• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 27 กรกฎาคม 2565

    27 กรกฎาคม 2565 | Gold News

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ในวันอังคาร จากการที่นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำเพื่อลดความเสี่ยง ก่อนที่จะรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ ในวันนี้


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 0.12 เหรียญ หรือ 0.01% มาอยู่ที่ระดับ 1,719.08 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 1.4 เหรียญ หรือ 0.08% ปิดที่ 1,717.7 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 20.7 เซนต์ หรือ 1.13% ปิดที่ 18.535 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 4.9 เหรียญ หรือ 0.56% ปิดที่ 864.4 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 1,005.29 ตันภาพรวมเดือนกรกฎาคม ขายสุทธิ 45.02 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 29.63 ตัน


  • นักวิเคราะห์จาก UBS ปรับลดคาดการณ์ราคาทองคำลง จากเดิมคาดราคาทองคำอยู่ที่ระดับ 1,700 เหรียญในมิถุนายนปี 2023 ปรับลดลงมา คาดอยู่ที่ระดับ 1,650 เหรียญในมิถุนายนปี 2023 


  • นักกลุยทธ์จาก DailyFX ระบุว่า เราไม่เห็นการเคลื่อนไหวของราคาทองคำไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง สะท้อนว่า ตลาดกำลังรอผลการประชุมเฟด 


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์  ปรับตัวลดลง -0.17 จุด หรือ -0.16% มาอยู่ที่ระดับ 106.91 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวขึ้น 0.031% มาอยู่ที่ระดับ 2.818% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี  อยู่ที่ระดับ 3.071% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ -0.253%


  • ผู้ว่าการธนาคารกลางแลตเวีย กล่าวในการให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า ธนาคารกลางยุโรป (หรืออีซีบี) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่อีกครั้งนึง หลังจากอีซีบีเพิ่งตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 21 ก.ค.


  • สำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์ จำนวน 29 จาก 54 รายคาดว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 1.50% ในการประชุมกำหนดนโยบายครั้งถัดไปในวันที่ 4 ส.ค. แต่นักเศรษฐศาสตร์อีก 25 รายที่เหลือคาดว่า บีโออีจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันอังคาร หลังจากบริษัทวอลมาร์ทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ ซึ่งได้ฉุดราคาหุ้นกลุ่มค้าปลีกดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลกทั้งในปีนี้และปีหน้า
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,761.54 จุด ร่วงลง 228.50 จุด หรือ -0.71%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,921.05 จุด ลดลง 45.79 จุด หรือ -1.15% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,562.57 จุด ร่วงลง 220.09 จุด หรือ -1.87%


  • มูดี้ส์ปรับลดคาดการณ์จีดีพีของสหรัฐลงสู่ระดับ 2.1% ในปีนี้และระดับ 1.3% ในปีหน้า ทั้งนี้แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญในภายหน้า แต่ภาวะถดถอยยังคงสามารถหลีกเลี่ยงได้ นอกจากนี้คาดว่าอัตราว่างงานของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับสูงกว่า 4.0% ในปีหน้า จากระดับต่ำในปัจจุบันที่ 3.6% และเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่งในระดับปัจจัยพื้นฐานในขณะนี้ แต่ความผันผวนของเศรษฐกิจมหภาคจะดำเนินต่อไปอีก 1 ปีเป็นอย่างต่ำ


  • IMF เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 3.2% ในปี 2565 ก่อนที่จะชะลอตัวสู่ 2.9% ในปี 2566 โดยปรับลดลง 0.4% และ 0.7% ตามลำดับจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนเม.ย.


  • IMF ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐสู่ระดับ 2.3% ในปี 2565 และ 1.0% ในปี 2566 ขณะที่คาดว่าเศรษฐกิจจีนขยายตัว 3.3% ในปีนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 40 ปี และปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจอินเดียสู่ระดับ 7.4% ในปีนี้


  • IMF ปรับลดแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนในปีนี้ลงเหลือ 2.6% จาก 2.8% ที่คาดไว้ในเดือนเม.ย. ขณะที่เยอรมนีคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 1.2% ในปีนี้ ลดลงจาก 2.1% ที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้


  • รัฐบาลญี่ปุ่นปรับเพิ่มมุมมองภาวะเศรษฐกิจ,ชี้ฟื้นตัวในวงกว้างขึ้น โดยรัฐบาลระบุในรายงานเศรษฐกิจประจำเดือนก.ค.ว่า "เศรษฐกิจกำลังค่อยๆปรับตัวดีขึ้น" โดยระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นอยู่ในลักษณะที่ไม่เคยทำมาก่อนตั้งแต่เดือนพ.ค.2013 ทั้งนี้ รัฐบาลได้ปรับเพิ่มมุมมองต่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลด้วย โดยระบุว่า กำลังค่อยๆปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากรัฐบาลมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อการใช้จ่ายด้านบริการต่างๆ อาทิ การพักค้างคืนและการขนส่ง และคาดว่าเศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวในไตรมาส 2 หลังจากที่หดตัวลงในไตรมาสแรก


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร หลังมีรายงานว่าสหรัฐเตรียมระบายน้ำมันในคลังสำรองเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคา นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันยังถูกกดดันจากดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐที่ร่วงลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 1.72 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 94.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 75 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 104.40 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • EU ตกลงที่จะลดความต้องการใช้ก๊าซ หลังจากบริษัทก๊าซพรอมของรัสเซียเปิดเผยว่า จะลดการส่งก๊าซผ่านท่อส่งนอร์ดสตรีม 1 ไปยังเยอรมนีเหลือเพียง 20% ของกำลังการจัดส่ง


  • ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บริษัท Nissan Securities ชี้ว่า ราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวสูงขึ้น จากการที่รัสเซียบีบเค้นอุปทานก๊าซธรรมชาติ ทำให้เปิดการเปลี่ยนการใช้พลังงานจากก๊ษซธรรมชาติมาใช้น้ำมันแทน ซึ่งเป็นปัจจัยที่สนับสนุนราคาน้ำมัน


  • ความแตกต่างอย่างมากระหว่างราคาน้ำมันดิบเบรนท์ และราคาน้ำมันดิบ WTI ในระดับมากที่สุดตั้งแต่ปี 2019 เกิดจาก อุปสงค์ที่ลดลงในสหรัฐส่งผลลบต่อราคาน้ำมันดิบ WTI ในขณะที่สถานการณ์อุปทานน้ำมันตึงตัวในยุโรป สนับสนุนราคาน้ำมันดิบเบรนท์


ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ


  • หัวหน้าฝ่ายนโยบายพลังงานของสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยว่า การที่ก๊าซพรอม (Gazprom) ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของรัสเซียประกาศว่าจะปรับลดการส่งก๊าซไปยังยุโรปเพิ่มอีกในสัปดาห์นี้นั้น เป็นผลมาจากแรงจูงใจทางการเมือง แม้ทางก๊าซพรอมระบุว่า การปรับลดปริมาณการส่งก๊าซ เป็นผลจากความจำเป็นที่จะต้องหยุดการทำงานของระบบกังหันก๊าซชั่วคราว


  • บราซิลปฏิเสธคว่ำบาตรรัสเซีย หวังพึ่งพาการนำเข้าปุ๋ยให้ภาคเกษตร โดยประธานาธืบดีบราซิล โบลโซนารู ได้ปกป้องการตัดสินใจของบราซิลที่จะคงความสัมพันธ์ทางการค้ากับรัสเซียไว้ เพื่อให้มั่นใจว่าบราซิลจะสามารถผลิตอาหารได้


ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด


  • สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,747 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมแล้วจนถึงวันนี้ 4,582,168 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 34 ราย ทำให้การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือน ม.ค.2565 มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 9,560 ราย ขณะที่ ภาพรวมของการเสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 มีผู้เสียชีวิตรวม 31,258 ราย


  • สิงคโปร์กำลังเตรียมการเพื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 4 ปี ไปจนถึงไตรมาส 4 ของปีนี้ หลังจากที่สิงคโปร์มีเด็กเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ไปแล้ว 2 รายในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา นอกเหนือจากสิงคโปร์แล้ว ฮ่องกงก็กำลังพิจารณาฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับเด็กอายุไม่ถึง 3 ปีด้วยเช่นกัน ขณะที่ทางการสหรัฐได้อนุมัติฉีดวัคซีนสำหรับทารกและเด็กเล็ก ซึ่งเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ยังไม่ได้รับการอนุญาตให้ฉีดวัคซีน


  • ฝรั่งเศสเปิดศูนย์ให้บริการวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษลิงในกรุงปารีส ทั้งนี้ รายงานจากสาธารณสุขฝรั่งเศสระบุว่า ในเขตเมืองหลวงมีผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง 726 ราย โดยคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยทั่วประเทศที่ได้รับการยืนยันแล้วจำนวน 1,567 รายในสัปดาห์ที่แล้ว


  • สหรัฐใกล้ถึงจุดวิกฤติ หลังพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงเกือบ 3,000 ราย โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐระบุว่า รัฐนิวยอร์กพบผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษลิงมากที่สุดแตะ 900 ราย ตามด้วยแคลิฟอร์เนีย 356 ราย และฟลอริดา 247 ราย


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ  36.70 บาทต่อดอลลาร์ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันก่อนหน้ามองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.60-36.80 บาทต่อดอลลาร์


  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ให้ใช้จ่าย 800 บาท/คน เริ่มใช้ได้ตั้งแต่ 1 ก.ย.-31 ต.ค.นี้ โดยสามารถใช้จ่ายได้ไม่เกินวันละ 150 บาท ซึ่งนอกจากจะช่วยบรรเทาค่าครองชีพให้ประชาชนแล้ว ยังเป็นการช่วยกระตุ้นรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย


  • ที่ประชุม ครม. ยังเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน โดยจะมีการเติมเงินให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เช่น ผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ผู้ที่ไม่สามารถใช้งานแอปพลิเคชันเป๋าตังผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน และผู้มีภาวะพึ่งพิงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เป็นระยะเวลา 2 เดือน จำนวน 200 บาท/คน/เดือน รวมเป็น 400 บาท ตั้งแต่เดือน ก.ย. – ต.ค.65


  • นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเพื่อรักษาระดับการบริโภคในประเทศ โดยใช้เม็ดเงินจากพ.ร.ก.เงินกู้ 2.74 หมื่นล้านบาท คาดเงินหมุนเวียนในระบบ 4.86 หมื่นล้านบาท ช่วยสนับสนุนจีดีพี 0.13% และเมื่อใช้เงินจากพ.ร.ก.เงินกู้จำนวนดังกล่าวแล้ว จะเหลือวงเงินในวงเงินกู้อีกประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาท


  • กระทรวงการคลังคงเป้าจีดีพีปี 2565 ขยายตัวได้ 3.5% โดยมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศและภาคการท่องเที่ยว คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวน 8 ล้านคน เพิ่มขึ้นมากจากปี 2564 ที่มีจำนวนเพียง 4 แสนคน ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าคาดว่าจะขยายตัวที่ 7.7%


ที่มาจาก : Reuters, FXstreet, Infoquest, Bangkokbiznews

 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com