ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงถูกกดดันจากความกังวลที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -1.23 เหรียญ หรือ -0.08% อยู่ที่ระดับ 1,627.85 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.6 เหรียญ หรือ 0.16% ปิดที่ 1,636.8 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 33 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 18.689 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 1.74 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 930.99 ตันภาพรวมเดือนตุลาคม ขายสุทธิ 8.71 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 44.67 ตัน
- นักวิเคราะห์จาก DailyFX ระบุว่า ภาพรวมแนวโน้มทองคำมีทิศทางเป็นขาลง ซึ่งได้รับปัจจัยลบจากการปรับตัวขึ้นของค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล จากการที่เฟดแสดงท่าทีนโยบายการเงินเข้มงวดมากขึ้น
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.05 จุด หรือ -0.04% มาอยู่ที่ระดับ 112.94 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.09 % มาอยู่ที่ระดับ 4.23% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.05 % มาอยู่ที่ระดับ 4.612% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.38% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
- นายนีล แคชคารี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินนิอาโปลิส กล่าวว่า ความต้องการในตลาดแรงงานของสหรัฐยังแข็งแกร่งอยู่ และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อพื้นฐานก็อาจยังไม่แตะระดับสูงสุด
- นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับที่สูงเกินไปอาจจะส่งผลกระทบ "ในทางอ้อม" ต่อเศรษฐกิจสหรัฐ เนื่องจากธุรกิจต่าง ๆ จะคาดการณ์ในทางลบมากยิ่งขึ้น โดยถ้อยแถลงของเขาถือเป็นการเตือนให้เฟดใช้ความระมัดระวังในการดำเนินมาตรการรับมือกับอัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูง ทั้งนี้ เฟดคาดการณ์ในปัจจุบันนี้ว่า เฟดจะปรับกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ย federal funds ขึ้นสู่ 4.6% ในปีหน้า ถ้าหากเราจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับที่สูงกว่านั้นเป็นอย่างมาก การทำเช่นนั้นก็จะเริ่มเป็นการถ่วงเศรษฐกิจ
- ธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์ คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 5.25% ในไตรมาสแรกปีหน้า ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ และเป็นระดับที่อาจจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอย นอกจากนี้คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยในไตรมาสที่สองของปีหน้า
- ธนาคารกลางจีนประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีที่ระดับ 3.65% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีที่ระดับ 4.30% ในวันนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยการคงอัตราดอกเบี้ย LPR สะท้อนให้เห็นว่า ทางการจีนไม่ต้องการใช้นโยบายกระตุ้นทางการเงินเพิ่มเติม เพื่อหลีกเลี่ยงการดำเนินนโยบายที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับประเทศขนาดใหญ่รายอื่น ๆ
- ค่าเงินเยนร่วงลงแตะระดับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 150 ต่อดอลลาร์เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1990 เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 32 ปี โดยที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ได้ดำเนินการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นฉุกเฉินแทรกแซงในตลาดเงินอีกครั้งเพื่อสกัดกั้นการร่วงลงของค่าเงินเยน
- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เปิดเผยว่า เตรียมทำการซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นฉุกเฉิน โดยเสนอที่จะซื้อพันธบัตรมูลค่าราว 667 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรการเพื่อพยุงราคาพันธบัตร และการประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่เยนดิ่งลงใกล้ทะลุระดับ 150 ต่อดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 32 ปี และถูกมองว่ามีความสำคัญทางจิตวิทยาสำหรับผู้เล่นในตลาด
- ในขณะที่นักลงทุนหลายคนคาดว่า ญี่ปุ่นจะต้องยกเลิกนโยบาย "ควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน" หรือ Yield Curve Control (YCC) ที่ใช้มานาน ซึ่งบีโอเจจะซื้อพันธบัตรเป็นจำนวนมากเพื่อตรึงผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีให้อยู่ที่ราว 0%
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี เนื่องจากข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐและการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้นักลงทุนกังวลว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกต่อไป ซึ่งอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,333.59 จุด ลดลง 90.22 จุด หรือ -0.30%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,665.78 จุด ลดลง 29.38 จุด หรือ -0.80% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,614.84 จุด ลดลง 65.66 จุด หรือ -0.61%
- รายงาน Beige Book ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐขยายตัวเล็กน้อยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจทรงตัวในบางภูมิภาคของสหรัฐ และหดตัวลงในบางภูมิภาค ในขณะที่ตลาดแรงงานส่งสัญญาณชะลอตัวลง และบริษัทสหรัฐคาดการณ์แนวโน้มในทางลบมากยิ่งขึ้น
- กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยยอดขาดดุลการค้า 2.09 ล้านล้านเยน (1.394 หมื่นล้านดอลลาร์) ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการเกินดุลติดต่อกันเป็นเดือนที่ 14 เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากการอ่อนค่าของเงินเยน ทั้งนี้ ยอดนำเข้าเดือนก.ย.ของญี่ปุ่นพุ่งขึ้น 45.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และนับเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันที่ยอดการนำเข้าขยายตัวมากกว่า 40% เนื่องจากญี่ปุ่นนำเข้าน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติเหลว และถ่านหินเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี ขานรับความหวังที่ว่าความต้องการใช้น้ำมันในจีนจะฟื้นตัว หลังมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่จีนกำลังพิจารณาลดระยะเวลาการกักตัวของผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 85.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 92.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
- นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จาก Commonwealth Bank ระบุว่า การที่ประธานาธืบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ ประกาศแผนปล่อยน้ำมันออกจากคลังสำรอง 15 ล้านบาร์เรลและจากนั้นจะเริ่มกลับมาซื้อน้ำมันเติมเข้าคลังสำรองอีกครั้ง การปล่อยน้ำมันปริมาณดังกล่าวแทบไม่มีผลกระทบต่อตลาด คิดเป็นเพียงอุปทาน 0.04 ล้านบาร์เรลต่อวันเท่านั้น
- นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จาก Commonwealth Bank ระบุว่า ตลาดน้ำมันกำลังให้ความสนใจกับประเด็นสหภาพยุโรปคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซีย ซึ่งทำให้เราคาดว่าสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์จะมีระดับเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 100 เหรียญต่อบาร์เรลในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- นางลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักรประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังอยู่ในตำแหน่ง เพียง 45 วัน กลายเป็นผู้นำสหราชอาณาจักรที่มีวาระดำรงตำแหน่งสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ
- นายอามีร์ ซาอิด อิราวานี เอกอัครราชทูตของอิหร่านประจำสหประชาชาติ (UN) ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาจากชาติตะวันตกว่า อิหร่านได้จัดหาฝูงโดรนให้กับรัสเซียเพื่อใช้ในสงครามยูเครน
- กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีนได้จัดการประชุมฉุกเฉินหลายครั้งในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้เชิญบรรดาผู้บริหารของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำ เพื่อร่วมกันประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐ ประกาศใช้มาตรการควบคุมการส่งออกชิปให้กับจีน นอกจากนี้ ทางกระทรวงยังให้คำมั่นสัญญาว่าจะสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตชิปซึ่งมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ
- บริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง โค (TSMC) ของไต้หวันซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายสำคัญให้กับบริษัทแอปเปิล กำลังพิจารณาขยายกำลังการผลิตในญี่ปุ่น ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างจีนและชาติตะวันตกก็ยังคงเป็นอุปสรรคต่อบริษัทอย่างต่อเนื่อง
ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด
- เจ้าหน้าที่จีนกำลังอภิปรายกันในขณะนี้ว่าจะลดระยะเวลาการกักตัวสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศจีนหรือไม่ หลังจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ทำให้จีนแยกตัวออกจากโลกภายนอกมากยิ่งขึ้น
- ฮ่องกงไม่มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงการบังคับใช้มาตรการจำกัดโควิด-19 สำหรับนักเดินทางขาเข้ามากนักก่อนถึงการประชุมสุดยอดด้านการธนาคารในเดือนพ.ย.นี้ แต่กำลังพิจารณาผ่อนปรนข้อจำกัดบางประการ ซึ่งรวมถึงการอนุญาตให้ผู้เข้าร่วมการประชุมเดินทางออกจากฮ่องกงโดยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวได้ หากติดเชื้อโควิด-19
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ที่ระดับ 38.23 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 38.12 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 38.15-38.45 บาทต่อดอลลาร์
- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยยอดขายรถยนต์ภายในประเทศทั้งระบบในเดือนก.ย. อยู่ที่ 74,150 คัน เพิ่มขึ้น 15.64% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เทียบกับเดือนส.ค. อยู่ที่ 68,208 คัน เพิ่มขึ้น 61.72% และยอดส่งออกรถยนต์ในเดือนก.ย. อยู่ที่ 100,389 คัน เพิ่มขึ้น 35.97% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เทียบกับเดือนส.ค. อยู่ที่ 73,325 คัน เพิ่มขึ้น 23.09% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews