• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 11 ตุลาคม 2565

    11 ตุลาคม 2565 | Gold News

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ



  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่สูงกว่าคาดของสหรัฐจะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดทองคำ

 

  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -26.08 เหรียญ หรือ -1.54% อยู่ที่ระดับ 1,668.61 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 34.1 เหรียญ หรือ 1.99% ปิดที่ 1,675.2 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 64 เซนต์ หรือ 3.16% ปิดที่ 19.615 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 944.31 ตัน ภาพรวมเดือนตุลาคม ซื้อสุทธิ 4.61 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 31.35 ตัน

 

  • นักวิเคราะห์จาก IG Markets ระบุว่า ราคาทองคำได้รับผลกระทบเชิงลบจากความคาดหวังที่สูงขึ้นที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยสูง จากการรายงานตลาดแรงงานสหรัฐยังคงแข็งแกร่งกว่าที่คาด

 

  • นักลงทุนจับตาดูรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ ซึ่งจะรายงานในคืนวันพฤหัสบดีในสัปดาห์นี้

 

  • นักวิเคราะห์จาก IG Markets คาดว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะยังคงสูงยืดเยื้อ ซึ่งจะทำให้มีมุมมองว่าเฟดจะยังคงดำเนินการขึ้นดอกเบี้ยต่อไป

 

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง



  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.33 จุด หรือ 0.29% มาอยู่ที่ระดับ 113.08 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.07 % มาอยู่ที่ระดับ 3.959% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.02 % มาอยู่ที่ระดับ 4.325% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.37% อยู่ในภาวะ inverted yield curve

 

  • นักยุทธศาสตร์การลงทุนของธนาคารเวสท์แพค ชี้ว่า ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากตัวเลขการจ้างงานและจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับสูงขึ้นเพราะตัวเลขการจ้างงาน นอกจากนี้ ยังกล่าวเสริมว่า "สิ่งนี้ถือเป็นหลักฐานอีกชิ้นหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐไม่ได้ทรุดตัวลง และสิ่งนี้จะช่วยส่งเสริมการคาดการณ์ที่ว่า เจ้าหน้าที่เฟดจะยังคงแสดงความเห็นแบบเดิมต่อไปในช่วง 3 สัปดาห์ข้างหน้าในประเด็นเรื่องอัตราดอกเบี้ย"

 

  • สมาชิกของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และผู้ว่าการธนาคารกลางฝรั่งเศส กล่าวว่า ECB จะมุ่งกดอัตราเงินเฟ้อลงให้เหลือ 2% ในอีก 2-3 ปีต่อจากนี้ และเน้นย้ำว่า อัตราเงินเฟ้อที่ระดับเกือบ 2%” ยังคงเป็นเป้าหมายที่ผู้กำหนดนโยบายทางการเงินของ ECB และที่อื่น ๆ ควรทำตามด้วย โดยเขามองว่า เศรษฐกิจของยูโรโซนยังห่างไกลจากตัวเลขดังกล่าวมากนัก

 

  • ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศยกระดับโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษ (Gilt) ฉุกเฉิน หลังแผนเศรษฐกิจขนาดย่อมของนายควาซี กวาร์เต็ง รัฐมนตรีคลังอังกฤษ ทำให้ตลาดเกิดความวุ่นวายจนเสี่ยงเกิดวิกฤตการเงิน โดย BoE จะเพิ่มปริมาณการซื้อ Gilt ต่อวันขึ้นอีก 2 เท่า จากเดิม 5 พันล้านปอนด์เป็น 1 หมื่นล้านปอนด์ ขณะพยายามจะปิดโครงการอย่างเป็นระบบก่อนถึงวันสุดท้ายในวันศุกร์นี้

 

  • ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) มีแนวโน้มที่จะแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราด้วยการขายสกุลเงินดอลลาร์ผ่านทางธนาคารของรัฐบาลในวันนี้ หลังจากค่าเงินรูปีร่วงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ภายหลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่สูงกว่าคาด ซึ่งทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ



  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และจากการที่รัฐบาลสหรัฐออกมาตรการควบคุมการส่งออกชิปให้กับจีน

 

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,202.88 จุด ลดลง 93.91 จุด หรือ -0.32%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,612.39 จุด ลดลง 27.27 จุด หรือ -0.75% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,542.10 จุด ลดลง 110.30 จุด หรือ -1.04%

 

  • โมฮัมเมด เอลเอเรียล หัวหน้าที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของกลุ่ม Allianz คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐจะปรับตัวลดลงสู่ระดับประมาณ 8% แต่เงินเฟ้อพื้นฐานจะยังคงปรับสูงขึ้นต่อไป พร้อมทั้งตั้งคำถามว่า แม้ว่าในท้ายที่สุด อัตราเงินฟ้อพื้นฐานจะต้องปรับลดลงก็ตาม แต่จะลดลงจากการเกิดเพียงจากการชะลอตัวของการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

 

  • ธนาคารกลางฝรั่งเศสเปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจรายเดือนซึ่งมาจากการสำรวจผู้นำทางธุรกิจในวันนี้ โดยระบุว่าเศรษฐกิจฝรั่งเศสมีแนวโน้มเติบโต 0.25% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 0.3% โดยมีสาเหตุหลักมาจากกิจกรรมในภาคอุตสาหกรรมที่ซบเซา

 

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน



  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน รวมทั้งเศรษฐกิจโลกที่เริ่มส่งสัญญาณถดถอย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน

 

  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1.51 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 91.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.73 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 96.19 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

  • นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ให้ความเห็นว่า การตัดสินใจปรับลดการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัสนั้น "ไม่เหมาะสมและไม่เป็นผลดี" ต่อเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มตลาดเกิดใหม่

 

  • ซาอุดีอารามโค บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของซาอุดีอาระเบียได้แจ้งต่อลูกค้าอย่างน้อย 5 รายในเอเชียเหนือว่า ลูกค้าจะได้รับน้ำมันดิบในปริมาณที่มีการทำสัญญากันเอาไว้ในเดือนพ.ย.นี้

 

  • SPI Asset Management ระบุว่า ราคาน้ำมันกำลังถูกดดันโดย 3 ปัจจัยได้แก่ (1) เศรษฐกิจจีนอ่อนแอ (2) การใช้นโยบายการเงินเข้มงวดของสหรัฐ และ (3) การแทรกแซงด้วยการปล่อยน้ำมันจากคัลงสำรองเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐ

 

ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ



  • ประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุระเบิดถล่มเมืองต่าง ๆ ทั่วยูเครนในวันจันทร์ที่ผ่านมา และกล่าวหาว่ารัสเซียพยายามกวาดล้างยูเครนให้หายไปจากโลกใบนี้

 

  • สำนักข่าวบีบีซีและบลูมเบิร์ก รายงานว่า เกิดเหตุระเบิดอย่างน้อย 2 ครั้งในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนในเมื่อวานนี้ โดยขณะนี้ยังไม่ทราบจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ

 

  • ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวโทษยูเครนว่าเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีสะพานเคิร์ชในไครเมีย ซึ่งเป็นสะพานสำคัญที่เชื่อมดินแดนระหว่างไครเมียและรัสเซีย โดยการแสดงความเห็นดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่ากองทัพรัสเซียกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก นับตั้งแต่เปิดฉากทำสงครามกับยูเครนขึ้นเมื่อ 8 เดือนที่แล้ว

 

  • ทำเนียบขาวประกาศว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐได้ลงนามในคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดี เพื่อบังคับใช้กรอบการทำงานรูปแบบใหม่ “Privacy Shield 2.0” โดยมีเป้าหมายที่จะปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลที่แบ่งปันร่วมกันระหว่างสหรัฐและยุโรป

 

  • นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กประกาศภาวะฉุกเฉิน โดยระบุว่านครนิวยอร์กกำลังเกิดวิกฤตจากการรับผู้อพยพมากเกินไป โดยมีผู้อพยพกว่า 17,000 รายเดินทางเข้านิวยอร์กผ่านทางชายแดนทางตอนใต้นับตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ รัฐที่สนับสนุนพรรครีพับลิกันอย่างเท็กซัส, แอริโซนา และฟลอริดา ส่งตัวผู้อพยพไปยังพื้นที่ที่สนับสนุนพรรคเดโมแครตอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงไม่กี่เดือนมานี้ นับเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งกับทำเนียบขาว ในขณะที่ผู้คนแห่อพยพเข้าสหรัฐผ่านทางชายแดนเม็กซิโกมากเป็นประวัติการณ์

 

  • สหรัฐออกโรงเตือนฮ่องกงว่า การให้ความช่วยเหลือแก่บุคคลที่ถูกคว่ำบาตรนั้น เสี่ยงส่งผลกระทบต่อสถานะศูนย์กลางทางการเงินของฮ่องกง หลังจากเรือยอชต์ที่เชื่อมโยงกับบุคคลที่รวยที่สุดรายหนึ่งของรัสเซียเข้าจอดเทียบท่าในอ่าวฮ่องกง

 

  • สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวัน เปิดเผยว่า การใช้อาวุธเข้าปะทะกันระหว่างไต้หวันกับจีนนั้นไม่ใช่ทางเลือกอย่างเด็ดขาด พร้อมให้คำมั่นที่จะเพิ่มกำลังทหารเพื่อการป้องกันไต้หวันและย้ำว่าเต็มใจที่จะพูดคุยกับจีน

 

  • สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) เปิดเผยในวันนี้ว่า เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยกลางแบบพื้นสู่พื้นชนิดใหม่ข้ามญี่ปุ่นในเดือนต.ค. โดยเป็นหนึ่งในการทดสอบยิงขีปนาวุธทิ้งตัว 7 ครั้งที่เริ่มมาตั้งแต่ปลายเดือนก.ย.

         

ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด



  • รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในรอบสัปดาห์ (2-8 ต.ค.65) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รักษาตัวในโรงพยาบาล 2,915 คน เฉลี่ยวันละ 416 คน ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า (25 ก.ย.-1 ต.ค.65) ที่มีผู้ติดเชื้อผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4,435 คน เฉลี่ยวันละ 634 คน ทั้งนี้ ส่งผลให้มีผู้ป่วยสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.65 ถึงปัจจุบันอยู่ที่ 2,461,612 คน ส่วนผู้เสียชีวิตรายใหม่มี 58 คน เฉลี่ยวันละ 8 ราย สะสม 11,131 คน



  • อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ชี้แจงกรณีในต่างประเทศ ตรวจพบโอมิครอนกลายพันธุ์ตัวใหม่ทั้ง “BQ.1.1” และ “XBB” สามารถแพร่เชื้อได้เร็วและดื้อภูมิคุ้มกันมากกว่าทุกสายพันธุ์ว่า จากข้อมูลการเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับเครือข่ายทั่วประเทศ ยังไม่มีรายงานการตรวจพบสายพันธุ์ดังกล่าวในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้เชื้อโควิด-19 ที่แพร่ระบาดในประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5

 

  • จีนเร่งสกัดโรคโควิด-19 ก่อนถึงกำหนดการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.นี้ เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อโควิดทั่วประเทศเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 เดือน ขณะที่ประชาชนในวงกว้างวิตกกังวลว่า ทางการจะบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกรอบในนครเซี่ยงไฮ้

ทั้งนี้ จีนตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่รวมทั้งสิ้น 1,939 รายในวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. โดยสาเหตุมาจากผู้ติดเชื้อในกลุ่มผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับจากช่วงหยุดยาววันชาติเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยแบ่งออกเป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ 1,566 ราย และผู้ติดเชื้อในชุมชนแบบแสดงอาการของโรค 373 ราย

 

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท



  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ ที่ระดับ 37.98 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 37.92 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 37.85-38.15 บาทต่อดอลลาร์



  • กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 37.25-38.00 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 37.41 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายกรอบกว้างระหว่าง 37.13-38.14 บาท/ดอลลาร์

 

  • สภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ชี้ว่า ส่งออกไทยจะเริ่มแผ่วไตรมาส 4 ต่อเนื่องถึงปีหน้า ประเมินปี 66 เศรษฐกิจโลกชะลอตัว จากปัญหารุมเร้าหลากหลาย ทั้งสหรัฐขึ้นดอกเบี้ย สกัดเงินเฟ้อ ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ ราคาพลังงานสูง แนะเร่งหาตลาดส่งออกใหม่ ดูแลค่าพลังงาน รักษาเงินบาทให้มีเสถียรภาพ อย่างไรก็ตาม สรท. มั่นใจการส่งออกของไทยในปี 2565 เติบโตได้ที่ 8%

 

  • สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 3/65 เท่ากับ 65 สะท้อนสถานการณ์การท่องเที่ยวที่ดีขึ้นกว่าไตรมาสที่ผ่านมา แต่ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติมาก ผลจากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ และเริ่มมีการใช้ Booster Shot ด้านการตลาด สำหรับไตรมาส 4/65 ผู้ประกอบการคาดว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวจะดีขึ้นอีก โดยมีดัชนีเพิ่มขึ้นเป็น 70 และเชื่อมั่นว่าในปีนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 12 ล้านคน ก่อนขยับสู่ 30-40 ล้านคนปีหน้า

 

  

ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews 

 


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com