ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ หลังสหรัฐเปิดเผยรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคบ่งชี้ว่า การคาดการณ์เงินเฟ้อลดลง นอกจากนี้ การปรับตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐก็ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยด้วย แต่สัญญาทองคำยังคงปิดตลาดสัปดาห์นี้ร่วงลงเกือบ 3% หลังจากที่ปิดตลาดต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีเมื่อวันพฤหัสบดี
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 9.86 เหรียญ หรือ 0.59% มาอยู่ที่ระดับ 1,674.86 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6.2 เหรียญ หรือ 0.37% ปิดที่ 1,683.5 เหรียญ แต่ร่วงลง 2.6% ในรอบสัปดาห์นี้
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 11.2 เซนต์ หรือ 0.58% ปิดที่ 19.381 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 1.16 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 960.85 ตันภาพรวมเดือนกันยายน ขายสุทธิ 12.52 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 14.81 ตัน
- นักกลยุทธ์จาก IG ระบุว่า แนวโน้มเชิงลบของตลาดทองคำ จะยังคงกดัันให้ราคาทองคำอาจปรับตัวลงต่อไปได้ต่อ ไปจนกว่าจะมีการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ ซึ่งมีแนวโน้มที่ผลการประชุมจะมีผลลัพธ์แสดงทิศทางนโยบายการเงินเข้มงวด
- นักวิเคราะห์จาก City index ชี้ว่า ตลาดซึมซับว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% แล้ว ดังนั้น สิ่งที่นักลงทุนต้องการทราบต่อไป คือ เฟดจะยังคงใช้นโยบายการเงินเข้มงวดอย่างดุดันต่อไปหรือไม่ในปีหน้า ซึ่งราคาทองคำมีแนวโน้มจะถูกกดันจากการปรับขึ้นดอกเบี้ย
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.16 จุด หรือ -0.15% มาอยู่ที่ระดับ 109.64 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.002% มาอยู่ที่ระดับ 3.455% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี อยู่ที่ระดับ 3.871% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ -0.416%
- หัวหน้าฝ่ายวิจัยตลาดญี่ปุ่นของบล.เจ.พี. มอร์แกนกล่าวว่า ความแตกต่างในทิศทางนโยบายการเงินระหว่างธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ๗กับธนาคารกลางหลักอื่นๆทั่วโลก จะส่งผลให้ค่าเงินเยนดิ่งลงต่อไป และถึงแม้ว่ามาตรวัดหลายอันบ่งชี้ว่า ค่าเงินเยนอยู่ในระดับที่ต่ำเกินไปเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ค่าเงินเยนก็จะยังคงไม่ปรับเปลี่ยนทิศทางจนกว่าบีโอเจจะปรับนโยบายการเงิน
- ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุว่า ธนาคารกลางต้องยืนหยัดในการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในวงกว้าง ซึ่งเป็นการยอมรับว่า นักเศรษฐศาสตร์หลายคนคิดผิดเมื่อพวกเขาคาดการณ์ในปีที่แล้วว่า อัตราเงินเฟ้อจะลดลงในปีนี้
- นายลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงเหนือระดับ 4.3% เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน เนื่องจากการเตือนของบริษัทเฟดเอ็กซ์เกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยง
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,822.42 จุด ลดลง 139.40 จุด หรือ -0.45%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,873.33 จุด ลดลง 28.02 จุด หรือ -0.72% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,448.40 จุด ลดลง 103.95 จุด หรือ -0.90%
- ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ ร่วงลง 4.1%, ดัชนี S&P500 ร่วง 4.8% และดัชนี Nasdaq ร่วงลงราว 5.5%
- โฆษกของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังคงมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง และคาดว่าเศรษฐกิจของบางประเทศจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2566 อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะลุกลามเป็นวงกว้างทั่วโลก อย่างไรก็ตาม IMF ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2565 ลงสู่ระดับ 3.2% และปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2566 ลงเหลือ 2.9% ส่วนตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลกครั้งใหม่นั้น จะมีการเปิดเผยในเดือนหน้า
- หัวหน้านักเศรษฐาสตร์ของธนาคารโลก แสดงความวิตกเกี่ยวกับ ภาวะเศรษฐกิจเติบโตต่ำแต่เงินเฟ้อสูง (Stagflation) ที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจโลก พร้อมระบุว่า ธนาคารโลกได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับ 3 ใน 4 ของประเทศทั้งหมดแล้ว โดยสงครามในยูเครน และผลกระทบต่อเนื่องทำให้แนวโน้มดังกล่าวเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ
- เศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างไม่คาดคิดในเดือนส.ค. โดยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิด และยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น โดยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 5.4% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ที่ 3.5% และเทียบกับที่เพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนก.ค. และเป็นระดับสูงสุดในปีนี้ และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 4.2% เมื่อเทียบรายปีในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นมากที่สุดตั้งแต่เดือนมี.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.8% และเทียบกับที่เพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือนก.ค.
- ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่องในเดือนส.ค. โดยปรับตัวลงทั้งราคาบ้าน, การลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และยอดขายอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากผลกระทบของการที่ประชาชนจำนวนมากไม่ยอมจ่ายค่าจำนองบ้าน, การใช้มาตรการเพื่อควบคุมโรคโควิด-19 และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ได้บั่นทอนความเชื่อมั่นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน
- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า การผลิตถ่านหินรายวันลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน เนื่องจากเหมืองบางแห่งในศูนย์กลางการผลิตถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดของจีนปรับลดการผลิตและบางแห่งมีการหยุดการผลิต อันเนื่องมาจากผลกระทบของฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและการที่จีนใช้มาตราการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
- อัตราการว่างงานของเกาหลีใต้ในเดือนส.ค. ลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 18 ทั้งนี้ อัตราว่างงานเดือนส.ค.ซึ่งได้รับการทบทวนแล้ว ร่วงลงสู่ระดับ 2.5% ในเดือนส.ค. จาก 2.9% ในเดือนก.ค. โดยแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเปิดเผยข้อมูลในเมื่อเดือนมิ.ย. 2542
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันศุกร์ แต่ยังคงลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน โดยถูกกดดันจากความวิตกที่ว่าการคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่าง ๆ จะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง และจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 85.11 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ลดลง 1.9% ในรอบสัปดาห์นี้ และลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 91.35 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ลดลง 1.6% ในรอบสัปดาห์นี้ และลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
- นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก ING ระบุว่า ภาพรวมทิศทางของตลาดน้ำมันยังคงเป็นภาพเชิงลบ จากความกังวลอุปสงค์ของจีนที่อ่อนแอ ประกอบกับภาวะการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์และความคาดหวังว่าเฟดจะยังคงใช้นโยบายการเงินเข้มงวด ส่งผลลบต่อกลุ่มสิน้คาฌภคภัณฑ์โดยรวม
- นักวิเคราะห์จาก CMC Market ระบุ แม้ว่ามีโอกาสค่อนข้างน้อยที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยถึง 1% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. นี้ แต่ก็ยังสร้างความรู้สึกไม่แน่นอนให้กับตลาด ซึ่งแสดงถึงความเสี่ยงที่ราคาน้ำมันอาจปรับตัวลงในสัปดาห์นี้
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- สำนักข่าวบลูมเบิร์กเปิดเผยว่า รัสเซียได้สร้างความเสียหาย ทำลาย หรือเข้ายึดพื้นที่เก็บธัญพืชของยูเครน 14% นับตั้งแต่บุกโจมตียูเครนในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อปริมาณอาหารโลกและคุกคามต่อการเก็บเกี่ยวผลผลิตในอนาคต
- นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐประกาศมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่ต่ออุตสาหกรรมกลาโหมและข่าวกรองทางทหารของรัสเซีย รวมถึงผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าขโมยพืชผลจากยูเครน โดยมีเป้าหมายที่จะจำกัดความสามารถในการทำสงครามของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย
- กระทรวงต่างประเทศสหรัฐเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐประกาศการสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่มเติมแก่ยูเครนมูลค่า 600 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยยูเครนในการทำศึกกับรัสเซีย
- สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ไม่ได้เข้าร่วมการรับประธานอาหารเย็นกับผู้นำจาก 11 ประเทศ รวมถึงประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในการประชุมสุดยอดความมั่นคงของภูมิภาค เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายโควิด-19 ของคณะผู้แทนของปธน.สี
- ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่า เข้าใจดีว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน มีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน ถือเป็นการยอมรับว่ารัสเซียมีความเห็นไม่ลงรอยกันกับจีนในสงครามครั้งนี้ หลังจากที่รัสเซียถูกยูเครนตีโต้ยึดคืนพื้นที่กลับมาได้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด
- สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ของไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 242 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 4,673,629 ราย ยอดผู้ติดเชื้อนอกโรงพยาบาล (ATK) ระหว่างวันที่ 4-10 ก.ย.2565 จำนวน 107,503 ราย สะสม 7,940,017 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 11 ราย ทำให้การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือน ม.ค.2565 มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 10,942 ราย ขณะที่ ภาพรวมของการเสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 มีผู้เสียชีวิตรวม 32,640 รายิ
- นายกรัฐมนตรีซู เจิงชางของไต้หวันเปิดเผยในวันนี้ ว่า ไต้หวันกำลังเตรียมที่จะยกเลิกมาตรการกักตัวผู้เดินทางเข้าประเทศทั้งหมด และกำลังเตรียมการในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ขณะที่รัฐบาลยังคงเดินหน้าผ่อนปรนมาตรการควบคุมต่าง ๆ ที่กำหนดขึ้นเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ ที่ระดับ 36.80 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 37.00 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 36.50-37.20 บาทต่อดอลลาร์และกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.70-36.90 บาทต่อดอลลาร์
- ธนาคารพาณิชย์หวั่นหนี้เสียสินเชื่อรถพุ่ง หลังตัวเลขหนี้ค้างชำระไม่เกิน 3 เดือนเพิ่มต่อเนื่อง โดยที่ข้อมูลจากธนาคารกสิกรไทย รวบรวมจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่า ในไตรมาส 2 ปีนี้ สินเชื่อเช่าซื้อมีหนี้ที่ค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน (SM) เพิ่มขึ้นเป็น 154,345 ล้านบาท คิดเป็น 13.11% จากไตรมาสแรกอยู่ที่ 141,985 ล้านบาท หรือ 12.05% ส่วนหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ยังทรงตัว
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, Prachachat