ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกถดถอยยังทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 16.21 เหรียญ หรือ 0.95% มาอยู่ที่ระดับ 1,717.66 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 14.9 เหรียญ หรือ 0.87% ปิดที่ 1,727.8 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 35.2 เซนต์ หรือ 1.97% ปิดที่ 18.26 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 971.05 ตันภาพรวมเดือนกันยายน ขายสุทธิ 2.32 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 4.61 ตัน
- นักวิเคราะห์จาก OANDA ระบุว่า รายงาน ISM ภาคบริการของสหรัฐที่ออกมาค่อนข้างดี ย้ำเตือนนักลงทุนว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีแนวโน้มที่ดีอยู่ และเป็นการเปิดทางให้เฟดสามารถดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มข้นได้มากขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐยังคงสร้างความกังวลและกดดันราคาทองคำ
- นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities ระบุว่า มีแรงปัจจัยจำนวนหนึ่งที่กดดันตลาดทองคำ ซึ่งหากพิจารณาแล้ว ปัจจัยเหล่านั้นล้วนเกี่ยวข้องกับภาพรวมแนวทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกในปีหน้า
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.64 จุด หรือ -0.59% มาอยู่ที่ระดับ 109.67 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.084% มาอยู่ที่ระดับ 3.269% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี อยู่ที่ระดับ 3.435% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ -0.166%
- ผลสำรวจของรอยเตอร์เปิดเผย นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่จำนวน 37 คนจาก 67 คนคาดว่า อีซีบีจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในวันนี้ (8 ก.ย.) เทียบกับ 30 คนจาก 61 คนในผลสำรวจในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ 29 คนระบุว่า อีซีบีจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ส่วน 4 คนคาดว่า อีซีบีจะปรับดอกเบี้ยขึ้นเพียง 0.25% นอกจากนี้มีการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 2.00% ในไตรมาสหน้า และค่ากลางบ่งชี้ว่า อัตราดอกเบี้ยจะทรงตัวที่ระดับดังกล่าวต่อไปตลอดทั้งปีหน้า
- นักยุทธศาสตร์การลงทุนสกุลเงินกลุ่มจี-10 ของบล.แบงก์ ออฟ อเมริกากล่าวว่า "ถ้าหากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในวันนี้ (8 ก.ย.) ตลาดก็อาจจะมองว่าอีซีบีขาดความมุ่งมั่นมากพอในการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ และเราก็มองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% จะไม่ถือเป็นการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงแรกด้วย แต่จะถือเป็นสิ่งที่อีซีบีควรทำมาเป็นเวลานานแล้ว หลังจากอีซีบีดำเนินการล่าช้ามากในช่วงที่ผ่านมา โดยอีซีบียังคงมีงานอีกมากที่จำเป็นต้องทำ"
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดในวันพุธ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลง ซึ่งช่วยหนุนแรงซื้อหุ้นกลุ่มเติบโต (Growth Stock) รวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้น Defensive ซึ่งเป็นหุ้นที่ปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฎจักรทางเศรษฐกิจได้ดี
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,581.28 จุด เพิ่มขึ้น 435.98 จุด หรือ +1.40%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,979.87 จุด เพิ่มขึ้น 71.68 จุด หรือ +1.83% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,791.90 จุด เพิ่มขึ้น 246.99 จุด หรือ +2.14%
- จีนเปิดเผยการส่งออกของจีนชะลอตัวในเดือนส.ค. โดยการส่งออกเพิ่มขึ้น 7.1% ในเดือนส.ค.จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งชะลอตัวลงจากที่เพิ่มขึ้น 18.0% ในเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 12.8% ส่วนการนำเข้าเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% ในเดือนส.ค.จาก 2.3% ในเดือนก่อน ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1%
- นักการธนาคารระดับชั้นนำของสหรัฐหลายคนระบุว่า ผู้บริโภคและภาคธุรกิจของสหรัฐยังอยู่ในเกณฑ์ทางการเงินที่ดี แม้อัตราเงินเฟ้อสูงและมีความวิตกเกี่ยวกับภาวะถดถอยก็ตาม
- ซีอีโอแบงก์ ออฟ อเมริกากล่าวว่า ผู้บริโภคใช้จ่ายในเดือนส.ค.มากกว่าในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วกว่า 10% และยอดคงเหลือในบัญชีธนาคารสูงกว่าในช่วงก่อนเกิดโรคระบาด
- ซีอีโอจากเอ็มแอนด์ที แบงก์กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นของภาครัฐ และตลาดจ้างงานที่แข็งแกร่งยังคงหนุนฐานะการเงินของผู้บริโภค "เมื่อดูสถิติเครดิตของเรา เช่น การค้างชำระ และการตัดบัญชีหนี้เสีย ตัวเลขเหล่านี้ต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโรคระบาดอย่างมาก และจะใช้เวลานานที่จะปรับให้เป็นปกติกลับไปที่ระดับที่เคยเป็น
- ซีอีโอดอยช์แบงก์ได้เตือนเศรษฐกิจเยอรมนีอาจถดถอย พร้อมเตือนว่า จีนเป็นปัจจัยเสี่ยงสูงสำหรับเยอรมนี และยุโรปต้องมีธนาคารขนาดใหญ่เพื่อป้องกันการแข่งขันจากสหรัฐ
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพุธ เนื่องจากข้อมูลการค้าที่อ่อนแอของจีนทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่ธนาคารกลางทั่วโลกเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 4.94 ดอลลาร์ หรือ 5.7% ปิดที่ 81.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ร่วงลง 4.83 ดอลลาร์ หรือ 5.2% ปิดที่ 88 ดอลลาร์/บาร์เรล
- นักวิเคราะห์จาก OANDA ระบุว่า ราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวลดลงอีกครั้งหลังจากราคาน้ำมันดีดกลับจากปัจจัยเหตุโอเปคพลัสปรับลดกำลังการผลิต ซึ่งไม่เพียงพอต่อควาท้าท้ายในประเด็นภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ถึงแม้ว่ารายงานตัวเลขเศรษฐกิจภาคบริการของสหรัฐจะแข็งแกร่งกว่าที่คาด แต่ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงไม่ดีนัก และเป็นปัจจัยลบต่อราคาน้ำมัน
- นักวิเคราะห์จาก CMC Market ระบุว่า จากปัจจัย (1) ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า (2) เฟดดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวด (3) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น และ (4) เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง ล้วนเป็นปัจจัยที่กดดันราคาน้ำมัน ในขณะเดียวกัน สภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันได้สะท้อนถึงการเกิดภาวะเศรษฐกิจโลกที่เติบโตต่ำเงินเฟ้อสูง (Stagflation)
- ยูโรเมทอกซ์ (Eurometaux) สมาคมอุตสาหกรรมของยุโรปเปิดเผยว่า สหภาพยุโรป (EU) จำเป็นต้องลดต้นทุนพลังงานในภูมิภาคลง เพื่อป้องกันการปิดตัวถาวรของโรงงานถลุงโลหะหลายแห่งทั่วภูมิภาค ซึ่งจะนำไปสู่การพึ่งพาการนำเข้าจากผู้ผลิตที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์สูงกว่ามากขึ้น
- สมาคมพลังงานนอกชายฝั่งแห่งสหราชอาณาจักร (OEUK) เรียกร้องให้มีการออกใบอนุญาตการขุดเจาะพลังงานใหม่ในทะเลเหนือและเร่งทุ่มเม็ดเงินลงทุนในภาคพลังงาน เพื่อบรรเทาผลกระทบที่ราคาพลังงานแพงมีต่อผู้บริโภคอังกฤษ
- สำนักงานศุลกากร (GAC) ของจีนเปิดเผยข้อมูลชี้ว่า ยอดการนำเข้าน้ำมันดิบของจีนในเดือนส.ค.ลดลง 9.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากโรงกลั่นของรัฐปิดทำการ รวมถึงการดำเนินงานที่ลดลงของโรงกลั่นอิสระ เนื่องจากค่าการกลั่นที่ลดลงทำให้การสั่งซื้อน้ำมันดิบลดลงด้วย
- บริษัทไชน่า เนชันแนล ปิโตรเลียม คอร์ปอเรชัน (CNPC) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของปิโตรไชน่าเปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามข้อตกลงร่วมกับบริษัทก๊าซพรอมของรัสเซีย โดยเป็นข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับท่อส่งก๊าซพาวเวอร์ ออฟ ไซบีเรีย
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐได้แสดงความเชื่อมั่นว่า เขาจะมีโอกาสพบปะพูดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G20 ซึ่งจะจัดขึ้นที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซียในเดือนพ.ย.นี้ หากผู้นำจีนเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว
- นางลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษได้ตอบรับคำเชิญเดินทางเยือนยูเครนของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน พร้อมย้ำจุดยืนสนับสนุนยูเครนในการทำสงครามกับรัสเซีย
- ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียกล่าวเตือนถึงวิกฤตอาหารโลกที่กำลังจะเกิดขึ้น และเปิดเผยว่า เขาจะหารือเกี่ยวกับการแก้ไขข้อตกลงด้านธัญพืชกับยูเครนเพื่อจำกัดประเทศที่สามารถรับสินค้าธัญพืชดังกล่าว
- ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียเปิดเผยว่า มาตรการคว่ำบาตรของเยอรมนีและชาติตะวันตกเป็นสาเหตุของการระงับการจัดส่งก๊าซให้กับยุโรปผ่านท่อนอร์ดสตรีม 1 ขณะที่ ยูเครนและโปแลนด์เป็นฝ่ายตัดสินใจด้วยตนเองที่จะปิดเส้นทางส่งก๊าซอื่น ๆ ไปยังยุโรป
- ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประกาศกร้าวว่า “เป็นไปไม่ได้” ที่จะโดดเดี่ยวรัสเซีย และรัสเซียจะต่อต้านความพยายามของชาติตะวันตกที่ต้องการผลักไสรัสเซียออกจากเวทีโลก ทั้งนี้ ยังกล่าวเสริมว่า ชาติตะวันตกได้บ่อนทำลายเศรษฐกิจโลกด้วยการกระทำที่เขามองว่าเป็นความพยายามอันก้าวร้าวและไร้ประโยชน์ในการแสดงความเป็นเจ้าโลก พร้อมกับย้ำว่าอนาคตอยู่ในมือของเอเชียที่กำลังมีอำนาจมากขึ้นเรื่อย ๆ
- เจ้าหน้าที่สหรัฐเปิดเผยว่า รัสเซียต้องการสั่งซื้อจรวดและกระสุนปืนใหญ่จำนวนมากจากเกาหลีเหนือเพื่อใช้ในการทำศึกกับยูเครน ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกเริ่มส่งผลกระทบต่อกองทัพและเศรษฐกิจของรัสเซีย
- ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนและประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียจะหารือกันนอกรอบการประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ ณ เมืองซามาร์กันต์ ประเทศอุซเบกิสถาน โดยการประชุมดังกล่าวจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 – 16 ก.ย.นี้ โดยถือเป็นการประชุมแบบพบหน้ากันเป็นครั้งแรกของผู้นำจีนและรัสเซีย นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา
ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด
- สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,587 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมแล้วจนถึงวันนี้ 4,664,156 ราย ยอดผู้ติดเชื้อนอกโรงพยาบาล (ATK) ระหว่างวันที่ 28 ส.ค. - 3 ก.ย.2565 จำนวน 131,139 ราย สะสม 7,832,514 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 19 ราย ทำให้การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือน ม.ค.2565 มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 10,785 ราย ขณะที่ ภาพรวมของการเสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 มีผู้เสียชีวิตรวม 32,483 ราย
- ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐตรวจพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงสะสมที่ 20,733 รายแล้ว เมื่อนับถึงวันอังคาร โดยรัฐแคลิฟอร์เนียตรวจพบผู้ป่วยมากที่สุดจำนวน 3,833 ราย ตามด้วยรัฐนิวยอร์ก 3,526 ราย และรัฐฟลอริดา 2,126 ราย
- จีนมีแนวโน้มสั่งขยายคำสั่งล็อกดาวน์เมืองเฉิงตู ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นแบบต่อเนื่อง โดยล่าสุดในวันอังคารที่ผ่านมา เฉิงตูพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 121 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 90 คนในวันจันทร์ ขณะทื่ส่วนหนึ่งอยู่ในมณฑลเสฉวน 85 ราย และเขตปกครองตนเองทิเบตซีจ้าง 76 ราย
- สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมืองใหญ่ ๆ หลายแห่งของจีน รวมถึงเมืองหนานจิงและอู๋ซีในมณฑลเจียงซูทางตะวันออกของจีน ได้แนะนำให้ประชาชนอยู่บ้านในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลไหว้พระจันทร์ 10-12 ก.ย.นี้ โดยเลี่ยงการเดินทางหากไม่จำเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้โรคโควิด-19 แพร่ระบาด
- ข้อมูลจาก VariFlight ระบุว่า การที่จีนเดินหน้าใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-Covid Policy) ทำให้จีนต้องแยกตัวจากประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกเกือบ 100% เมื่อพิจารณาจากเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออกจากจีนที่ลดลงสู่ระดับต่ำกว่าเมื่อครั้งที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายแรกในเมืองอู่ฮั่นเมื่อช่วงต้นปี 2563
- ญี่ปุ่นปรับเพิ่มจำนวนนักเดินทางขาเข้าประเทศรายวันจากเดิมสูงสุด 20,000 คน เป็น 50,000 คนแล้วเมื่อวานนี้ พร้อมยกเลิกข้อกำหนดตรวจโรคโควิด-19 ก่อนออกเดินทาง 72 ชั่วโมง หากนักเดินทางเหล่านั้นฉีดวัคซีนครบ 3 โดสแล้ว เพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน ระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท ในระยะสั้นนี้ เรายังคงมีมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวผันผวนสูง โดยเฉพาะในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งจะมาในช่วงที่ใกล้กับการแถลงของประธานเฟด ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.52 บาทต่อดอลลาร์ "แข็งค่าขึ้น" จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.70 บาทต่อดอลลาร์ เงินบาทอาจ "อ่อนค่า"ไปทดสอบโซนแนวต้านแถว 36.80 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซนแนวรับที่ผู้นำเข้าอาจรอทยอยซื้อดอลลาร์จะอยู่ในช่วง 36.30-36.40 บาทต่อดอลลาร์
- นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวย้ำในงานสัมมนาซึ่งจัดโดยสถานีข่าว TNN ว่า อัตราดอกเบี้ยโยบายของไทยจะปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และพิจารณาให้เหมาะสมกับบริบททางเศรษฐกิจในแต่ละช่วง และเศรษฐกิจไทยอยู่ในทิศทางการฟื้นตัว โดยคาดผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ปี 65 จะเติบโตประมาณ 3% และขยายตัวราว 4% ในปี 66 ขณะที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับสู่ระดับก่อนเกิดโควิดได้ ในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า
- ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี มองเศรษฐกิจโลกชะลอตัวพร้อมปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติม กดดันการส่งออกสินค้าครึ่งปีหลังชะลอลง คาดทั้งปีเติบโต 8.1% คิดเป็นเม็ดเงินราว 2.93 แสนล้านดอลลาร์ สวนทางการนำเข้าที่เร่งตัวสูง 17.6% มองดุลการค้าไทยขาดดุลราว 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่มาจาก : Reuters, FXstreet, Infoquest, ประชาชาติธุรกิจ