ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (11 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดการณ์ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 11.4 เหรียญ หรือ 0.65% อยู่ที่ระดับ 1,763.6 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 15.70 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 1,769.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค. 2565 และในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาทองคำปรับตัวขึ้น 5.5%
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 3.5 เซนต์ หรือ 0.16% ปิดที่ 21.667 ดอลลาร์/ออนซ์
- นักวิเคราะห์ของบริษัท OANDA ระบุว่า "ตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่า เฟดจะสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% และเฟดอาจจะยุติการคุมเข้มนโยบายการเงินหลังการประชุมในเดือนมีนาคมปีหน้า" และเขากล่าวเสริมว่า ราคาทองอาจจะพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องสู่ระดับใกล้ 1,800 ดอลลาร์ ถ้าหากดอลลาร์ยังคงอยู่ในระดับอ่อนแอต่อไป
- ผู้อำนวยการฝ่ายค้าโลหะของบริษัทไฮ ริดจ์ ฟิวเจอร์สกล่าวว่า ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงส่งผลให้นักลงทุนคาดว่า เฟดจะเริ่มต้นชะลอความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย "และปัจจัยดังกล่าวก็ส่งผลให้แรงกดดันที่ราคาทองเคยได้รับในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาจางหายไป และตอนนี้ราคาทองก็สามารถพุ่งขึ้นได้แล้ว"
- นักวิเคราะห์จาก RJO Futures ระบุว่า เราได้เห็นการปรับขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำหลังการประกาศข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ประกอบกับมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเฟดครั้งถัดไป
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -1.5 จุด หรือ -1.39% มาอยู่ที่ระดับ 106.71 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.09 % มาอยู่ที่ระดับ 3.897% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.08 % มาอยู่ที่ระดับ 4.408% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.51% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
- FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักสูงถึง 81% ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. และให้น้ำหนัก 19% ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75%
- ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ นางลอเรตตา เมสเตอร์ ระบุว่า ขณะนี้ยังคงเป็นเวลาที่เร็วเกินไปที่จะมองว่า อันตรายจากภาวะเงินเฟ้อสิ้นสุดลงแล้ว และนโยบายการเงินจำเป็นจะต้องจำกัดการเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่านี้ เพื่อจะได้ทำให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงอย่างยั่งยืนสู่ระดับเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2%
- นักยุทธศาสตร์การลงทุนสกุลเงินของธนาคาร BNP Paribas กล่าวว่า "การที่ค่าเงินหยวนต่อดอลลาร์เข้าสู่เสถียรภาพ จะเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางจีนสามารถผ่อนคลายนโยบายการเงินลงได้ในอนาคตอันใกล้"
- หัวหน้าฝ่ายแผนยุทธศาสตร์การลงทุนสกุลเงินเอเชียของบริษัทอาร์บีซี แคปิตัล มาร์เก็ตส์กล่าวว่า ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่อยู่ในระดับต่ำเกินคาด "เปิดโอกาสให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงพุ่งขึ้นต่อไป และปัจจัยนี้จะส่งผลลบต่อดอลลาร์สหรัฐในระยะใกล้" อย่างไรก็ดี เขาคาดว่าเฟดจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 และเขากล่าวเตือนว่า มีความเสี่ยงที่ตลาดอาจจะแสดงปฏิกิริยามากเกินไปต่อรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่ออกมา เพราะว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (11 พ.ย.) โดยยังคงได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ยหลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐต่ำกว่าคาดในเดือนต.ค.
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,747.86 จุด เพิ่มขึ้น 32.49 จุด หรือ +0.10%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,992.93 จุด เพิ่มขึ้น 36.56 จุด หรือ +0.92%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,323.33 จุด เพิ่มขึ้น 209.18 จุด หรือ +1.88%
- ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ตลาดทุนจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ (11 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่จีนประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ซึ่งจะช่วยหนุนอุปสงค์น้ำมันในประเทศ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 2.49 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 88.96 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ยังคงลดลง 3.9% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. พุ่งขึ้น 2.32 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 95.99 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ยังคงลดลง 2.6% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
- โมซัมบิกเริ่มการส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นครั้งแรก ซึ่งอาจช่วยบรรเทาวิกฤตพลังงานของยุโรปในขณะที่รัสเซียยุติการจัดส่งพลังงาน ทั้งนี้ แท่นผลิตมีกำลังการผลิต LNG 3.4 ล้านตันต่อปี ซึ่งเท่ากับประมาณ 1 ใน 3 ของปริมาณนำเข้า LNG ของสหราชอาณาจักรในปีที่แล้ว
- ผู้จัดการบริษัท SPI Asset Management ระบุว่า เนื่องจากตลาดยังคงอ่อนไหวกับประเด็นการปิดเมืองในประเทศจีน ส่งผลให้ตลาดน้ำมันยังคงไม่สามารถปรับตัวขึ้นมากนัก
- นักวิเคราะห์จาก ANZ ระบุว่า นอกจากคำสั่งให้ทำงานจากที่บ้าน จะลดการเดินทางและความต้องการใช้น้ำมัน จำนวนการเดินทางในจีนก็ถูกกดดันจากการที่ประชาชนต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะถูกกักตัว
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- พรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลสหรัฐจะรักษาเสียงข้างมากในวุฒิสภาไว้ไปได้อีก 2 ปี หลังจากชนะเลือกตั้งไปแบบเฉียดฉิวในรัฐเนวาดาและแอริโซนา โดยขณะนี้เดโมแครตได้ที่นั่งในวุฒิสภาไป 50 ที่นั่ง ส่วนพรรครีพับลิกันได้ไป 49 ที่นั่ง
- ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐกล่าวว่าเขาจะไปพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนในวันนี้ (14 พ.ย.) โดยมีไพ่ในมือที่ดีขึ้น หลังจากที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาได้สำเร็จด้วยชัยชนะของส.ว.แคทเธอรีน คอร์เตซ มาสโต ในรัฐเนวาดา
- นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า ตนมีกำหนดประชุมทวิภาคีกับนายหยี่ กัง ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน นอกรอบการประชุมสุดยอดของกลุ่ม G20 ที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซีย เกี่ยวข้องกับประเด็นเศรษฐกิจโลก และตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน
- สหรัฐเตรียมส่งอาวุธยุโธปกรณ์และยานพาหนะสนับสนุนจากคลังแสงสหรัฐมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงระบบต่อต้านอากาศยานของบริษัทโบอิ้งให้แก่ยูเครน เช่น ขีปนาวุธสำหรับฮอว์ค (Hawk) ซึ่งเป็นระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศ รวมทั้งยูเอส อเวนเจอร์ (US Avenger) ซึ่งระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศอีก 4 ระบบที่ติดตั้งขีปนาวุธสตริงเจอร์ (Stinger missile)”
- นายริชี ซูนัค นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ต่างก็เห็นพ้องกันว่า การที่รัสเซียถอนกำลังทหารออกจากเมืองเคอร์ชอนของยูเครนถือเป็นความคืบหน้าครั้งสำคัญสำหรับกองทัพยูเครน อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่กล่าวว่าต้องไม่ประมาท “จนกว่าจะมีการชักธงชาติยูเครนขึ้นสู่ยอดเสาเหนือตัวเมือง”
- กองทัพเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เกาหลีใต้ยังคงรักษาจุดยืนที่จะไม่ส่งอาวุธร้ายแรงให้กับยูเครน โดยเป็นการปฏิเสธรายงานจากหนังสือพิมพ์วอลล์ สตรีท เจอร์นัลที่รายงานว่า เกาหลีใต้ทำข้อตกลงลับกับสหรัฐที่จะส่งกระสุนปืนใหญ่ให้กับยูเครน
ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด
- จีนปรับเปลี่ยนนโยบายโควิดเป็นศูนย์มีทิศทางผ่อนคลายขึ้น โดยปรับลดระยะเวลาในการกักตัวของของผู้เดินทางและบุคคลใกล้ชิดผู้ติดเชื้อลง 2 วัน เหลือระยะเวลากักตัวรวม 8 วัน ซึ่งเดิมกลุ่มดังกล่าวต้องกักตัว 5 วันในโรงแรมหรือสถานกักตัวของรัฐและกักตัวอีก 3 วันที่บ้าน ลดลงจากเดิมที่ระยะเวลากักตัว 10 วันที่เดิมต้องกักตัว 7 วันในโรงแรมหรือสถานกักตัวของรัฐและกักตัวอีก 3 วันที่บ้าน
- นอกจากนี้ ยังมีการผ่อนคลายประเด็นอื่นๆ ได้แก่ ผ่อนมาตรการลงโทษสายการบินที่มีคนติดโควิด-19 เมื่อบินเข้าประเทศ การลดจำนวนครั้งการทดสอบก่อนเดินทางเข้าสู่ประเทศจีนเหลือเพียง 1 ครั้งจาก 2 ครั้ง เป็นต้น
- ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญของนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีนที่มีทิศทางผ่อนคลาย แม้ว่าทางการจีนจะให้การปฎิเสธ ระบุว่าทางการจีนระบุว่า จะไม่ผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์ก็ตาม
- ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันของจีนพุ่งทะลุ 10,000 คนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเมษายน โดยยอดผู้ติดเชื้อที่กรุงปักกิ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี ขณะที่บรรดาผู้นำจีนกำชับให้มีการบังคับใช้มาตรการเข้มงวดแบบกำหนดเป้าหมายมากยิ่งขึ้น เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด
- เมืองกว่างโจวของจีน เมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง สั่งประชาชนอยู่ในบ้านและปิดธุรกิจที่ไม่สำคัญ หลังจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่ง ทำให้เกิดความกังวลเพิ่มขึ้นว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลงอีก
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ตามทิศทางค่าเงินหยวน ซึ่งมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากรายงานข่าวที่ระบุว่า ทางการจีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมสถานการณ์โควิด โดยมีการลดวันกักตัวสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯยังคงเผชิญแรงขายอย่างต่อเนื่องในช่วงตลาดเอเชีย หลังข้อมูลอัตราเงินเฟ้อในเดือน ต.ค. ของสหรัฐชะลอตัวมากกว่าที่ตลาดคาด และท่าทีของเจ้าหน้าที่เฟดตอกย้ำความเป็นไปได้ที่เฟดอาจปรับลดขนาดการขึ้นดอกเบี้ยให้มีความแข็งกร้าวน้อยลงในการประชุม FOMC รอบถัด ๆ ไป
- สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรและสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่ต่ออายุมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัยหรือมาตรการแอลทีวี นั้น ตนไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวกลับมาเต็มที่ อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยยังมีแนวโน้มปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะกระทบกับกำลังซื้อของผู้ซื้อ รวมถึงเงินเฟ้อและราคาต้นทุนสินค้ายังปรับตัวสูงขึ้น
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews, Bloomberg
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทองคำ, ทองคำ, ราคาทองคำ