• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 18 กรกฎาคม 2565

    18 กรกฎาคม 2565 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (15 ก.ค.) โดยถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก และการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งลดความน่าสนใจของสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -1.79 เหรียญ หรือ -0.1% มาอยู่ที่ระดับ 1,709.75 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 2.2 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่ 1,703.6 ดอลลาร์/ออนซ์ และลดลง 2.2% ในรอบสัปดาห์นี้ โดยเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 36.9 เซนต์ หรือ 2.02% ปิดที่ 18.594 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 2.61 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,014.28 ตันภาพรวมเดือนกรกฎาคม ขายสุทธิ 36.03 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 38.62 ตัน


  • นักวิเคราะห์อาวุโสของ OANDA กล่าวว่า ราคาทองคำปรับตัวลดลงเมื่อเผชิญกับการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวอยู่แถวระดับ 1,700 เหรียญ  และไม่มีท่าทีว่าจะเคลื่อนตัวในแนวโน้มขาขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำยังคงถูกจำกัดที่แนวต้าน 1,750 เหรียญ


  • นักวิเคราะห์จาก ANZ Research กล่าวว่า ความต้องการลงทุนในทองคำปรับตัวลดลง โดยราคาทองคำได้รับความกดดันอย่างหนักจากการที่ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่  

 

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์  ปรับตัวลดลง -0.03 จุด หรือ -0.03% มาอยู่ที่ระดับ 108.45 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.012% มาอยู่ที่ระดับ 2.947% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี  อยู่ที่ระดับ 3.12% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ -0.173%


  • FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนประเมินโอกาส 71.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% และโอกาส 28.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมนโยบายการเงินรอบ 26-27 ก.ค. 


  • ธนาคารกลางทั่วโลกเร่งเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ โดยเหล่านักลงทุนคาดการณ์โอกาสราว 83% ที่ธนาคารกลางอังกฤษจะประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 4 ส.ค. ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์มากขึ้นว่า ธนาคารกลางสวีเดนจะต้องขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าแผนที่วางไว้ ซึ่งรวมถึงการขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนก.ย. หลังจากข้อมูลพบว่า อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดตั้งแต่ปี 1991


  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 ในวันนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด ขณะที่นักลงทุนเชื่อว่า PBOC จะปรับนโยบายการเงินกลับสู่ระดับปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังจากที่ผ่อนคลายนโยบายการเงินในช่วงที่จีนใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโควิด-19

 

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดในวันศุกร์ (15 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน, ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเกินคาด


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,288.26 จุด พุ่งขึ้น 658.09 จุด หรือ +2.15%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,863.16 จุด พุ่งขึ้น 72.78 จุด หรือ +1.92%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,452.42 จุด พุ่งขึ้น 201.24 จุด หรือ +1.79%


  • ธนาคารโกลด์แมน แซคส์คาดว่า มีโอกาส 30% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงหนึ่งปีข้างหน้า


  • ธนาคารเวลส์ ฟาร์โกคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอยปานกลางในเร็ว ๆ นี้ และจะอยู่ในภาวะดังกล่าวต่อไปจนถึงช่วงกลางปีหน้า


  • ธนาคารเครดิต สวิสระบุว่า มีความเสี่ยงสูงที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 และมีความเสี่ยงสูงที่เศรษฐกิจยุโรปจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้


  • ธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ระบุว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 0.75% ทำให้มีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้นที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงปลายปีนี้หรือในปี 2023


  • ธนาคารเอชเอสบีซี โฮลดิงส์คาดว่า เศรษฐกิจโลกจะชะลอการเติบโตลงอย่างรุนแรงในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ของปี 2022


  • ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารดอยช์ แบงก์คาดว่า มีความเสี่ยงสูงที่เศรษฐกิจยุโรปและสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2023


  • โฆษกกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า IMF คาดหวังว่า ยูเครนจะยังคงทำการชำระหนี้ต่างประเทศต่อไป ขณะที่มีการคาดการณ์เพิ่มขึ้นว่า ยูเครนอาจผิดนัดชำระหนี้เนื่องจากการสู้รบกับรัสเซียยังคงดำเนินต่อไป


  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า จีนจำเป็นต้องเพิ่มการใช้นโยบายด้านการเงินและการคลังเพื่อพยุงเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอลงเนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ และควรใช้กลยุทธ์ที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อแก้ปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลก


  • สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ของจีนขยายตัวเพียง 0.4% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ระดับ 5.5% อยู่มาก เนื่องจากเศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคโควิด-19


  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยว่า จีนต้องเพิ่มการสนับสนุนด้านนโยบายการคลังและการเงินมากขึ้นเพื่อจัดการกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวที่เกิดจากมาตรการล็อคดาวน์ควบคุมโควิด-19 แต่นโยบายควบคุมโรคระบาดที่มีการจำกัดน้อยลงก็ยังมีความจำเป็น


  • ภาคเอกชนคาดปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) ที่ต้องใช้ในระบบสมองกลของรถยนต์ อาจลากยาวถึงปี 67 กระทบการผลิตและส่งมอบรถยนต์ล่าช้า หลังเกิดภาวะตึงตัวมาอย่างต่อเนื่องจากผลกระทบโควิด-19 ชี้แม้ลงทุนผลิตเพิ่มต้องใช้เวลา เหตุเป็นการลงทุนมูลค่าสูง ประกอบกับเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็ว

 

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ (15 ก.ค.) ขานรับรายงานข่าวที่ระบุว่า สหรัฐไม่คาดหวังว่า ซาอุดีอาระเบียจะเร่งปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันทันทีในระหว่างที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 1.81 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 97.59 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ยังคงร่วงลง 6.9% ในรอบสัปดาห์นี้
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 2.06 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 101.16 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ยังร่วงลง 5.5% ในรอบสัปดาห์นี้


  • สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล ซาอูด มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า ซาอุดีอาระเบียจะเพิ่มการผลิตน้ำมันสูงสุดที่ 13 ล้านบาร์เรล/วัน และไม่สามารถเพิ่มการผลิตมากไปกว่านี้


  • คณะกรรมการสหภาพยุโรปลงมติอนุมัติโครงการพลังงานไฮโดนเจน มูลค่ากว่า 5,400 ล้านยูโร( 5,400 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อกระจายความเสี่ยงด้านการจัดหาแหล่งพลังงานและการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสะอาด โดยได้รับเงินทุนจาก 15 ประเทศในยุโรปและ 35 บริษัทในยุโรป 


  • นักวิเคราะห์จาก Commerzbank ขี้ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ร่วงต่ำกว่าระดับ 100 เหรียญต่อบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อได้ โดยประเมินว่าความกลัวภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะยังคงไม่จางหายไปในระยะนี้ 

 

ข่าวเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ


  • นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐจะหารือเกี่ยวกับการจัดหาพลังงาน, สิทธิมนุษยชน และความร่วมมือด้านความมั่นคงกับซาอุดีอาระเบีย ในการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างกัน ขณะที่ครั้งหนึ่งเขาเคยลั่นวาจาว่าจะทำให้ซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศนอกคอกบนเวทีโลก


  • ในระหว่างการประชุมกับประธานาธิบดียาอีร์ ลาปิด ผู้นำอิสราเอล ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐให้คำมั่นว่า สหรัฐจะไม่อนุญาตให้อิหร่านครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ และจะทำงานร่วมกับพันธมิตรรายอื่นเพื่อเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากอิหร่าน


  • กระทรวงพาณิชย์จีนหวังว่า ออสเตรเลียจะสามารถดำเนินการที่เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ทางการค้าระดับทวิภาคีที่เข้มแข็งและมีเสถียรภาพ


  • การประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มประเทศ G20 เปิดฉากขึ้นในวันศุกร์ โดยการหารือมุ่งเน้นไปที่ความคืบหน้าด้านความมั่นคงทางอาหารและภาระหนี้สิน ขณะที่ความตึงเครียดเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนมีแนวโน้มที่จะขัดขวางการเจรจาข้อตกลงต่าง ๆ

 

ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด


  • ศบค. รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่วันนี้ (18 ก.ค.) รักษาตัวใน รพ. จำนวน 1,814 ราย เสียชีวิต 17 ราย ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำแนกเป็น ผู้ป่วยในประเทศ 1,813 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 1 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,337,408 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)

 

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (18 ก.ค.) ที่ระดับ 36.58 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 36.61 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 36.30-36.90 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.50-36.70 บาทต่อดอลลาร์ สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท ประเมินว่า เงินบาทอาจใกล้เจอจุดอ่อนค่าสุดและจะยังไม่อ่อนค่าทะลุ 37 บาทต่อดอลลาร์หากจีนไม่ได้ใช้มาตรการ  Lockdown 


  • ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทช่วงสัปดาห์นี้ (18-22 ก.ค.) ที่ระดับ 36.30-37.10 บาท/ดอลลาร์ จากในวันศุกร์ที่ 15 ก.ค. 65 เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 15 ปี 8 เดือนที่ 36.73 ก่อนจะปิดตลาดที่ระดับ 36.60


  • นายอนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการวิทยาลัยนานาชาติ ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุภาวะเศรษฐกิจของไทยยังไม่เกิดวิกฤตเหมือนประเทศศรีลังกาหรือ สปป.ลาว อย่างน้อยในระยะสองสามปีข้างหน้านี้ แต่มีความเสี่ยงเรื่องฐานะทางการคลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยภายในประเทศจะทำให้ภาระต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้นในทุกภาคส่วน ทั้งในส่วนของหนี้ภาครัฐ หนี้ภาคเอกชน หนี้ครัวเรือน ขณะนี้อัตราการผ่อนชำระหนี้เมื่อเทียบกับรายได้อยู่ที่ 34-35% ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25%-0.75% ในช่วงที่เหลือของปี จะทำให้อัตราการผ่อนชำระเทียบกับรายได้แตะระดับ 40% ได้ ฉะนั้นผู้บริโภคจะมีขีดจำกัดในการบริโภคเพิ่มหากรายได้ไม่เพิ่มขึ้น และภาคธุรกิจอาจชะลอการลงทุนได้


  • สถานการณ์การส่งออกสินค้าไทยไปรัสเซียยังหดตัวรุนแรงอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนมี.ค.65 โดยล่าสุดเดือนพ.ค.65 มีมูลค่าส่งออกเหลือเพียง 25.7 ล้านดอลลาร์ ลดลง 64.98%

 

ที่มาจาก : Reuters, FXstreet, Infoquest

 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com