ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ ก่อนที่นักลงทุนจะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุม
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -3.04 เหรียญ หรือ -0.17% อยู่ที่ระดับ 1,806.46 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 6.8 เหรียญ หรือ 0.37% ปิดที่ 1,818.7 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 14.6 เซนต์ หรือ 0.61% ปิดที่ 24.136 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 20 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 1,038.7 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 1.16 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 911.56 ตันภาพรวมเดือนธันวาคม ซื้อสุทธิ 3.47 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 64.1 ตัน
- เทรดเดอร์อาวุโสจาก Heraeus Precious Metals ระบุ ราคาทองปรับลงเล็กน้อย จากการที่ประธานเฟด พาวเวลล์ส่งสัญญาณเตือนว่าจะไม่มีการปรับลดดอกเบี้ยในปี 2023 อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์ยังช่วยหนุนราคาทองคำ โดยที่ตลาดคิดว่าเฟด ในท้ายที่สุดแล้วจะยอมปรับลดดอกเบี้ยเมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรืออัตราการว่างงานสูงขึ้น
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.41 จุด หรือ -0.39% มาอยู่ที่ระดับ 103.66 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.02 % มาอยู่ที่ระดับ 3.483% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 4.212% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.73% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50%
- ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปี 2566 และจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2567 โดยคาดการณ์เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.1% ในปีหน้า ก่อนที่จะสิ้นสุดวัฏจักรปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยระดับดังกล่าวเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2550
- ส่วนหนึ่งของถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ ดังนี้
- “ข้อมูลเงินเฟ้อในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน แสดงถึงการปรับลดของการเพิ่มขึ้นของราคารายเดือน แต่ยังคงต้องมีหลักฐานมากกว่านี้เพื่อให้มั่นใจได้ว่า อัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวลงอย่างยั่งยืน”
- “ยังคงมีการคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อภาคบริการจะไม่ปรับตัวลดลงในเร็วๆนี้ ทำให้เราต้องคงแนวทางการขึ้นดอกเบี้ย และเราตะปรับขึ้นดอกเบี้ยไสู่ระดับที่ควรจะเป็น”
- “ความสนใจของเราตอนนี้ คือการปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดเพียงพอที่จะทำให้มั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่ระดับ 2%”
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ตามคาดในการประชุมครั้งล่าสุด อย่างไรก็ดี เฟดส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานขึ้น เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมาย
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,966.35 จุด ลดลง 142.29 จุด หรือ -0.42%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,995.32 จุด ลดลง 24.33 จุด หรือ -0.61% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,170.89 จุด ลดลง 85.93 จุด หรือ -0.76%
- ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย ซึ่งรวมถึงจีน และฟิลิปปินส์ทั้งในปีนี้และปีหน้า ปรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียจะลดลงมาอยู่ที่ 4.2% ในปี 2565 จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 4.3% โดยระบุว่าเศรษฐกิจของประเทศกลุ่มนี้จะยังคงได้รับผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
- ตัวเลขจ้างงานของเกาหลีใต้ในเดือนพ.ย.อยู่ที่ 28.4 ล้านตำแหน่ง เพิ่มขึ้น 626,000 ตำแหน่งเมื่อเทียบกับเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บข้อมูลเมื่อปี 2542 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ย.ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากเดือนต.ค.ที่มีการขยายตัว 677,000 ตำแหน่ง
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันพุธ หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) คาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกจะฟื้นตัวในปีหน้า
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.89 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 77.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2.02 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 82.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
- กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) คาดว่า ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งในปีหน้า โดยเศรษฐกิจอาจขยายตัวมากขึ้นเนื่องจากการผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีน
- นักวิเคราะห์จาก ANZ ระบุว่า ข้อมูลการเดินทางทางอากาศของจีน ส่งสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น โดยที่กิจกรรมการบินเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 65% เทียบกับช่วงก่อนโควิด และปรับตัวดีขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกกายน
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- จีนใช้เวทีองค์การการค้าโลกเริ่มต้นกระบวนการระงับข้อพิพาททางการค้า กรณีสหรัฐออกมาตรการควบคุมการส่งออกชิพ
- รัฐบาลสหรัฐวางแผนขึ้นบัญชีดำ แยงซี เมมโมรี เทคโนโลยีส์ (Yangtze Memory Technologies) บริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์หน่วยความจำของจีน และบริษัทสัญชาติจีนอีกหลายแห่ง เพื่อกีดกันไม่ให้บริษัทเหล่านี้สามารถซื้อสินค้าด้านเทคโนโลยีจากสหรัฐ
- นายกรัฐมนตรีรัสเซียกล่าวว่า กลุ่มประเทศยุโรปพยายามที่จะทำลายเศรษฐกิจรัสเซีย แต่ประเมินความสามารถในการรับมือของรัสเซียต่ำเกินไป
ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด
- จีนจะดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มกระตุ้นเข็มที่สองให้กับกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงและผู้สูงวัยที่มีอายุเกิน 60 ปี
- ไฟเซอร์ อิงค์ บริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ กำลังอยู่ในระหว่างเตรียมเพิ่มการผลิตยาแพกซ์โลวิด (Paxlovid) ซึ่งเป็นยารักษาโรคโควิด-19 ในจีน เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยาดังกล่าวได้อย่างเพียงพอในกรณีที่มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 34.60 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเล็กน้อย จากปิดตลาดวันก่อนที่ 34.55 บาท/ดอลลาร์ โดยกรอบค่าเงินบาทวันนี้ที่ 34.45-34.70 บาท/ดอลลาร์
- ธนาคารโลกปรับคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 65 และ 66 มาที่ 3.4% และ 3.6% ตามลำดับ จากเดิมที่คาดไว้ขยายตัว 3.1% และ 4.1% ตามลำดับ นอกจากนี้ คาดการส่งออกไทยในปี 2566 จะหดตัว 2.1% ลดลงอย่างมากจากปี 2565 ที่คาดว่าจะขยายตัว 8.1%
- ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 3.2% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 2.9% ที่คาดไว้ในเดือนก.ย. และจะขยายตัว 4.0% ในปีหน้า ซึ่งลดลงจาก 4.2% ที่คาดไว้ในเดือนก.ย. ทั้งนี้ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยจะอยู่ที่ 6.3% ในปีนี้ และระดับ 2.7% ในปีหน้า
- สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) เผยจำนวนผู้ว่างงานในไตรมาส 3/65 ที่ 4.91 แสนคน คิดเป็นอัตราการว่างงาน 1.23% ลดลงจาก 1.37% ในไตรมาส 2/65 โดยที่อัตราการว่างงานในไตรมาส 3/65 ปรับลดลงเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 ไตรมาส นับจาก 1.03% เมื่อไตรมาส 1/63
- สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) เผยหนี้สินครัวเรือนสิ้นไตรมาส 2/65 มีมูลค่า 14.76 ล้านล้านบาท คิดเป็น 88.2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ชะลอลงจาก 89.2% ในไตรมาสก่อนหน้า ตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ และการชะลอตัวของการก่อหนี้ของครัวเรือน
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ล่าสุดของวันที่ 30 พ.ย. 65 ซึ่ง กนง. มีมติเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จากระดับ 1.00% เป็น 1.25% ต่อปี เนื่องจากเห็นว่าแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนจะยังเป็นแรงส่งสำคัญในระยะต่อไป และช่วยลดทอนผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews, CNBC
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทองคำ, ทองคำ, ราคาทองคำ