลิงมักจะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าและค่าก๊าซทะยานขึ้นตามไปด้วยในอีกหลายเดือนต่อมา


  • เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ในระหว่างการพบปะกับนายชุนอิจิ ซูซูกิ รัฐมนตรีคลังของญี่ปุ่นนั้น นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐจะเน้นย้ำถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ แม้เผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูง และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 1/2565 ลดลง 1.6% เมื่อเทียบรายปีก็ตาม


  • รัฐมนตรีกระทรวงการคลังยูโรโซนเปิดเผยว่า การต่อสู้กับเงินเฟ้อเป็นภารกิจสำคัญอันดับหนึ่งในขณะนี้ แม้เศรษฐกิจยูโรโซนชะลอตัวก็ตาม เนื่องจากพวกเขาได้รับแจ้งจากคณะกรรมาธิการยุโรปเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจที่ถดถอยลง 


  • ความเชื่อมั่นผู้บริโภคออสเตรเลียปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน เนื่องจากผู้บริโภควิตกกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงช้อนซื้อหลังจากราคาน้ำมันทรุดตัวลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งแรงกดดันจากความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสูงกว่าคาด


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 96.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 99.57 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ ว่า ราคาน้ำมันโลกอาจพุ่งขึ้น 40% แตะประมาณ 140 ดอลลาร์/บาร์เรล หากไม่มีการจำกัดเพดานราคาน้ำมันของรัสเซีย รวมถึงมีการยกเว้นมาตรการคว่ำบาตรที่จะอนุญาตให้มีการขนส่งน้ำมันต่ำกว่าเพดานราคา


ข่าวเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ


  • ประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกีแห่งยูเครนเปิดเผยว่า ยุโรปจำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะตัดการส่งก๊าซทั้งหมดให้กับยุโรป ทั้งนี้ รัสเซียได้ระงับการจัดส่งก๊าซไปยังเยอรมนีผ่านท่อส่งก๊าซนอร์ด สตรีม 1 (Nord Stream 1) เพื่อดำเนินการซ่อมบำรุงรักษาตามกำหนดประจำปี ซึ่งแผนการดังกล่าวได้สร้างความกังวลว่า รัสเซียอาจยืดระยะเวลาในการดำเนินการดังกล่าว และจะทำให้การส่งก๊าซไปยังเยอรมนีล่าช้าออกไป


  • นักวิเคราะห์กล่าวว่า นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นยังไม่มีต้นทุนทางการเมืองที่มากพอจะผลักดันไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ แม้จะได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดจากการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา


ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด


  • สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,257 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมแล้วจนถึงวันนี้ 4,553,181 ราย โดยวันนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 28 ราย ทำให้การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือน ม.ค.2565 มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 9,237 ราย ขณะที่ ภาพรวมของการเสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 มีผู้เสียชีวิตรวม 30,935 ราย


  • การที่จีนพยายามควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยที่หลายเมืองใช้มาตรการใหม่นั้น เพิ่มแรงกดดันต่อค่าเงินหยวน


  • กรรมาธิการด้านสาธารณสุขของสหภาพยุโรป (EU) เตรียมแนะนำให้ประชาชนที่มีอายุมากกว่า 60 ปีเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันเข็มที่ 2 เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อและจำนวนผู้เข้ารับการรักษาตัวจากโควิด-19 ในโรงพยาบาลกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งในยุโรป


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 36.24 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  36.28 บาทต่อดอลลาร์ (ระดับปิด ณ วันที่ 12 กรกฎาคม) มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.15-36.35 บาทต่อดอลลาร์


  • รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้ร่วมประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจรอบอ่าวเป่ยปู้ ครั้งที่ 12 ซึ่งถือเป็นการเข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์ของไทย เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยได้เน้นย้ำถึงการใช้ประโยชน์จากความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทยกับจีน

 

ที่มาจาก : Reuters, FXstreet, Infoquest, CNBC


 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com