ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาดทองคำ
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -13.48 เหรียญ หรือ -0.76% อยู่ที่ระดับ 1,760.17 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 12.8 เหรียญ หรือ 0.72% ปิดที่ 1,763 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 54.9 เซนต์ หรือ 2.55% ปิดที่ 20.975 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 24.7 เหรียญ หรือ 2.43% ปิดที่ 991.5 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 906.35 ตันภาพรวมเดือนพฤศจิกายน ขายสุทธิ 14.22 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 69.31 ตัน
- นักวิเคราะห์จาก City Index ระบุว่า เมื่อพิจารณาจากระยะราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้นมา ราคาทองคำอาจปรับตัวย่อลงได้ ซึ่งจะหนุนให้เกิดการเทขายทำกำไรและดึงดูดมุมมองเชิงลบมากขึ้นจากระดับราคาที่สูงขึ้น
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.43 จุด หรือ 0.4% มาอยู่ที่ระดับ 106.69 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.08 % มาอยู่ที่ระดับ 3.769% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.12 % มาอยู่ที่ระดับ 4.473% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.7% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
- ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ เจมส์ บุลลาร์ด ระบุว่า นโยบายการเงินของเฟดในตอนนี้ยังคงไม่เพียงพอต่อการลดระดับเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ยังระบุว่า เฟดควรตั้งเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 5.00-5.25% และหากตั้งสมมุติฐานที่เข้มงวดกว่านั้น แนะนำให้อัตราดอกเบี้ยที่ระดับมากกว่า 7.00%
- ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก แมรี ดาลี ระบุว่า เป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยสู่ช่วงระดับ 4.75-5.25% ภายในต้นปีหน้า และการหยุดปรับขึ้นดอกเบี้ยจะยังคงไม่อยู่ในการพิจารณาของที่ประชุม(ในการประชุมครั้งที่จะถึงนี้)
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่าข้อมูลที่บ่งชี้ถึงภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานของสหรัฐจะยิ่งผลักดันให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,546.32 จุด ลดลง 7.51 จุด หรือ -0.02%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,946.56 จุด ลดลง 12.23 จุด หรือ -0.31% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,144.96 จุด ลดลง 38.70 จุด หรือ -0.35%
- นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ภาระหนี้สินที่เพิ่มสูงขึ้นของสหรัฐอาจจะส่งผลกระทบเพียงในวงจำกัดต่อปริมาณการจับจ่ายใช้สอย
- เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ยังคงอยู่ในระดับต่ำมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยนับตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา และสิ่งนี้เป็นผลมาจากการที่ภาคครัวเรือนสหรัฐมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง
- ทั้งนี้ ยอดกู้เงินภาคครัวเรือนของสหรัฐพุ่งขึ้น 351,000 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสสามเมื่อเทียบรายไตรมาส โดยพุ่งขึ้นสู่ 16.51 ล้านล้านดอลลาร์ และตัวเลขนี้ทะยานขึ้นมาแล้วราว 2.36 ล้านล้านดอลลาร์จากระดับในช่วงสิ้นปี 2019 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดวิกฤติโรคระบาด
- นักเศรษฐศาสตร์จากบาร์เคลย์สปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกสำหรับปีหน้า คาดว่าเศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะขยายตัว 1.7% เมื่อเทียบรายปี เทียบกับ 2.2% ที่คาดไว้ในเดือนก.ย. และสำหรับปีนี้ บาร์เคลย์สคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 3.2% เนื่องจากคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะไม่ลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้นโยบายการเงินจะมีลักษณะเข้มงวดต่อไป พร้อมเตือนว่า ปี 2023 มีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวที่สุดครั้งหนึ่งในรอบ 4 ทศวรรษ โดยประเทศพัฒนาแล้วอาจจะเผชิญกับภาวะถดถอย
- นักเศรษฐศาสตร์จากบาร์เคลย์สคาดว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 3.8% เมื่อดูจากการดำเนินการช้าๆในการถอนนโยบายโควิดเป็นศูนย์, จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น และตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ย่ำแย่
- หัวหน้า IMF เตือนว่า สงครามในยูเครนเป็นปัจจัยลบที่สำคัญที่สุดเพียงปัจจัยเดียวสำหรับเศรษฐกิจโลกในปีนี้ และเป็นไปได้มากที่สุดในปีหน้าด้วย
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 4% ในวันพฤหัสบดี โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลที่ว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 3.95 ดอลลาร์ หรือ 4.6% ปิดที่ 81.64 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 2565
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 3.08 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 89.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
- นักวิเคาะห์อาวุโสจาก OANDA ระบุว่า ณ ขณะนี้ เหมือนกับว่า เรายังไม่เห็นการยกระดับความรุนแรงในทันทีของรัสเซีย (ที่มีต่อองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือ NATO) และนั่นทำให้ลบความเสี่ยงด้านอุปทานน้ำมันในระยะสั้น
- ผู้จัดการของ SPI Asset Management ระบุว่า จากการที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในจีนยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และยิ่งไปกว่านั้นเข้าสู่ฤดูกาลแพร่ระบาดของไข้หวัด ทำให้บรรดาเทรดเดอร์มองว่าเป็นไปได้มากขึ้นว่าจีนจะดำเนินการเข้มงวดขึ้นในการปิดเมืองใหญ่ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งจะส่งผลลบต่ออุปสงค์น้ำมันอย่างมาก
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- พรรครีพับลิกันของสหรัฐครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้สำเร็จ แต่ทำผลงานได้แย่กว่าที่ทางพรรคฯ คาดไว้หลังจากที่เสียเสียงข้างมากในวุฒิสภาให้กับพรรคเดโมแครต จนสร้างความผิดหวังให้กับรีพับลิกันที่หวังใช้ผลการเลือกตั้งกลางเทอมเป็นเครื่องปูทางไปสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2567
- ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน กล่าวถ้อยคำตำหนินายกรัฐมนตรีแคนาดา จัสติน ทรูโด ว่า การทำให้สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายเจรจากันเล็ดรอดไปถึงสื่อ เป็นเรื่องไม่ถูกต้องตามธรรมเนียมการทูต
- นาโตเผย เหตุมิสไซล์ตกในโปแลนด์น่าจะเป็นอุบัติเหตุจากฝั่งยูเครนที่พยายามยิงสกัดขีปนาวุธรัสเซีย แต่ยืนยันว่ารัสเซียเป็นฝ่ายผิด เพราะเป็นผู้ก่อสงคราม
- เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ไปยังน่านน้ำนอกชายฝั่งตะวันออกในพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ออกมาเตือนว่าจะทำการตอบโต้สหรัฐหากยังคงดำเนินการฝึกซ้อมทางทหารร่วมกับพันธมิตรในภูมิภาค
ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด
- จีนพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวน 23,276 รายในวันพุธที่ผ่านมา โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการ 2,388 ราย และไม่แสดงอาการ 20,888 ราย โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันพุธเพิ่มขึ้นจากระดับ 20,199 รายในวันอังคาร ทั้งนี้ ไม่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ในจีน ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมยังคงอยู่ที่ 5,226 ราย
- ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน และประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ผู้นำอินโดนีเซียให้คำมั่นสัญญาในการหารืออย่างเป็นทางการที่เกาะบาหลีเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยระบุว่า จีนและอินโดนีเซียจะกระชับความร่วมมือเพื่อการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.85 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.91 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.75-36.00 บาทต่อ ดอลลาร์
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทองคำ, ทองคำ, ราคาทองคำ