• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 1 สิงหาคม 2565

    1 สิงหาคม 2565 | Gold News

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ โดยได้แรงหนุนจากเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ซึ่งเพิ่มความน่าดึงดูดของทองคำ โดยทำให้สัญญาทองคำมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ๆ


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 7.22 เหรียญ หรือ 0.41% มาอยู่ที่ระดับ 1,761.99 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 12.6 เหรียญ หรือ 0.71% ปิดที่ 1,781.8 เหรียญ และปรับตัวขึ้น 3.2% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ลดลง 1.4% ในเดือนก.ค.
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 32.9 เซนต์ หรือ 1.66% ปิดที่ 20.197 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 13 เหรียญ หรือ 1.48% ปิดที่ 889.8 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 0.58 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,005.87 ตันภาพรวมเดือนกรกฎาคม ขายสุทธิ 44.44 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 30.21 ตัน


  • นักวิเคราะห์อาวุโสจาก OANDA ระบุว่า ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวผกผันค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร มากกว่าปัจจัยอื่นๆ


  • นักกลุยทธ์จาก Blue Line Future ชี้ว่า หลังจากรายงานตัวเลขอัตราการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐ(GDP) เป็นเครื่องยืนยันความกลัวภาวะเศรษฐกิจถดถอย บรรดานักลงทุนต่างคาดการณ์ว่าเฟดจะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งช่วยหนุนความต้องการทองคำ


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์  ปรับตัวลดลง -0.14 จุด หรือ -0.13% มาอยู่ที่ระดับ 105.69 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวขึ้น 0.007% มาอยู่ที่ระดับ 2.661% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี  อยู่ที่ระดับ 2.9% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ -0.239%


  • หัวหน้านักกลยุทธ์จาก National Australia Bank ระบุว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรีฐที่ปรับตัวลดลง และแนวโน้มความเสี่ยงที่ลดลง เป็นปัจจัยที่กกกันให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยที่การอ่อนค่าของดอลลาร์นั้นจะได้รับแรงหนุนจากการแข็งค่าของเงินเยนเช่นกัน


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ผลประกอบการที่สดใสของบริษัทแอปเปิลและบริษัทแอมะซอน.คอม ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวขึ้นรายเดือนเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2563


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,845.13 จุด เพิ่มขึ้น 315.50 จุด หรือ +0.97%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,130.29 จุด เพิ่มขึ้น 57.86 จุด หรือ +1.42%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,390.69 จุด เพิ่มขึ้น 228.09 จุด หรือ +1.88%


  • ดัชนีราคาการใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐประจำเดือนมิถุนายน (PCE) เพิ่มขึ้น 1.0% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สูงสุดนับแต่ปี 2005 และหากเทียบรายสิบสองเดือน ปรับเพิ่มขึ้น 6.8% สูงสุดในรอบ 40 ปี ในขณะที่ดัชนีราคาพื้นฐานการใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐ (Core PCE) ปรับตัวสูงขึ้น 0.6% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และดัชนีต้นทุนการจ้างงานในไตรมาสที่ 2 ปรับตัวสูงขึ้น 1.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า


  • ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจจากบริษัทจ้างงาน Indeed ระบุว่า แม่ว่าส่วนที่เหลือของเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลง แต่อัตราค่าจ้างกลับเร่งตัวขึ้น การแข่งขันหาแรงงานของรายจ้างยังคงเข้มข้น นายจ้างยังคงแข่งกันให้เงินเดือนสูงขึ้น รายงานสถิติการเติบโตของค่าจ้างแรงงานอาจจะชะลอตัวในระยะสั้นได้แต่ในระยะยาว ยังเป็นเรื่องยากที่จะปรับลดลง


  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกลงเหลือ 4.2% ในปี 2565 จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 4.9% และปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2566 ลงเหลือ 4.5% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 5.1% ซึ่งสะท้อนถึงผลกระทบของปัจจัยต่าง ๆ รวมถึงการที่รัสเซียส่งกองกำลังทหารรุกรานยูเครน, การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และการที่ธนาคารกลางทั่วโลกพากันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย


  • สำหรับเศรษฐกิจจีนนั้น IMF คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 3.3% ในปี 2565 จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 4.4% และยังได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีนในปี 2566 ลงสู่ระดับ 4.5% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 5.1% ซึ่งสะท้อนถึงผลกระทบจากการที่จีนใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 และการทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์


  • สำนักข่าวซินหัวรายงานผลการหารือของผู้บริหารระดับสูงพรรคคอมมิวนิสต์ทั้ง 25 คนโดยมีประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นประธานเพื่อประเมินเศรษฐกิจประเทศว่า  ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 จีนควรรักษาเสถียรภาพการจ้างงาน ราคาสินค้า การดำเนินงานทางเศรษฐกิจให้เหมาะสมกับสถานการณ์เพื่อได้ผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในปีนี้ 


  • ขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีน ในช่วงครึ่งปีแรกเติบโต 2.5% จากปีก่อนหน้า ซึ่งชี้ให้เห็นถึงแรงกดดันมหาศาลในครึ่งหลัง


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ และปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้ แต่ความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยถ่วงราคาลงในเดือนก.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสซึ่งรวมถึงซาอุดีอาระเบียและรัสเซียในวันที่ 3 ส.ค. ซึ่งคาดกันว่า กลุ่มโอเปกพลัสจะไม่เพิ่มการผลิตน้ำมันอย่างที่สหรัฐคาดหวังไว้


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 2.2 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 98.62 ดอลลาร์/บาร์เรล และในรอบสัปดาห์นี้ เพิ่มขึ้น 4.1% แต่ลดลง 6.8% ในเดือนก.ค.
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 2.87 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 110.01 ดอลลาร์/บาร์เรล และในรอบสัปดาห์นี้ เพิ่มขึ้น 6.6% แต่ลดลง 4.2% ในเดือนก.ค.


  • นักวิเคราะห์จาก CMC Markets ชี้ว่า มีโอกาสน้อยมากที่ราคาน้ำมันจะร่วงลงอย่างหนัก ในภาวะที่ได้รับการสนับสนุนจาก ค่าเงินดอลลาร์อ่อนแอ และสภาพอุปทานตึงตัวที่ยังคงมีต่อไป


  • นักวิเคราะห์จาก ANZ ชี้ว่า กำลังการผลิตของ OPEC ยังคงจำกัด แม้ว่าอุปทานน้ำมันจากลิเบียและเอกวาวาดอร์จะเริ่มมีสถียรภาพมากขึ้น แต่การลงทุนที่น้อยเกินไปในหลายประทศสมาชิก ยังคงเป็นปจจัยที่การผลิตน้ำมันยังคงจำกัด


ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ


 

  • กองทัพยูเครนเดินหน้ายึดเมืองทางตอนใต้ของประเทศคืนจากรัสเซีย ทั้งทิ้งระเบิดเพื่อตีกองกำลังทหารรัสเซียให้แตกในพื้นที่ที่ยากต่อการเสริมกำลัง แต่รัสเซียพยายามตั้งแนวกำลังทหารขึ้นใหม่เพื่อปกป้องดินแดนที่ยึดไว้


  • ประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนสั่งการให้พลเรือนทั้งหมดอพยพออกจากแคว้นโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของประเทศยูเครน โดยเตือนเรื่องการต่อสู้ที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น


  • ก๊าซพรอม บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซียรระงับจัดส่งก๊าซไปยังลัตเวีย เหตุละเมิดเงื่อนไขการจัดซื้อ


  • กระทรวงกลาโหมของอังกฤษเปิดเผยว่า ทหารอังกฤษราว 150 นายไร่วมซ้อมรบกับสหรัฐในฟินแลนด์ เตรียมความพร้อมสู้ศึกรัสเซีย


  • นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะเป็นตัวแทนสภาคองเกรสสหรัฐเดินทางเยือนประเทศต่าง ๆ ในเอเชียอย่างน้อย 4 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น โดยไม่ได้เอ่ยถึงไต้หวันแต่อย่างใด โดยที่ก่อนหน้านี้ กระแสข่าวเยือนเอเชีย ซึ่งรวมถึงไต้หวันของนางเพโลซีได้สร้างความไม่พอใจให้กับจีน


ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด


  • สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,108 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมแล้วจนถึงวันนี้ 4,592,284 ราย ยอดผู้ติดเชื้อนอกโรงพยาบาล (ATK) ระหว่างวันที่ 17-23 ก.ค.2565 จำนวน 204,615 ราย สะสม 6,668,542 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 19 ราย ทำให้การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือน ม.ค.2565 มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 9,706 ราย ขณะที่ ภาพรวมของการเสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 มีผู้เสียชีวิตรวม 31,404 ราย


  • รัฐบาลสหรัฐจะเริ่มโครงการฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ป้องกันโรคโควิด-19 ที่ปรับสูตรใหม่ในเดือนก.ย.นี้ เนื่องจากบริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นาได้ให้คำมั่นสัญญาว่าทั้ง 2 บริษัทสามารถจัดหาวัคซีนปรับสูตรใหม่ในช่วงเวลาดังกล่าวให้กับสหรัฐ คาดป้องกันสายพันธุ์ BA.5 ได้ดีกว่า แม้ว่าข้อมูลในขณะนี้ยังคงเป็นการศึกษาในขั้นต้นก็ตาม


  • นครซานฟรานซิสโกเป็นเมืองแรกในสหรัฐ ประกาศให้โรคฝีดาษลิงเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขแล้ว แม้รัฐบาลกลางยังไม่ประกาศภาวะฉุกเฉินระดับประเทศ ปัจจุบันซานฟรานซิสโกมีผู้ป่วยยืนยันโรคฝีดาษลิง 261 คน และทั่วสหรัฐ มีผู้ป่วย 4,639 คน มากที่สุดในโลก ขณะที่ทั่วโลกมีผู้ป่วยกว่า 20,000 คน


  • บราซิล และสเปนรายงานพบผู้เสียชีวิตจากโรคฝีดาษลิงเป็นรายแรก โดยชายวัย 41 ปีในบราซิลเสียชีวิตเป็นรายแรกจากโรคฝีดาษลิงซึ่งเกิดขึ้นนอกทวีปแอฟริกา และหลังจากนั้น สเปนประกาศพบผู้เสียชีวิตรายแรกเช่นกัน และเป็นรายแรกในยุโรปด้วย


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.30 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 36.83 บาทต่อดอลลาร์ (ณ สิ้นวันที่ 27 ก.ค.) มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 36.00-36.60 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.20-36.40 บาทต่อดอลลาร์


  • ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ (1-5 ส.ค.) ที่ระดับ 36.00-37.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ทั้งนี้ เงินบาทแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ แต่ยังคงมีแรงกดดันด้านอ่อนค่า โดยเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนแอกดดันเงินดอลลาร์ฯ ให้อ่อนค่าลง อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลงในช่วงต่อมา ตามทิศทางค่าเงินหยวน แรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ ของผู้นำเข้าในช่วงสิ้นเดือน และแรงขายสุทธิพันธบัตรไทยของต่างชาติ



ที่มาจาก : Reuters, FXstreet, Infoquest, CNBC

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com