• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 7 พฤศจิกายน 2565

    7 พฤศจิกายน 2565 | Gold News

 

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ โดยได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ซึ่งจะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ๆ
  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 51.28 เหรียญ หรือ 3.15% อยู่ที่ระดับ 1,680.59 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 45.7 เหรียญ หรือ 2.8% ปิดที่ 1,676.60 เหรียญ และปรับตัวขึ้น 1.9% ในรอบสัปดาห์นี้
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 1.354 เหรียญ หรือ 6.97% ปิดที่ 20.784 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 4.63 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 906.96 ตันภาพรวมเดือนพฤศจิกายน ขายสุทธิ 13.61 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 68.7 ตัน
  • นักกลยุทธ์ค่าเงินจากธนาคาร OCBC ระบุว่า มีความเป็นไปได้มาก ว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงทรงตัวในระดับสูง แต่ การชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด อาจช่วยชะลอความเร็วของการปรับตัวลงของราคาทองคำเช่นกัน ทั้งนี้ เราคาดว่าราคาทองคำจะทรงตัวอยู่ในกรอบหรืออาจจะฟื้นตัวเล็กน้อยได้ อย่างไรก็ตาม เรายังตงไม่ตัดโอกาสที่ราคาทองคำปรับตัวลงต่อไป เช่นกัน

 

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง



  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -2.19 จุด หรือ -1.94% มาอยู่ที่ระดับ 110.79 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 4.161% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.68% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.52% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
  • TD Securities ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยสุดท้ายของเฟดจากกรอบ 4.75-5.00% ขึ้นเป็น 5.25-5.50% และคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมนโยบายในวันที่ 13-14 ธ.ค. ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์จากโนมูระได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยสุดท้ายขึ้น 0.25% สู่กรอบ 5.50-5.75% และคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนหน้า
  • นักกลยุทธ์จาก BNP Paribas คาดว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% ในเดือนหน้า เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อน่าจะยังคงสูงต่อไปตลอดจนถึงปลายปีนี้ ขณะที่พวกเขาคิดว่า การปรับลดนโยบายลงอาจจะเกิดขึ้นระหว่างเดือนธ.ค.และก.พ. "เราเชื่อมั่นมากขึ้นในการคาดการณ์ของเราที่ว่า ระดับอัตราดอกเบี้ยสุดท้ายจะสูงขึ้น โดยจะแตะระดับ 5.25% ภายในไตรมาส 1 ของปีหน้า และจะอยู่ที่ระดับดังกล่าวตลอดทั้งปีหน้า"
  • นักวิเคราะห์จาก Baclays กล่าวว่า นายพาวเวลล์ได้ส่งสัญญาณอัตราดอกเบี้ยสุดท้ายที่สูงขึ้นในการแสดงความเห็นของเขา พร้อมระบุว่า "ขณะนี้เราคาดว่าวงจรการขึ้นดอกเบี้ยจะยาวนานขึ้น แต่อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่จุดสูงสุดเดิม กรอบเป้าหมายของพวกเขาสำหรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ที่ 5.00-5.25% ซึ่งจะเป็นระดับสูงสุด"
  • นักกลยุทธ์จาก Bank of America คาดว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนหน้า และคาดว่า อัตราดอกเบี้ยสุดท้ายจะอยู่ในกรอบ 4.75-5.00% ในช่วงต้นปีหน้า แต่แนวโน้มดังกล่าวอาจเปลี่ยนไป ถ้าตลาดแรงงานยังคงขยายตัวอย่างมาก และการจำกัดการขยายตัวดังกล่าวก็อาจจะต้องใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวกว่าที่เราคาดไว้ในตอนนี้
  • รัฐมนตรีกระทรวงการคลังญี่ปุ่นกล่าวว่า ทางการควรเฝ้าระวังความเสี่ยงในช่วงขาลงที่เกิดจากการคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งกดดันเยนร่วงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์แล้ว และระบุว่า "อัตราแลกเปลี่ยนจำเป็นต้องเคลื่อนไหวอย่างมีเสถียรภาพที่สะท้อนปัจจัยพื้นฐาน เราไม่สามารถยอมรับความผันผวนมากเกินไปที่เกิดจากการซื้อขายแบบเก็งกำไรได้ ซึ่งอาจมีผลกระทบร้ายแรงต่อภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ เราจะยังคงท่าทีของเราที่จะดำเนินการที่จำเป็น ถ้าเกิดการเคลื่อนตัวผันผวนขึ้น"
  • นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า อีซีบีต้องให้ความสนใจต่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีอิทธิพลต่อตลาดทั่วโลก แต่อีซีบีไม่สามารถเลียนแบบการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดได้ เพราะภาวะเศรษฐกิจในยูโรโซนไม่เหมือนกัน
  • สมาชิกสภาบริหารอีซีบีกล่าวว่า ยูโรโซนเปราะบางต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก และราคาพลังงานที่พุ่งขึ้นมากกว่าสหรัฐ รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งหมายความว่า อีซีบีต้องระมัดระวัง โดยอีซีบีควรหลีกเลี่ยงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เร็วเกินไป เพราะนั่นอาจทำร้ายการขยายตัวทางเศรษฐกิจ, ราคาบ้าน และตลาดการเงินมากเกินไป
  • สมาชิกสภาบริหารธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า อีซีบีได้ทำการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่จำเป็นในส่วนใหญ่ไปแล้วเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซน ซึ่งคาดว่าจะแตะระดับสูงสุดในไตรมาสนี้ โดยเขาได้กล่าวเสริมว่า เป็นเรื่องยากมากที่จะระบุจุดสูงสุดของอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่กระบวนการปรับนโยบายการเงินให้เป็นปกติยังดำเนินต่อไป หลังจากที่ใช้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำพิเศษมานาน
  • ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) ยืนยันที่จะยังคงปกป้องเสถียรภาพของค่าเงินหยวนให้มีความยืดหยุ่น และอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยจะช่วยให้เศรษฐกิจเติบโต พร้อมสร้างระบบธนาคารกลางที่ทันสมัย

 

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ



  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ ขานรับการเปิดเผยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ, ความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย รวมถึงกระแสข่าวเกี่ยวกับการเปิดประเทศของจีน
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,403.22 จุด เพิ่มขึ้น 401.97 จุด หรือ +1.26%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,770.55 จุด เพิ่มขึ้น 50.66 จุด หรือ +1.36%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,475.26 จุด เพิ่มขึ้น 132.31 จุด หรือ +1.28%
  • ทีมนักวิเคราะห์ของธนาคารบาร์เคลย์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปี 2566 ลงเหลือ 3.8% เมื่อพิจารณาจากความต้องการสินค้าจีนในตลาดโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง และคาดว่าการส่งออกของจีนในปี 2566 จะลดลงราว 2% - 5% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์เดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 1% พร้อมให้เหตุผลว่า "การส่งออกสินค้าจีนไปยังตลาดโลกปรับตัวลงอย่างมากในปีนี้ บริษัทต่างชาติมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนการสั่งซื้อสินค้าจากจีนไปเป็นการสั่งซื้อจากบรรดาประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย ซึ่งรวมถึงเวียดนาม มาเลเซีย บังกลาเทศ และอินเดีย โดยเฉพาะสินค้าบางประเภทที่ต้องอาศัยแรงงาน"
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เกิดจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้นมากกว่าตลาดคาด โดยอยู่ที่ระดับ 7.7% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 14 ปีหรือนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2551 โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาอาหาร และคาดว่าจะส่งผลให้ธนาคารกลางฟิลิปปินส์เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

 

 

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน



  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ๆ นอกจากนี้ บรรดานักลงทุนยังมีความหวังว่า จีนจะเปิดประเทศเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 4.44 ดอลลาร์ หรือ 5% ปิดที่ 92.61 ดอลลาร์/บาร์เรล และเพิ่มขึ้น 5.4% ในรอบสัปดาห์นี้
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. พุ่งขึ้น 3.9 ดอลลาร์ หรือ 4.1% ปิดที่ 98.57 ดอลลาร์/บาร์เรล และเพิ่มขึ้น 5.1% ในรอบสัปดาห์นี้
  • ซาอุดีอาระเบียปรับลดราคาน้ำมันให้กับลูกค้าส่วนใหญ่ในเอเชีย โดยปรับลดราคาน้ำมันเกรด Arab Light สำหรับการส่งมอบเดือนธันวาคมให้กับลูกค้าในเอเชียลง 40 เซนต์ สู่ระดับ 5.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่บรรดาโรงกลั่นและเทรดเดอร์คาดการณ์ว่าจะปรับลดลง 35 เซนต์
  • นักวิเคราะห์จาก ANZ ระบุว่า การคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับดอกเบี้ยต่อไป ลดความหวังของการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมัน พร้อมชี้ว่า ความอุปสงค์น้ำมนัที่อ่อนแอในยุโรปและสหรัฐจากกที่เข้าสู่ช่วงที่คนมีการเดินทางด้วยรถน้อย และรายงานยอดขายของบริษัทอีคอมเมิร์ซอเมซอนเองก็อ่อนแอ อาจจะกดดันอุปสงค์น้ำมันที่ใช้ในการขนส่งสินค้าเช่นกัน

 

ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ

 


  • แหล่งข่าวของรัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ผู้นำของญี่ปุ่น สหรัฐ และเกาหลีใต้กำลังวางแผนที่จะพบปะหารือกันในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อรับมือกับความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นของเกาหลีเหนือ
  • สหรัฐและญี่ปุ่นได้ดำเนินการซ้อมรบร่วมทางอากาศเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ด้วยการใช้เครื่องบินขับไล่เหนือน่านฟ้าทะเลจีนตะวันออก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะคิวชู
  • กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเล (MSDF) ของญี่ปุ่นจัดพิธีสวนสนามทางเรือนานาชาติ โดยมีกองทัพเรือเกาหลีใต้เข้าร่วมพิธี ซึ่งเผยให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่าง 2 ประเทศ
  • รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเดินหน้าผลักดันแผนการของรัฐบาลสหรัฐที่จะใช้มาตรการลงโทษบริษัทและพลเมืองของสหรัฐที่ให้ความช่วยเหลือจีนในการผลิตชิปที่ล้ำสมัย
  • ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งประเทศจีนต้อนรับการมาเยือนของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ แห่งเยอรมนี พร้อมกล่าวว่า การประชุมนี้จะปูทางไปสู่ขั้นต่อไปของความสัมพันธ์ระหว่างจีนและเยอรมนี โดยจีนและเยอรมนีควรสามัคคีกัน เพื่อสันติภาพภายใต้โลกที่ปั่นป่วน
  • รัฐบาลอิหร่านออกมายอมรับเป็นครั้งแรกว่า พวกเขาได้จัดหาโดรนให้แก่รัสเซียจริง แต่ส่งมอบก่อนเกิดสงครามในยูเครน ซึ่งรัสเซียนำมาใช้เพื่อโจมตีโรงไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน

         

ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด


 

  • สำนักงานสาธารณสุขสวีเดนระบุว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 "นูวาโซวิด" (Nuvaxovid) ซึ่งพัฒนาโดยโนวาแวกซ์ (Novavax) บริษัทสหรัฐ ไม่ควรถูกนำไปฉีดให้บุคคลอายุต่ำกว่า 30 ปี
  • คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) รายงานว่า จีนพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในท้องถิ่นจำนวน 526 ราย ในวันเสาร์ที่ผ่านมา ทั้งนี้จีนไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตรวมยังคงอยู่ที่ 5,226 ราย
  • จีนจะยังคงยึดมั่นอย่างแน่วแน่ต่อการควบคุมโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน ขณะที่จีนเผชิญกับการแพร่ระบาดที่รุนแรงมากขึ้น ซึ่งทำลายความหวังที่ว่า จีนจะผ่อนคลายนโยบายที่เข้มงวดที่สุดซึ่งทำให้เมืองและโรงงานต่าง ๆ เผชิญกับการล็อกดาวน์อย่างยืดเยื้อ

  • กระทรวงสาธารณสุข (MOH) ของสิงคโปร์เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน XBB ระลอกล่าสุดกำลังชะลอลงจากจำนวนเฉลี่ย 8,000 รายต่อวันซึ่งเป็นระดับสูงสุดในช่วงกลางเดือนต.ค. ลงเหลือต่ำกว่า 4,000 รายต่อวันในขณะนี้

 

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท



  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 37.40 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 37.49 บาทต่อดอลลาร์  มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 37.00-37.80 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 37.25-37.55 บาทต่อดอลลาร์
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ระบุว่า การตัดสินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเทียบกับทุกสกุล แต่ในด้านเงินทุนเคลื่อนย้าย ยังไม่พบสัญญาณผิดปกติ
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุ NPL ขณะนี้ทรงตัวและยังไม่เห็นสัญญาณปรับเพิ่มหลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้น ในขณะที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ได้ขอความร่วมมือให้ธนาคารของรัฐตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ให้นานที่สุด ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดี โดยเบื้องต้นจะตรึงไปถึงสิ้นปีนี้ ส่วนในปีหน้ารอต้องดูสถานการณ์อีกครั้ง
  • อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้วิเคราะห์ถึง การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ว่า ยังไม่ใช่จุดสูงสุดของของอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นรอบนี้และน่าจะปรับขึ้นไปเรื่อยๆไปจนถึงระดับสูงสุดกลางปีหน้า ส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินดอลลาร์และเงินบาทถ่างเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนและมีความเป็นไปได้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากกว่าที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้เดิมที่ระดับ 0.25% ในการประชุมครั้งสุดท้ายของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน
  • กระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและสนับสนุนการบริโภคในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะออกมาตรการได้ในเดือนธันวาคมนี้
  • รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า สหรัฐฯเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่อันดับ 2 ของไทย โดย 9 เดือนแรกสามารถส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐฯเป็นเงิน 1.2 ล้านล้านบาท ขยายตัว 30.34% ซึ่งเป็นอาหารมูลค่า 89,000 ล้านบาท ขยายตัว 29%
  • อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ และธุรกิจ ม.หอการค้าไทย ชี้ว่า การประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตได้ในกรอบ 3-3.5% โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการท่องเที่ยวหลังจากเปิดประเทศเต็มที่ ซึ่งประเมินว่าไตรมาส 4 จะมีนักท่องเที่ยวจะเข้าเดือนละ 1.5-2 ล้านคน ทำให้ปีนี้มีนักท่องเที่ยวแตะ 10 ล้านคน และภาคการส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดีในไตรมาสที่ 4 รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่มีสัญญาณชะลอตัวอย่างรุนแรง ส่วนปีหน้ายังต้องจับตาเศรษฐกิจโลกว่าชะลอตัวรุนแรงแค่ไหน

 

ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

 

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทองคำ, ทองคำ, ราคาทองคำ


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com