• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 4 สิงหาคม 2565

    4 สิงหาคม 2565 | Gold News

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพุธ ตลาดถูกกดดันจากการที่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งรวมถึงนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาชิคาโกได้สนับสนุนให้คณะกรรมการเฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -0.02 เหรียญ หรือ 0.% มาอยู่ที่ระดับ 1,767.66 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 13.3 ดอลลาร์ หรือ 0.74% ปิดที่ 1,776.4 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 24.5 เซนต์ หรือ 1.22% ปิดที่ 19.894 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 16.5 ดอลลาร์ หรือ 1.82% ปิดที่ 888.5 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 2.32 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,000.65 ตันภาพรวมเดือนสิงหาคม ขายสุทธิ 5.22 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 24.99 ตัน


  • นักวิเคราะห์ของ Commerzbank กล่าวว่า ราคาทองคำสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นแม้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯจะปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม เป็นสัญญาณเชิงบวก นอกจากนี้ ยังได้รับแรงหนุนจากความตึงเครียดการเมืองระหว่างสหรัฐฯและจีนที่เพิ่มขึ้น หลังจากนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนฯ สหรัฐฯ เดินทางถึงไต้หวัน 


  • นักวิเคราะห์จาก Kinesis Money ชี้ว่า ปัจจัยความตึงเครียดสหรัฐกับจีนเป็นเพียงปัจจัยระยะสั้นเท่านั้น ในท้ายที่สุดแล้วตลาดจะกลัยไปสนใจประเด็นดอกเบี้ยและปัจจัยเชิงลบในระยะยาวที่จะกระทบต่อราคาทองคำ


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์  ปรับตัวลดลง -0.09 จุด หรือ -0.08% มาอยู่ที่ระดับ 106.29 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.003% มาอยู่ที่ระดับ 2.703% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี  อยู่ที่ระดับ 3.079% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ -0.376%


  • ประธานเฟดาสาขาเซนต์หลุยส์  นายเจมส์ บุลลาร์ด ให้ความเห็นว่า เฟดสามารถชะลอเงินเฟ้อได้ โดยไม่ทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่สภาวะถดถอย พร้อมให้เหตุผลว่าธนาคารกลางในยุคสมัยนี้ มีความน่าเชื่อถือในการจัดการปัญหาได้มากกว่า ธนาคารกลางในช่วงสมัย 1970 ซึ่งเห็นได้ว่า ทั้งเฟดและอีซีบี (ธนาคารกลางยุโรป) มีความสามารถชะลอเงินเฟ้อและลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไปหรือซอฟต์แลนดิ้งได้


  • นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกกล่าวว่า เฟดอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมนโยบายครั้งต่อไปในเดือนหน้า ถ้าหากอัตราเงินเฟ้อสูงไม่ปรับตัวดีขึ้น และการขึ้นดอกเบี้ย 0.75% อาจจะได้รับการพิจารณาด้วย นอกจากนี้เขายังหวังว่า ถ้าอัตราเงินเฟ้อเริ่มปรับตัวลดลงในที่สุด เฟดก็จะสามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ใน 2 เดือนได้ ซึ่งจะตามมาด้วยการขึ้นดอกเบี้ย 0.25% อย่างต่อเนื่องตลอดช่วงแรกของปีหน้า


  • นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก ตั้งข้อสังเกตว่า เขาคิดว่าอัตราดอกเบี้ยจะต้องเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.75-4% ภายในสิ้นปีหน้า แต่ก็เตือนให้ระวังแนวทางที่จะไปถึงระดับดังกล่าวเร็วเกินไป ถ้าหากเฟดจะต้องปรับลดอย่างไม่คาดคิดเนื่องจากภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนไป ทั้งนี้ เขาได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ และคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 1% หรือต่ำกว่านั้น แต่ก็เสริมว่า เขายังมองเห็นแนวทางสำหรับเฟดที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลง พร้อมๆกับทำให้อัตราว่างงานต่ำกว่า 4.5%


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดในวันพุธ ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงดัชนีภาคบริการที่ดีดตัวขึ้นในเดือนก.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,812.50 จุด พุ่งขึ้น 416.33 จุด หรือ +1.29%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,155.17 จุด เพิ่มขึ้น 63.98 จุด หรือ +1.56% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,668.16 จุด เพิ่มขึ้น 319.40 จุด หรือ +2.59%


  • จีนเร่งคุมธนาคารเงาสกัดวิกฤตภาคธนาคาร โดยความวุ่นวายในภาคการธนาคารของจีน ส่งสัญญาณวิกฤตมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งจากกรณีประชาชนพากันประท้วงธนาคารขนาดเล็กในมณฑลเหอหนานและอานฮุย รวมถึงกระแสที่ชาวจีนหยุดจ่ายเงินผ่อนบ้านที่ลุกลามไปทั่วประเทศ ทำให้ทางการจีนต้องเร่งจับตาทุกความเสี่ยงที่อาจนำไปสู่วิกฤตในระบบการธนาคาร ซึ่งหนึ่งในนั้นคือปัญหาธนาคารเงา” (shadow banks)


  • ผลสำรวจ PMI ชี้ภาคบริการจีนขยายตัวสูงสุดในรอบ 15 เดือนในเดือนก.ค. โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนโดยไคซิน เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 55.5 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการขยายตัวมากที่สุดตั้งแต่เดือนเม.ย.2021 โดยเพิ่มขึ้นอีกจากระดับ 54.5 ในเดือนมิ.ย. บ่งชี้ถึงการขยายตัวที่แข็งแกร่งในภาคบริการ ในขณะที่ภาคการผลิตยังคงย่ำแย่


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 4% ในวันพุธ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบดบังปัจจัยบวกจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตเพียงเล็กน้อย


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 3.76 ดอลลาร์ หรือ 4% ปิดที่ 90.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ดิ่งลง 3.76 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 96.78 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.


  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานฝรั่งเศสเผยว่า ฝรั่งเศสจะเพิ่มปริมาณก๊าซในคลังสำรองทางยุทธศาสตร์เป็น 100% ภายในวันที่ 1 พ.ย. นี้ ขณะที่ประเทศต่าง ๆ ในยุโรปเตรียมพร้อมรับมือกับอุปทานพลังงานจากรัสเซียที่ลดลง


  • ประเด็นเกี่ยวกับการซ่อมท่อก๊าซนอร์ดสตรีม 1 มีความตึงเครียดมากขึ้นระหว่างรัสเซียกับเยอรมัน หลังเกิดเหตุปัญหาการขนส่งเครื่องยนต์ชิ้นสำคัญจากบริษัทซีเมนต์ของเยอรมนี ทำให้ไม่สามารถเดินเครื่องส่งก๊าซธรรมชาติได้ โดยรัสเซียอ้างว่า ติดปัญหาชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซียทำให้การขนส่งเครื่องยนต์ชิ้นสำคัญดังกล่าวติดขัดอยู่ที่จุดขนส่งฝั่งเยอรมนี ในขณะที่เยอรมันกล่าวหาว่ารัสเซียจงใจทำให้กระบวนการขนส่งล่าช้า ทั้งนี้ รัสเซียลดปริมาณการส่งก๊าซลงเหลือเพียง 20% ของสมรรถนะท่อก๊าซนอร์ดสตรีม เท่านั้น

 

ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ



  • นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภาไต้หวัน ย้ำสหรัฐพร้อมหนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจ


  • ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ผู้นำไต้หวันกล่าวขอบคุณนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่เดินทางเยือนไต้หวัน และสนับสนุนไต้หวันอย่างเป็นรูปธรรมในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ และกล่าว่าไต้หวันจะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับภัยคุกคามทางทหารที่รุนแรงขึ้น


  • ทำเนียบขาว ออกโรงย้ำว่า การเดินทางของแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐเดินทางเยือนไต้หวันไม่เกี่ยวข้องกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตามที่ก่อนหน้านี้ได้พยายามโน้มน้าวให้จีน และโลกในช่วงหลายสัปดาห์ และยืนยันว่าไม่สะท้อนนโยบายสหรัฐที่มีต่อจีน หรือไต้หวัน


  • สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) เปิดเผยว่า จีนจะระงับการนำเข้าผลไม้ตระกูลส้มและผลิตภัณฑ์ปลา 2 ชนิดจากไต้หวันตั้งแต่เมื่อวานวันที่ 3 ส.ค.เป็นต้นไป โดยอ้างว่าเป็นการกระทำเพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19


  • สำนักงานข่าวกลางของไต้หวัน (CNA) รายงานว่า ไต้หวันกำลังเจรจากับญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์เพื่อหาเส้นทางบินอื่น ๆ หลังจากที่จีนประกาศดำเนินการซ้อมรบทางทหารรอบเกาะไต้หวัน


  • นายฮิโรคาสุ มัตสึโนะ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ทางการญี่ปุ่นมีความกังวลเกี่ยวกับการที่จีนดำเนินการซ้อมรบทางทหารรอบเกาะไต้หวัน หลังจากนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเดินทางเยือนไต้หวันเมื่อวานนี้


  • สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สหภาพยุโรป (EU) ออกโรงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาความตึงเครียดจากการที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เดินทางเยือนไต้หวันผ่านการเจรจาและเปิดช่องทางการติดต่อสื่อสารกับจีนต่อไป เพื่อป้องกันการเกิดข้อผิดพลาดจนนำไปสู่ความขัดแย้งแบบไม่คาดคิด


ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด


  • ศบค. รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่วันนี้มีจำนวน 2,166 ราย ทำให้มียอดผูัติดเชื้อสะสม 2,375,290 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) โดยมีผู้เสียชีวิต 29 ราย เสียชีวิตสะสม 9,794 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 905 ราย


  • กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นอนุมัติการใช้งานวัคซีนโรคฝีดาษที่เชื่อว่ามีประสิทธิภาพป้องกันโรคฝีดาษลิง โดยเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขประเมินว่า วัคซีนฝีดาษที่ได้รับการอนุมัติครั้งนี้มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคฝีดาษลิงถึง 85% และปัจจุบันญี่ปุ่นมีวัคซีนฝีดาษเพียงพอสำหรับการใช้งานภายในประเทศ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ญี่ปุ่นตรวจพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิง 2 รายในช่วงปลายเดือนก.ค.

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ36.26 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.28 บาทต่อดอลลาร์  มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.10-36.30 บาทต่อดอลลาร์


  • ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวถึงสถานการณ์ตึงเครียดที่ไต้หวันว่า ผู้เกี่ยวข้องอยู่ในวงจำกัด แต่จะเป็นปัจจัยให้ทั่วโลกต้องเผชิญแรงกดดันที่มีความซับซ้อนมากขึ้น แต่คิดว่าเรื่องนี้จะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของไทยในเรื่องห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ไทยสามารถส่งออกสินค้าไปทดแทน โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ขณะที่ไทยต้องรักษาสมดุลเรื่องขั้วอำนาจ


  • ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ปรับเพิ่มเป้าส่งออกปีนี้เป็นโต 6-8% จากเดิมที่ 5-7% และปรับเงินเฟ้อทั้งปีเพิ่มขึ้นเป็น 5.5-7.0% จากเดิม 5-7%       

 

ที่มาจาก : Reuters, FXstreet, Infoquest, Bloomberg

 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com