ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ โดยตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -6.75 เหรียญ หรือ -0.41% อยู่ที่ระดับ 1,649.46 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลลง 2.2 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่ 1,654.1 ดอลลาร์/ออนซ์
· สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 12.3 เซนต์ หรือ 0.65% ปิดที่ 19.189 ดอลลาร์/ออนซ์
· กองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ซื้อเพิ่ม 0.29 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 928.39 ตัน
- นักวิเคราะห์จาก Capital.com ระบุว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำยังคงขึ้นอยู่กับมิศทางนโยบายการเงินของเฟด และขึ้นอยู่ว่าเหล่านักลงทุนและผู้มีส่วนร่วมทั้งหลายจะรับรู้อย่างไรเกี่ยวกับการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า โดยถ้าหากเหล่านักลงทุนเชื่อว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ครั้งนี้ จะเป็นครั้งสุดท้าย ก็หมายถึง นโยบายการเงินจะเริ่มค่อยๆกลับทิศทางเป็นทางผ่อนคลาย
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.06 จุด หรือ -0.05% มาอยู่ที่ระดับ 111.81 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.247% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.03 % มาอยู่ที่ระดับ 4.509% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.26% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
- นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคาร MUFG ระบุว่า การเคลื่อนไหวแกว่งตัวของดัชนีดอลลลาร์เกือบ 2% ในระหว่างวันของวันศุกร์ที่ผ่านมานั้น มีนัยยะสำคัญ และนั่นอาจเป็นการบ่งชี้ว่าดัชนีดอลาร์อยู่ในระดับที่ค่อนข้างตึงตัว และอาจจะปรับตัวลงได้ในระยะสั้นนี้ และถ้าหากในสัปดาห์นี้ เจ้าหน้าที่เฟดให้ความเห็นเกี่ยวกับการปรับนโยบาย ตลาดก็จะรับรู้ถึงความพยายามของเฟดที่จะทำให้ตลาดเข้าสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์นี้ มีเพียงสมาชิกเฟด คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ที่ให้ถ้อยแถลง ซึ่งเราคาดว่าจะไม่เห็นการชี้แนวทางจากเขามากนัก ในช่วงก่อนการประชุมเฟดในช่วงวันที่ 1-2 พฤศจิกายน
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดในวันจันทร์ โดยตลาดปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว หลังมีรายงานว่ากิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐชะลอตัวลงในเดือนต.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีเป้าหมายที่จะชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจและควบคุมเงินเฟ้อนั้น เริ่มได้ผล
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,499.62 จุด พุ่งขึ้น 417.06 จุด หรือ +1.34%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,797.34 จุด เพิ่มขึ้น 44.59 จุด หรือ +1.19% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,952.61 จุด เพิ่มขึ้น 92.90 จุด หรือ +0.86%
- มูดีส์ อิสเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของอังกฤษลงสู่ "เชิงลบ" จาก "มีเสถียรภาพ" เนื่องจากอังกฤษกำลังเผชิญกับภาวะไร้เสถียรภาพด้านการเมืองและอัตราเงินเฟ้อที่สูงมาก
- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2565 ขยายตัว 3.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัวราว 3.3% – 3.4% ซึ่ง GDP ไตรมาส 3 ขยายได้ดีกว่าในไตรมาส 2 ที่มีการขยายตัวเพียง 0.4% ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจจีนได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนกันยายนปรับตัวขึ้น 6.3% เมื่อเทียบเป็น ซึ่งแข็งแกร่งกว่าในเดือนสิงหาคมที่เพิ่มขึ้น 4.2% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวขึ้น 4.5% ในขณะที่ยอดค้าปลีกเดือนกันยายนของจีนขยับขึ้นเพียง 2.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนสิงหาคมที่มีการขยายตัว 5.4% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวขึ้น 3.3%
- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงาน ราคาบ้านใหม่ในเดือนก.ย.ปรับตัวลง 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากที่ลดลง 0.3% ในเดือนสิงหาคม และเมื่อเทียบเป็นรายปี ราคาบ้านใหม่เดือนกันยายนร่วงลง 1.5% หลังจากที่ลดลง 1.3% ในเดือนสิงหาคมข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนยังคงเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ หลังจากจีนเปิดเผยยอดนำเข้าน้ำมันดิบชะลอตัวลง อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 47 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 84.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 24 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 93.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
- นักวิเคราะห์จาก ANZ ระบุว่า การฟื้นตัวของการนำเข้าน้ำมันของจีนเริ่มจะฟื้นตัวช้าลงในเดือนกันยายน โดยที่โรงกลั่นเอกชนไม่สามารถใช้โควตาการนำดขเ่ได้ครบ เนื่องจากการล็อคดาวน์จากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ยังคงดำเนินต่อไป เป็นปัจจัยที่กดดันอุปสงค์น้ำมัน
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- พรรคอนุรักษ์นิยมของอังกฤษประกาศให้นายริชิ ซูนัก อดีตรัฐมนตรีคลังอังกฤษ คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งจะทำให้นายซูนักขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษโดยอัตโนมัติ เนื่องจากพรรคอนุรักษ์นิยมครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษ
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ ที่ระดับ 38.14 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 38.34 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ที่ระดับ 37.80-38.50 บาทต่อดอลลาร์ และกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 38.00-38.25 บาทต่อดอลลาร์
- นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผย 6 ปัจจัยท้าทายเศรษฐกิจไทยปี 2566 ดังนี้
- 1. การส่งออกติดลบ-กำลังซื้อสินค้าอุตสาหกรรมไทยจากสหรัฐและยุโรปมีแนวโน้มชะลอลง โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ
- 2. กำลังซื้อระดับล่าง SMEs ต่างจังหวัด ภาคเกษตรอ่อนแอ-ไทยยังเผชิญปัญหาเงินเฟ้อที่ฉุดกำลังซื้อของครัวเรือนรายได้น้อย ยืดเย้้อถึงปีหน้า
- 3. ดอกเบี้ยขึ้นต่อเนื่อง-ปัญหาเงินเฟ้อสูงมีแนวโน้มยืดเยื้อไปปีหน้า
- 4. ค่าเงินบาทอ่อนค่าถึงกลางปีหน้า โดยลุ้นพลิกมาแข็งค่าครึ่งปีหลัง ในขณะที่ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยสหรัฐที่สูงกว่าไทยมาก น่าจะส่งผลให้เงินทุนเคลื่อนย้ายกลับไปถือสินทรัพย์รูปดอลลาร์สหรัฐ สนับสนุนให้บาทอ่อนค่าต่อเนื่องไปถึงกลางปีหน้า
- 5. ท่องเที่ยวระดับบนฟื้นต่อเนื่อง - แม้เศรษฐกิจโลกจะชะลอ โดยเฉพาะสหรัฐและยุโรป อีกทั้งจีนยังไม่น่ารีบเปิดเมืองหลังตอกย้ำมาตรการโควิดเป็นศูนย์ อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่อคนอาจไม่มากเท่าช่วงก่อนโควิด และกระจุกตัวในกลุ่มโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป ในเมืองท่องเที่ยวสำคัญ
- 6. กำลังซื้อระดับบน ธุรกิจขนาดใหญ่ ภาคบริการในเมืองแข็งแกร่ง - เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ดีขึ้นหลังเปิดเมืองช่วงกลางปีที่ผ่านมา เพียงแต่การฟื้นตัวรอบนี้ยังขาดการกระจายตัว เพราะกลุ่มที่ได้ประโยชน์เกี่ยวข้องกับการเปิดเมืองจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ และกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีทุนทรัพย์พร้อมปรับปรุงกิจการ ลงทุนพัฒนาด้านเทคโนโลยี และเชื่อมกับการค้าโลก
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews