ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันอังคาร โดยได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากพรรครีพับลิกันคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งกลางเทอม
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 36.69 เหรียญ หรือ 2.19% อยู่ที่ระดับ 1,712.17 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 35.5 เหรียญ หรือ 2.11% ปิดที่ 1,716 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 58.3 เซนต์ หรือ 2.79% ปิดที่ 21.502 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 2.9 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 908.38 ตันภาพรวมเดือนพฤศจิกายน ขายสุทธิ 12.19 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 67.28 ตัน
- สัญญาทองคำยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากพรรครีพับลิกันคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งกลางเทอม โดยที่หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Barrenjoey กล่าวว่า “หากพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐหรือรวมทั้งวุฒิสภา ก็จะทำให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนประสบความยากลำบากในการผลักดันมาตรการกระตุ้นทางการคลัง ซึ่งจะทำให้เฟดสามารถผ่อนคันเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย”
- นักวิเคราะห์จาก IG Market ระบุว่า หากรายงานเงินเฟ้อสหรัฐ(ที่จะรายงานในวันพฤหัสบดีนี้)สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ จะทำให้เกิดความกลัวมากขึ้นเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ ซึ่งจะส่งผลลบต่อราคาทองคำ
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.4 จุด หรือ -0.36% มาอยู่ที่ระดับ 109.65 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.09 % มาอยู่ที่ระดับ 4.128% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.07 % มาอยู่ที่ระดับ 4.657% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.53% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
- หัวหน้านักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้ง เนื่องจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะผลักดันมาตรการใช้จ่ายของรัฐบาล ซึ่งจะทำให้เฟดคุมเข้มนโยบายการเงินเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
- ผู้ว่าการธนาคารฝรั่งเศส ระบุว่า ธนาคารกลางยุโรป(ECB)ต้องไม่หยุดปรับขึ้นดอกเบี้ยไปจนกว่าเงินเฟ้อจะมีความชัดเจนว่าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางยุโรปอาจจะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยหากว่าเกิดผลกระทบทำให้จำกัดการเติบโตทางเศรษฐกิจ
- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินประจำเดือนตุลาคมว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายได้หารือกันถึงสิ่งจำเป็นที่ต้องระมัดระวังเกี่ยวกับผลข้างเคียงจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินเป็นระยะเวลายาวนาน และผลกระทบจากการยกเลิกการใช้อัตราดอกเบี้ยระดับต่ำพิเศษ
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันอังคาร โดยนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะรู้ผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,160.83 จุด เพิ่มขึ้น 333.83 จุด หรือ +1.02%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,828.11 จุด เพิ่มขึ้น 21.31 จุด หรือ +0.56% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,616.20 จุด เพิ่มขึ้น 51.68 จุด หรือ +0.49%
- นักยุทธศาสตร์การลงทุนของธนาคาร Wells Fargo คาดว่า ดัชนี CPI มีแนวโน้มที่จะอยู่ต่ำเกินคาด และคาดว่าถ้าหากสหรัฐรายงานว่า ดัชนี CPI ปรับขึ้นน้อยกว่า 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน อัตราดอกเบี้ยขั้นสุดท้ายของเฟดก็จะปรับลดลงอย่างน้อย 0.12%
- Bank of America Global Research รายงานว่า มีเงินลงทุนราว 6.21 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ไหลเข้าสู่เงินสดในสัปดาห์ล่าสุด ซึ่งถือเป็นยอดเงินไหลเข้าแบบนี้ที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2020 เป็นต้นมา หรือนับตั้งแต่เกิดวิกฤติโรคระบาด และสิ่งนี้ตอกย้ำให้เห็นว่านักลงทุนหลายรายกำลังคาดการณ์แนวโน้มของตลาดหุ้นในทางลบเป็นอย่างมาก
- กระทรวงการคลังญี่ปุ่น (MOF) รายงานใน ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของญี่ปุ่นดิ่งลงสู่ 1.19 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนตุลาคม จาก 1.23 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนกันยายน ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยการดิ่งลงราว 43,500 ล้านดอลลาร์ในเดือนตุลาคมถือเป็นการทำสถิติดิ่งลงครั้งใหญ่อันดับ 2 หลังจากทางการญี่ปุ่นใช้เงิน 6.35 ล้านล้านเยนในการเข้าแทรกแซงตลาดในเดือนตุลาคม
- สถาบันเวสแพค-เมลเบิร์น อินสทิทิวต์ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของออสเตรเลียในเดือนพ.ย.ร่วงลง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มทางการเงินของภาคครัวเรือนและภาวะเศรษฐกิจ แม้ว่าตัวเลขการใช้จ่ายจริงจะยังคงไม่สอดคล้องกับความเชื่อมั่นดังกล่าวก็ตาม ทั้งนี้ จากรายงานระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคร่วงลง 6.9% ในเดือนพ.ย.จากเดือนตุลาคม และทรุดลงเกือบ 26% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะระดับ 78.0 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่โรคโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาด โดยดัชนีที่ต่ำกว่า 100 บ่งชี้ว่าจำนวนผู้บริโภคที่มีมุมมองในด้านลบต่อเศรษฐกิจนั้น มีมากกว่าจำนวนผู้บริโภคที่มีมุมมองเป็นบวก
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3% ในวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ย่ำแย่ในจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ และรายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.88 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 88.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 2.56 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 95.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
- นักวิจัยจาก ANZ กล่าวว่า ราคาน้ำมันในระยะสั้นยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น เนื่องจากอุปทานของน้ำมันเริ่มกลับมาฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม ตลาดกำลังเผชิญกับกำหนดเส้นตายสำหรับการนำเข้าน้ำมันรัสเซียจากยุโรปก่อนที่จะมีการคว่ำบาตรในวันที่ 5 ธันวาคม และระงับการนำเข้าน้ำมันในเดือนกุมภาพันธ์
- สำนักข่าวเทเลแกรม รายงาน นายกรัฐมนตรีอังกฤษเตรียมจะประกาศความข้อตกลงที่สำคัญด้านก๊าซธรรมชาติกับสหรัฐหลังจากการประชุม COP27 โดยทางอังกฤษคาดหวังว่าสหรัฐจะขายก๊าซ LNG ให้แก่อังกฤษ 10,000 ล้านลูกบาศก์เมตรในปีหน้า และความคืบหน้าตอนนี้อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการเจรจา
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) รายงานว่า เกาหลีเหนือไม่เคยทำข้อตกลงส่งอาวุธให้กับรัสเซีย และไม่มีแผนจะทำเช่นนั้น โดยรายงานดังกล่าวมีขึ้นหลังสหรัฐระบุว่า ดูเหมือนเกาหลีเหนือจะส่งกระสุนปืนใหญ่ให้กับรัสเซียเพื่อใช้ทำสงครามในยูเครน
- นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐออกมาเปิดเผยว่า จะทำการ “ประกาศครั้งสำคัญ” ในวันอังคารที่ 15 พ.ย.ปีนี้ โดยคาดการณ์กันว่าเขาจะประกาศลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ในปี 2567 และเริ่มต้นหาเสียงเลือกตั้ง
- กระทรวงกลาโหมไต้หวัน ระบุว่า เครื่องบินรบ 31 ลำได้บินเข้าสู่เขตป้องกันภัยทางอากาศทางตะวันตกเฉียงใต้ของไต้หวันหรือเส้นแบ่งเขตแดนช่องแคบไต้หวันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นจำนวนที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม โดยเครื่องบินดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของฝูงบินรบจำนวน 63 ลำที่อยู่ใกล้กับ “พื้นที่โดยรอบไต้หวัน” พร้อมเสริมว่า กองทัพไต้หวันได้ “เฝ้าจับตาดูสถานการณ์” และดำเนินการตอบโต้ด้วยเครื่องบินรบ เรือเดินสมุทร และระบบขีปนาวุธ แต่ไม่ได้ขยายความเกี่ยวกับรายละเอียดของการตอบโต้ดังกล่าวแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี การส่งฝูงบินเข้าใกล้ไต้หวันในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าจีนกำลังแสดงความไม่พอใจต่อกรณีการเดินทางเยือนไต้หวันของนายเกร็ก แฮนด์ส รัฐมนตรีกระทรวงการค้าของอังกฤษในสัปดาห์นี้และการเปิดสำนักงานการค้าของลิทัวเนียบนเกาะไต้หวันซึ่งจีนอ้างสิทธิ์ว่าเป็นดินแดนของตนเอง นอกจากนี้ สหรัฐและไต้หวันยังเตรียมจัดการเจรจาเกี่ยวกับการริเริ่มในด้านการค้าและเศรษฐกิจในวันอังคารและวันพุธที่นิวยอร์ก
ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด
- คณะกรรมการด้านสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงว่า จีนพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวน 7,691 รายในวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการ 890 ราย และไม่แสดงอาการ 6,801 ราย ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันจันทร์เพิ่มขึ้นจากระดับ 5,643 รายในวันอาทิตย์ โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการ 569 ราย และไม่แสดงอาการ 5,074 ราย ทั้งนี้ ไม่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ในจีน ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมยังคงอยู่ที่ 5,226 ราย
- สถานการณ์โควิด-19 ในจีนมีแต่จะเลวร้ายลง ทำให้จีนไม่สามารถกำจัดโควิดและผ่อนคลายมาตรการควบคุมลงได้ โดยจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้กิจกรรมทางธุรกิจหลายอย่างต้องหยุดชะงัก
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.95 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” นับตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. ในรอบ1เดือนกว่า และจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 37.27 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.80-37.10 บาทต่อดอลลาร์
- กระทรวงพาณิชย์เผยเงินเฟ้อ ตุลาคมชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง ลงอยู่ที่ 5.98% น้อยกว่าเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 6.41% เป็นผลจากการชะลอตัวของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และราคาสินค้า ทั้งนี้ คาดช่วงที่เหลือของปีเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงอีก พร้อมคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปทั้งปีอยู่ที่ 6%
- รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ปัจจุบัน เริ่มเห็นลูกหนี้ที่อยู่ภายใต้มาตรการของธปท.ปรับลดลงต่อเนื่อง โดยจากข้อมูลของธปท.ล่าสุด ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา มีลูกหนี้ที่อยู่ในมาตรการลดลงเหลือ 3.85 ล้านบัญชี ยอดภาระหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือ เหลือ 2.98 ล้านล้านบาทสะท้อนถึงภาพของเศรษฐกิจไทยที่ทยอยฟื้นตัว ทำให้หลายภาคธุรกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ สอดคล้องกับ “หนี้เสีย”ที่เริ่มมีทิศทางลดลง และยังไม่มีสัญญาณเพิ่มจนน่า “กังวล”
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทองคำ, ทองคำ, ราคาทองคำ