ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 30 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -30.49 เหรียญ หรือ -1.69% อยู่ที่ระดับ 1,775.97 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 30.9 เหรียญ หรือ 1.7% ปิดที่ 1,787.8 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 83.1 เซนต์ หรือ 3.44% ปิดที่ 23.305 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 25.5 เหรียญ หรือ 2.45% ปิดที่ 1,013.2 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 2.32 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 913.88 ตันภาพรวมเดือนธันวาคม ซื้อสุทธิ 5.79 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 61.78 ตัน
- นักกลยุทธ์ค่าเงินจาก OCBC ระบุว่า จากการที่เฟดแสดงท่าทีเข้มงวดนโยบายการเงิน กดดันราคาทองคำ และภาพรวทคลาดทองคำยังคงขึ้นอยู่กับเฟดจะมีท่าทีเข้มงวดมากเท่าใดต่อจากปัจจุบันนี้ อย่างไรก็ตาม ในปี 2023 ยังคงมองเชิงบวกต่อราคาทองคำ
- นักวิเคราะห์จาก ANZ ระบุว่าราคาทองำคปรับตัวลงบ้างหลังจากปรับขึ้นมาก่อนหน้า แต่คาดการณ์ว่า กลุ่มผู้ซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจะช่วยหนุนราคาทองคำ ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะปรับสูงขึ้นสู่เป้าหมายราคา 1,900 เหรียญในสิ้นปี 2023
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.79 จุด หรือ 0.76% มาอยู่ที่ระดับ 104.45 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.03 % มาอยู่ที่ระดับ 3.45% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.03 % มาอยู่ที่ระดับ 4.243% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.79% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
- ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB มีมติปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 0.50% จากเดิมที่ระดับ 1.50% เป็น 2.00% พร้อมระบุตั้งแต่เดือนมีนาคม 2023 จะดำเนินการลดขนาดงบดุลลง 15,000 ล้านยูโรต่อเดือน หรือคิดเป็น 16,000 ล้านเหรียญต่อเดือน โดยเฉลี่ย ไปจนถึงสิ้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2023
- ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) คริสติน ลาการ์ด แถลงส่งสัญญาณยังไม่เปลี่ยนท่าทีนโยบายการเงิน และระบุ จะไม่ชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ทั้งนี้ คาดการณ์เงินเฟ้อ 8.4% สำหรับปี 2022, 6.3% สำหรับปี 2023 , 3.4% สำหรับปี 2024 และ 2.3% สำหรับปี 2025
- ธนาคารกลางอังกฤษ มีมติปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 0.50% จากเดิมที่ระดับ 3.00% เป็น 3.50%
- ผู้จัดการพอร์ตลงทุนของบริษัทธอร์นเบิร์ก อินเวสท์เมนท์ แมเนจเมนท์กล่าวว่า "เฟดไม่ต้องการให้ภาวะการเงินผ่อนคลายลง แต่นักลงทุนส่งสัญญาณว่า นักลงทุนได้ยินสิ่งที่เฟดพูดแล้ว และนักลงทุนก็รู้ว่าเฟดต้องการอะไร แต่นักลงทุนไม่เชื่อว่าเฟดจะทำแบบนั้น"
- ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า PBOC อาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดี (LPR) ในสัปดาห์หน้า โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทั้งนี้ คณะกรรมการ PBOC มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนไว้ที่ระดับ 2.75% ขณะเดียวกัน PBOC ได้อัดฉีดสภาพคล่องมูลค่า 6.50 แสนล้านหยวน (9.4 หมื่นล้านดอลลาร์) เข้าสู่ระบบการเงิน ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนตลาดพันธบัตรของจีนหลังได้รับแรงกดดันจากการที่จีนปรับเปลี่ยนนโยบายโควิด-19 อย่างฉับพลัน
- ธนาคารกลางฮ่องกง (HKMA) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สู่ระดับ 4.75% เมื่อวานนี้ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 7 ในปีนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 700 จุดในวันพฤหัสบดี เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกเพื่อสกัดเงินเฟ้อนั้น จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
- ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 33,202.22 จุด ร่วงลง 764.13 จุด หรือ -2.25%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,895.75 จุด ลดลง 99.57 จุด หรือ -2.49%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,810.53 จุด ดิ่งลง 360.36 จุด หรือ -3.23%
- เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงอีกในเดือนพ.ย. ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัว และยอดค้าปลีกร่วงลง แย่ที่นักวิเคราะห์คาดไว้ และยังเป็นข้อมูลที่แย่ที่สุดตั้งแต่เดือนพ.ค.
- การผลิตเหล็กในเดือนพ.ย.ของจีนอยู่ที่ระดับ 74.5 ล้านตัน ลดลง 6.5% จากเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในปีนี้ เนื่องจากโรงถลุงเหล็กต่างพากันปรับลดการผลิตเพื่อลดความเสียหายจากการขาดทุนและอุปสงค์ที่ชะลอตัวลง
- ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าเป็นเดือนที่ 16 ติดต่อกัน โดยยอดนำเข้าพุ่งขึ้น 30.3% เมื่อเทียบรายปีในเดือนพ.ย.
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการที่ธนาคารกลางทั่วโลกพากันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 1.17 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 76.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 1.49 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 81.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
- กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ออกรายงานคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันตลาดโลกในปีหน้า อุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2566 สู่ระดับ 101.8 ล้านบาร์เรล/วัน โดยได้ปัจจัยหนุนจากภาวะผ่อนคลายด้านภูมิรัฐศาสตร์ และการที่จีนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
- นักวิเคราะห์ของบริษัทเบิร์นสไตน์ ระบุว่า "สถานการณ์ยังคงสนับสนุนให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และความผันผวนของราคาน้ำมันในช่วงนี้เปิดโอกาสสำหรับการเข้ามาลงทุน"
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- ผู้นำทหารยูเครน กล่าวว่า จำนวนจรวดมิสไซล์ขอบรัสเซียใกล้จะหมด และรัสเซียมีจรวดมิสไซล์เหลือเพียง 3-4 ลูกที่สามารถโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของยูเครนได้
ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด
- ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ว่า สหรัฐพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือจีนในการรับมือการกับแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หากจีนขอความช่วยเหลือ
- นักวิจัยฮ่องกงเปิดเผยผลวิจัยล่าสุดระบุว่า ประชาชนมากกว่า 2 ล้านคนในจีนอาจเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นผลจากการที่รัฐบาลจีนยกเลิกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรวดเร็ว
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 35.10 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.92 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.90-35.20 บาทต่อดอลลาร์
- มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปี 66 จะขยายตัวได้ 3.6% โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากภาคการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ รองลงมา คือการส่งออก และการบริโภคภาคเอกชน
- กระทรวงการคลังตั้งเป้าจัดทำงบประมาณสมดุล ภายในอีก 10 ปีข้างหน้า เนื่องจากไทยยังมีความจำเป็นต้องลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รวมถึงยังมีการใช้จ่ายในเรื่องของสังคมผู้สูงอายุ และการลงทุนในโครงการที่เน้นเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่การจัดทำงบประมาณจากนี้ จะมีการขาดดุลลดลงอย่างต่อเนื่อง
- สำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า การเปิดประเทศของจีนจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดตราสารหนี้ของไทย โดยขณะนี้ราคาพันธบัตรสกุลเงินบาทของไทยกำลังฟื้นตัวขึ้นหลังจากร่วงลงในช่วงที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก ท่ามกลางสัญญาณบ่งชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อในประเทศไทยกำลังจะแตะระดับสูงสุด
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews, CNBC, Bloomberg
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง