ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพุธ เนื่องจากแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาด
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -22.85 เหรียญ หรือ -1.38% อยู่ที่ระดับ 1,629.08 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 21.6 เหรียญ หรือ 1.3% ปิดที่ 1,634.2 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 24.1 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 18.359 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 6.08 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 932.73 ตันภาพรวมเดือนตุลาคม ขายสุทธิ 6.97 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 42.93 ตัน
- นักกลยุทธ์จาก IG Market ระบุว่า บรรดาผู้มีส่วนร่วมในตลาดต้องการเห็นความชัดเจนว่าเฟดจะยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ย จึงจะฟื้นความมั่นใจในการลงทุนทองคำ ซึ่งจากสาเหตุดังกล่าว ทำให้ภาพรวมราคาทองคำยังคงอยู่ในทิศทางขาลง แม้ว่าราคาทองคำอาจปรับตัวขึ้นในระยะสั้น แต่ก็จะเผชิญแรงขายสวนกลับมาในที่สุด
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 1.08 จุด หรือ 0.97% มาอยู่ที่ระดับ 112.99 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.13 % มาอยู่ที่ระดับ 4.14% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.13 % มาอยู่ที่ระดับ 4.565% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.43% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
- ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินนิอาโปลิส นีล แคชคารี กล่าวว่า เฟดอาจจะต้องปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้สูงกว่า 4.75% ถ้าหากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานไม่หยุดเพิ่มขึ้น โดยเน้นย้ำว่าหากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานไม่ปรับลงเพียงพอ ก็อาจะต้องดำเนินการดังกล่าว
- ผลสำรวจของรอยเตอร์พบว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์อีก 0.75% ในการประชุมในวันที่ 27 ต.ค.นี้ ขณะที่อีซีบีพยายามที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินเป้าหมาย 5 เท่าแล้ว เนื่องจากราคาพลังงานที่พุ่งขึ้นมาก และระบบห่วงโซ่อุปทานที่ยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัส ได้รับผลกระทบอีกจากการบุกโจมตียูเครนของรัสเซีย
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐได้บดบังปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงเน็ตฟลิกซ์ และพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,423.81 จุด ลดลง 99.99 จุด หรือ -0.33%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,695.16 จุด ลดลง 24.82 จุด หรือ -0.67% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,680.51 จุด ลดลง 91.89 จุด หรือ -0.85%
- บริษัทฟิทช์ เรทติงส์ ปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐสำหรับปีนี้และปีหน้า จีดีพีสหรัฐจะขยายตัวเพียง 0.5% ในปีหน้า ลดลงจาก 1.5% ที่คาดไว้ในเดือนมิถุนายน และคาดอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นจากเพียง 3.5% ในปัจจุบัน สู่ระดับ 5.2% ในปี 2024 อย่างไรก็ตาม คาดว่า ภาวะถดถอยที่จะเกิดขึ้นกับสหรัฐจะไม่รุนแรง โดยภาวะถดถอยครั้งต่อไปอาจจะเหมือนกับภาวะถดถอยที่เริ่มต้นขึ้นในเดือนก.ค.1990 และสิ้นสุดในเดือนมี.ค.1991
- บริษัทอ็อกซ์ฟอร์ด อิโคโนมิคส์ ระบุ แรงกดดันด้านห่วงโซ่อุปทานลดระดับลงในเดือนกันยายนหลังจากปรับขึ้นเล็กน้อยในเดือนสิงหาคม และแรงกดดันด้านการขนส่งปรับลดลงในระดับที่มากที่สุดในบรรดาองค์ประกอบของดัชนี ส่วนแรงกดดันด้านราคาปรับลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และสต็อกสินค้าคงคลังปรับตัวดีขึ้น โดยที่ปัจจัยดังกล่าวเคยมีส่วนสำคัญในการทำให้อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐพุ่งสูงขึ้นในช่วงเริ่มเกิดวิกฤติโรคระบาด
- หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ NAHB ระบุว่า "ปีนี้จะถือเป็นปีแรกนับตั้งแต่ปี 2011 ที่ยอดการเริ่มต้นสร้างบ้านเดี่ยวหลังใหม่(ของสหรัฐ)ปรับลดลง และมีแนวโน้มว่ายอดการก่อสร้างบ้านเดี่ยวหลังใหม่จะปรับลดลงไปอีกในปี 2023 ในขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยหดตัวลงต่อไป และอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป"
- นายจอห์น ลี ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกงประกาศแผนการต่าง ๆ ในวันนี้ เพื่อดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถและการลงทุนเข้าสู่ฮ่องกง โดยรัฐบาลฮ่องกงจะกันเงินจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อดึงดูดบรรดานักธุรกิจให้เข้ามาลงทุนในฮ่องกง และเปิดตัวโครงการ Top Talent Pass เพื่อจูงใจบุคลากรที่มีความสามารถให้เข้ามาทำงานในฮ่องกง
- สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 10.1% ในเดือนกันยายน เมื่อเทียบเป็นรายปี เท่ากับจุดสูงสุดรอบ 40 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ของรอยเตอร์คาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 10% เนื่องจากราคาอาหารและพลังงานปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากรัฐบาลประกาศว่าจะระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 2.73 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 85.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.38 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 92.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
- นักวิเคราะห์พลังงานจาก DBS ระบุว่า การฟื้นตัวเพัยงเล็กน้อยของราคาน้ำมัน ส่วนใหญ่มาจากปัจจัยการเปิดรับความเสี่ยงที่มากขึ้นของตลาด มากกว่าปัจจัยพื้นฐานของอุตสาหกรรมน้ำมัน
- นักวิเคราะห์พลังงานจาก DBS ระบุว่า การที่ยุโรปเตรียมคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซียในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ ทำให้เรามีมุมมองเชิงบวกต่อราคาน้ำมันมากกว่ามุมมองเชิงลบ ณ ระดับราคาน้ำมันในปัจจุบัน
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- แม่ทัพคนใหม่ของรัสเซียในยูเครนเผย ขณะนี้ สถานการณ์ในภูมิภาคเคอร์ซอนของยูเครนที่รัสเซียยึดไว้ได้นั้น “ตึงเครียด” และ “ยากลำบาก”
- สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือว่า สหภาพยุโรป (EU) อาจออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่ออิหร่านในอีก “ไม่กี่วันข้างหน้า” หากเสร็จสิ้นการสอบสวนเพิ่มเติมและพบว่าอิหร่านมีส่วนช่วยเหลือรัสเซียในการโจมตียูเครน
- เจ้าหน้าที่ระดับสูง 4 คนในอิหร่านให้ข้อมูลตรงกัน เตรียมจัดส่งขีปนาวุธพิสัยใกล้-โดรนให้รัสเซียภายใน 10 วัน โดยที่ทูตอิหร่านรายหนึ่งกล่าวว่า “อาวุธเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ที่ไหนไม่ใช่เรื่องของผู้ขาย เราไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดในวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนอย่างที่ชาติตะวันตกทำ เราต้องการให้เรื่องนี้จบลงผ่านกระบวนการทางการทูต”
ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด
- ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี พบโอมิครอน BQ.1 ในประเทศไทยแล้ว 1 ราย ทั้งนี้ นพ.แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ของทำเนียบขาวของสหรัฐฯ กล่าวถึงสาเหตุที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญกังวลใจเกี่ยวกับบรรดาโอมิครอนสายพันธุ์ใหม่ เช่น BQ.1 และ BQ.1.1 ซึ่งเป็นรุ่นหลานของโอไมครอน BA.5 เนื่องจาก 2 เหตุผลสำคัญ คือ 1. โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BQ.1 และ BQ.1.1 มีการเพิ่มจำนวนเป็นเท่าตัว (doubling time) ภายในอาทิตย์เดียวติดต่อกันมาหลายสัปดาห์ ซึ่งถือว่าสูงมาก 2. โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BQ.1 และ BQ.1.1 ดื้อต่อยาแอนติบอดีที่ใช้รักษาโควิด-19
- เซี่ยงไฮ้เตรียมสร้างอาคารกักตัวผู้ติดโควิด-19 ที่สามารถรองรับประชาชนได้หลายพันคนใกล้ใจกลางเมือง ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าจีนไม่น่าจะเปลี่ยนจากนโยบายโควิด-19 เป็นศูนย์ (Covid Zero) ในเร็ว ๆ นี้ แม้นโยบายดังกล่าวจะมีค่าใช้จ่ายสูงก็ตาม
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ ที่ระดับ 38.35 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 38.25 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 38.25-38.45 บาทต่อดอลลาร์
- นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปี เตรียมวาระเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อย่างช้าในกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งประกอบด้วยโครงการ คนละครึ่ง-ช้อปดีมีคืน-เที่ยวด้วยกัน เฟสใหม่
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews, PPTV