• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 15 กรกฎาคม 2565

    15 กรกฎาคม 2565 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 15 เดือนในวันพฤหัสบดี เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -20.86 เหรียญ หรือ -1.2% มาอยู่ที่ระดับ 1,711.04 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 29.7 เหรียญ หรือ 1.71% ปิดที่ 1,705.8 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค. 2564
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 96.9 เซนต์ หรือ 5.05% ปิดที่ 18.225 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 20.5 เหรียญ หรือ 2.45% ปิดที่ 817.3 เหรียญ
  • สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 73.30 เหรียญ หรือ 3.7% ปิดที่ 1,898.10 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 2.9 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,016.89 ตันภาพรวมเดือนกรกฎาคม ขายสุทธิ 33.42 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 41.23 ตัน


  • นักวิเคราะห์การตลาดของ City Index กล่าวว่า สกุลเงินดอลลาร์และอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่กดดันต่อราคาทองคำอยู่ในขณะนี้


  • ผู้อำนวยการของ AirGuide กล่าวว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นเป็นบางครั้งบางคราว เนื่องจากนักลงทุนต่างรอเข้าซื้อขณะที่ราคาทองคำทำจุดต่ำสุด แต่ภาพรวมตลาดทองคำยังคงทรงตัวค่อนข้างไปทางแนวโน้มขาลง เนื่องจากถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์  ปรับตัวลดลง -0.03 จุด หรือ -0.03% มาอยู่ที่ระดับ 108.45 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.012% มาอยู่ที่ระดับ 2.947% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี  อยู่ที่ระดับ 3.12% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ -0.173%


  • ธนาคารกลางแคนาดาประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1% สู่ระดับ 2.5% โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมเงินเฟ้อ พร้อมกับเตือนว่า ธนาคารกลางอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในวันข้างหน้า


  • เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.75% หรืออาจแรงถึง 1% ในการประชุมเดือนนี้ หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งขึ้นสูงกว่าการคาดการณ์


  • นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว หลังมีการเปิดเผยดัชนี CPI เดือนมิ.ย.โดยผู้สื่อข่าวถามว่า ตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด จะทำให้เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 1% หรือไม่ ซึ่งนายบูลลาร์ดตอบว่าทุกอย่างเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น


  • นางลอเร็ตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ ระบุว่า แม้ว่าเธอปฏิเสธที่จะสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงขึ้นในการประชุมเดือนนี้ แต่เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเงินเฟ้อที่มีการเปิดเผยในขณะนี้ เธอมองว่าไม่มีเหตุผลใดที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยน้อยกว่าระดับ 0.75% ที่ได้ปรับขึ้นไปแล้วในการประชุมเดือนมิ.ย.


  • นางแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าคาด 


  • นักเศรษฐศาสตร์ของโนมูระคาดว่า ธนาคารกลางของประเทศพัฒนาแล้วชั้นนำจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อลดลง และคาดว่าภาวะถดถอยจะดำเนินต่อไป โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะแตะระดับสูงสุดในปีนี้ โดยคาดว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแตะระดับสูงสุดที่ 3.50-3.75% ในเดือนก.พ.ปีหน้า แม้คาดว่าภาวะถดถอยจะเริ่มขึ้นในไตรมาส 4 นี้ก็ตาม และหลังจากนั้นคาดว่า เฟดจะชะลอจนกว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะลดลงสู่ 2-2.5% หลังจากนั้นก็จะลดดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อการประชุมตั้งแต่เดือนก.ย.2023 เป็นต้นไป ขณะที่การลดงบดุลจะสิ้นสุดลงเช่นกันเพื่อหลีกเลี่ยงเครื่องมือนโยบายที่จะทำงานขัดกันเอง


  • สำหรับธนาคารกลางยุโรป โนมูระคาดว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ย 6 ครั้งรวม 1.75% ภายในเดือนมี.ค.2023 แต่เนื่องจากคาดว่าภาวะถดถอยจะดำเนินต่อไป พวกเขาจึงคาดว่าอีซีบีจลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนมิ.ย.ปีหน้า และถ้าเยอรมนีถูกตัดขาดจากก๊าซของรัสเซียโดยสิ้นเชิง การคุมเข้มนโยบายของอีซีบีก็อาจจะสิ้นสุดลงเร็วกว่าที่คาดไว้


  • โนมูระคาดว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 1.00% ภายในสิ้นปีนี้ และเสริมว่า คาดว่าภาวะถดถอยจะดำเนินต่อไป และอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงบ่งชี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีการลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนพ.ค.และมิ.ย.2023 


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี หลังจากธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,630.17 จุด ลดลง 142.62 จุด หรือ -0.46%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,790.38 จุด ลดลง 11.40 จุด หรือ -0.30% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,251.19 จุด เพิ่มขึ้น 3.60 จุด หรือ +0.03%


  • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจใน 12 เขตของสหรัฐหรือ Beige Book ในวันพุธที่ผ่านมา โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเพียงเล็กน้อยในช่วงกลางเดือนพ.ค.จนถึงกลางเดือนก.ค. เนื่องจากการที่เฟดดำเนินนโยบายที่แข็งกร้าวเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 20 ปีนั้น ยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม


  • ที่ประชุมคณะผู้บริหารของสภาแห่งรัฐจีนซึ่งนำโดยนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า จีนจะดำเนินขั้นตอนด้านนโยบายที่แข็งแกร่งมากขึ้นเพื่อรักษาระดับเงินเดือนให้มีเสถียรภาพและกระตุ้นการสร้างงาน เพื่อสร้างเสถียรภาพให้แก่การจ้างงานโดยรวม


  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐในปี 2565 ลงเหลือ 2.3% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.9% หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลง ขณะเดียวกัน IMF เตือนว่า สหรัฐกำลังเผชิญกับความท้าทายในการหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอย


  • กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ (MTI) เปิดเผยในวันนี้ว่า จากการประมาณการล่วงหน้านั้น ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2565 ขยายตัว 4.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี หลังจากขยายตัว 4% ในไตรมาสแรก

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลที่ว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลให้เศรษฐกิจถดถอย และกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 52 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 95.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 47 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 99.10 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • นักวิเคราะห์จาก PVM Oil Associates ชี้ว่า ตอนนี้ตลาดสนใจเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมัน โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานล่าสุดบ่งชี้ว่ามีปริมาณน้ำมันสำรองเพิ่มขึ้นเพิ่มมขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ ความกลัวเงินเฟ้อที่มากขึ้นทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า ส่งผลลบต่อราคาน้ำมัน แม้ว่าปัจจัยพื้นฐานของราคาน้ำมันจะแข็งแรง แต่การเปลี่ยนแปลงในมุมมองของนักการเงิน(ในทางลบ) เป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนราคาน้ำมันในขณะนี้


ข่าวเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ


  • ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐและนายยาอีร์ ลาปิด นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ลงนามในสนธิสัญญาความร่วมมือเมื่อวานนี้ เพื่อขัดขวางไม่ให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง ซึ่งเป็นวันที่สองในการเยือนภูมิภาคตะวันออกกลางของผู้นำสหรัฐ ทั้งนี้ สัญญาความร่วมมือดังกล่าวเป็นการขยายความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงที่มีมายาวนานระหว่างสหรัฐและอิสราเอล


  • กระทรวงกลาโหมสหรัฐหรือเพนตากอนเปิดเผยว่า สหรัฐประสบความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงทั้งสองลูกของบริษัทล็อคฮีด มาร์ตินเมื่อเร็ว ๆ นี้ ท่ามกลางความหวั่นวิตกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับรัสเซียและจีนที่ประสบความสำเร็จมากขึ้นในการพัฒนาอาวุธความเร็วเหนือเสียง


  • หนึ่งในคณะกรรมการด้านการสื่อสารของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FCC) เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐมีความเสี่ยงด้านความมั่นคงจากการใช้บริการแอปพลิเคชันติ๊กต็อก ซึ่งเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลสหรัฐต่างเกรงว่า ติ๊กต็อกอาจส่งข้อมูลส่วนบุคคลของชาวอเมริกันกลับไปให้รัฐบาลจีน โดยก่อนหน้านี้ได้มีการเรียกร้องให้บริษัทแอปเปิลและกูเกิลลบแอปติ๊กต็อกออกจากแอปสโตร์ของทั้งสองบริษัท เนื่องจากมีความวิตกเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลที่เกี่ยวกับจีน


ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด


  • สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,795 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสม  2,331,541 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) รวมยอดติดเชื้อสะสม 4,554,976 ราย เสียชีวิต 23 ราย เสียชีวิตสะสม 30,958 ราย 


  • หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลีนิก คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่นี้นับเป็นระลอกที่ 6 เป็นการระบาดด้วยสายพันธุ์โอมิครอน BA.5 จะมีจุดสูงสุดในช่วงปลายเดือน ก.ค.65 ต่อเนื่องไปตลอดเดือน ส.ค.65 ซึ่งเป็นช่วงที่นักเรียนมหาวิทยาลัยจะเปิดเทอมหมด โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดจะเริ่มลดลงในช่วงนักเรียนสอบและปิดเทอม


  • ญี่ปุ่นเตือนประชาชนระวังการระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19 หลังมีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ โดยเรียกร้องให้ประชาชนระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงวันหยุดยาวที่กำลังจะมาถึง และช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนที่กำลังใกล้เข้ามา โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นถึงระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา กรุงโตเกียวมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 16,878 ราย ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. และผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่า 90,000 ราย


  • สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทโนวาแวกซ์ อิงค์ สำหรับผู้ใหญ่ เพื่อหวังให้ผู้ที่ไม่ต้องการฉีดวัคซีนชนิด mRNA หันมาฉีดวัคซีนชนิดโปรตีนซับยูนิต (protein subunit) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้กันมานานแทน


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ  36.58 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  36.62 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดอยู่ที่ระดับ 36.45-36.70 บาทต่อดอลลาร์


  • ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ผลสำรวจในเดือน มิ.ย.65 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 64.57 ปรับตัวลดลง 23.1% จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ในเกณฑ์ซบเซาเป็นครั้งแรกในรอบ 11 เดือน

 

ที่มาจาก : Reuters, FXstreet, Infoquest


 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com