• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 26 กรกฎาคม 2565

    26 กรกฎาคม 2565 | Gold News

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาทองคำเพื่อลดความเสี่ยง ก่อนการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -5.74 เหรียญ หรือ -0.33% มาอยู่ที่ระดับ 1,718.89 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 8.3 เหรียญ หรือ 0.48% ปิดที่ 1,719.1 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 28.9 เซนต์ หรือ 1.55% ปิดที่ 18.328 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 0.58 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,005.29 ตัน ภาพรวมเดือนกรกฎาคม ขายสุทธิ 45.02 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 29.63 ตัน


  • นักวิเคราะห์จาก Exinity ระบุว่า ตราบเท่าที่เฟดยังคงยืนกรานที่จะเหยียบคันเร่งในการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงในรอบหลายปี ก็จะทำให้เป็นเรื่องยากมากขึ้นที่จะเห็นราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

  • SPI Asset Management กล่าวว่า ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ปรับตัวลดลง ท่ามกลางความกลับมากังวลของภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ช่วยสนับสนุนต่อราคาทองคำ

 

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.28 จุด หรือ 0.27% มาอยู่ที่ระดับ 106.7 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.037% มาอยู่ที่ระดับ 2.783% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี  อยู่ที่ระดับ 3.0% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ -0.217%


  • ตลาดการเงินทั่วโลกจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 26-27 ก.ค.นี้ ขณะที่ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 77.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมครั้งนี้ และให้น้ำหนักเพียง 22.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00%


  • อดีตรัฐมนตรีคลังสหรัฐได้สนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินต่อไป เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี


  • นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะสามารถรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อได้ และยังกล่าวด้วยว่าขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นวงกว้าง


  • นางคริสติน ลาร์การ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรปหรือ ECB ให้สัมภาษณ์ว่า ECB จะปรับขึ้นดอกเบี้ยไปจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับลงสู่ระดับเป้าหมายที่ระดับ 2%

 

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันจันทร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงอัลฟาเบท และไมโครซอฟท์


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,990.04 จุด เพิ่มขึ้น 90.75 จุด หรือ +0.28%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,966.84 จุด เพิ่มขึ้น 5.21 จุด หรือ +0.13% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,782.67 จุด ลดลง 51.45 จุด หรือ -0.43%


  • หัวหน้าสถาบันสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางจีน (PBOC) ระบุว่า จีนจะปกป้องข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้เงินหยวนดิจิทัล (e-CNY) โดยทางการจะเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้เพียงเล็กน้อยและจำกัดการเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว


  • กระทรวงการค้าและอุตสาหรรมสิงคโปร์ (MTI) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (core CPI) เดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.6% ในเดือนพ.ค. ส่วนดัชนี CPI ทั่วไป (CPI-All Items) ในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นแตะ 6.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี จากระดับ 5.6% ในเดือนพ.ค.


  • รัฐมนตรีคลังฮ่องกงเปิดเผยว่า ฮ่องกงมีเงินทุนสำรองเงินตราต่างประเทศจำนวนมากถึงประมาณ 4.4 แสนล้านดอลลาร์ของฮ่องกง ซึ่งมากเพียงพอที่จะรักษาระบบการผูกติดค่าเงินดอลลาร์ฮ่องกงกับดอลลาร์สหรัฐต่อไป แม้ว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐจะนำไปสู่ภาวะเงินทุนไหลออกก็ตาม


  • จีนเตรียมจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 3 แสนล้านหยวน (4.439 หมื่นล้านดอลลาร์) เพื่อช่วยพยุงธุรกิจของบริษัทอสังหาริมทรัพย์นับสิบแห่ง โดยหนึ่งในนั้นคือ บริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป


  • สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทางการจีนจะยกระดับแนวทางการบริการทางการเงิน การกำกับดูแลกฎระเบียบตลาด และการร่วมมือกันข้ามแผนก เพื่อช่วยให้ตลาดตราสารหนี้สามารถรองรับการปฏิรูปและการพัฒนาของบริษัทเอกชนได้ดียิ่งขึ้น

 

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการฟื้นตัวของตลาดหุ้นสหรัฐ นอกจากนี้ การคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัวยังเป็นปัจจัยหนุนตลาดเช่นกัน

 

  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 96.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.95 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 105.15 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

  • นักวิเคราะห์จาก ING ชี้ว่า อุปทานน้ำมันยังคงตึงตัว โดยมีการคาดการณ์ว่า อุปทานน้ำมันจากรัสเซียจะปรับลดลงในช่วงหลายเดือนข้างหน้า จากแผนการกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียจากข้อเสนอของกลุ่มประเทศ G7 จะส่งผลลัพธ์ตรงกันข้ามกับที่คาดหวัง ทั้งนี้ ผู้ว่ธนาคารกลางรัสเซียออกมาระบุว่า รัสเซียจะไม่ส่งน้ำมันให้กับประเทศที่ใช้มาตรการจำกัดเพดานาราคาน้ำมันรัสเซีย

 

  • เหล่านักวิเคราะห์คาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันจากลิเบียจะยังคงผันผวน จากความตึงเครียดทางการเมืองในประเทศที่ยังคงอยู่ในระดับสูง

 

ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ


  • คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) ปฏิเสธรายงานของสื่อมวลชนที่ว่า จีนวางแผนจัดประเภทบริษัทจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐโดยอิงตามความอ่อนไหวของข้อมูลที่แต่ละบริษัทเก็บรักษาเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้หน่วยงานกำกับดูแลกฎระเบียบของสหรัฐถอนการจดทะเบียนของบริษัทจีนหลายร้อยแห่ง

 

  • สหรัฐเตรียมเป็นเจ้าภาพการประชุมทางออนไลน์ในวันอังคาร (26 ก.ค.) กับรัฐมนตรีตัวแทนจาก 14 ประเทศที่เข้าร่วมกรอบความร่วมมือเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (IPEF) ขณะที่สหรัฐพยายามขยายการมีส่วนร่วมในภูมิภาคเอเชีย

 

  • รัฐมนตรีกระทรวงโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน เปิดเผยว่า ยูเครนจะเดินหน้าเตรียมการทางเทคนิคเพื่อรองรับการส่งออกสินค้าเกษตรจากท่าเรือของยูเครนต่อไป ตามข้อตกลงที่มีขึ้นเพื่อบรรเทาภาวะขาดแคลนอาหาร

 

ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด


  • รายงานข้อมูลเบื้องต้น สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวัน ในประเทศไทย ว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ (รักษาตัวใน รพ.) จำนวน 1,828 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยในประเทศ 1,828 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ – ราย ผู้ป่วยสะสม 2,355,986 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)


  • อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า จากระบบการเฝ้าระวังเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ในช่วงวันที่ 16-22 ก.ค. 65 พบว่า โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ในประเทศไทย มีสัดส่วนมากเกินครึ่งของสายพันธุ์ย่อยเก่า โดยจากการสุ่มตรวจทั้งหมด 468 ตัวอย่าง พบ BA.4 และ BA.5 จำนวน 320 ราย คิดเป็น 68.4% โดยส่วนมากพบในกรุงเทพฯ, ส่วน BA.2 พบ 143 ราย คิดเป็น 30.6% และ BA.1 พบ 5 ราย คิดเป็น 1.1%


  • กรรมาธิการด้านสุขภาพและความปลอดภัยทางอาหารของสหภาพยุโรป (EU) แนะนำว่า ประเทศสมาชิก EU ควรเริ่มเตรียมพร้อมรับมือกับการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวปีนี้ หลังยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง พร้อมทั้งเตือนว่าอย่าประมาทเพราะการแพร่ระบาดยังไม่สิ้นสุด


  • หน่วยงานด้านสาธารณสุขของออสเตรเลียเปิดเผยว่า ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลวันนี้ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5,450 ราย เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยได้ส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขทั่วประเทศ


  • รัฐบาลเขตปกครองพิเศษมาเก๊าแถลงว่า ประชาชนชาวมาเก๊าทุกคนต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตัวเองโดยใช้ชุดตรวจแอนติเจน (ATK) ทุกวันตลอดทั้งสัปดาห์นี้ และต้องรายงานผลต่อรัฐบาล ขณะที่รัฐบาลได้สั่งให้ห้องแล็บเตรียมพร้อมรับมือกับการตรวจเชื้อครั้งใหญ่ในช่วงสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้

 

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.66 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  36.61 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ36.60-36.80 บาทต่อดอลลาร์


  • กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ประเมินทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 36.50-36.95 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 36.72 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 36.53-36.95 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 16 ปีครั้งใหม่ และเคลื่อนไหวผันผวนตามราคาทองคำในตลาดโลก เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา


ที่มาจาก : Reuters, FXstreet, Infoquest, CNBC

 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com