ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ โดยฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ปรับตัวผันผวนและติดลบในรอบสัปดาห์นี้ซึ่งถูกกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 15.11 เหรียญ หรือ 0.85% อยู่ที่ระดับ 1,791.72 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 12.40 เหรียญ หรือ 0.69% ปิดที่ 1,800.20 เหรียญ แต่ลดลง 0.6% ในรอบสัปดาห์นี้
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 2.30 เซนต์ หรือ 0.10% ปิดที่ 23.33 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 13.20 เหรียญ หรือ 1.30% ปิดที่ 1,000.00 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 3.48 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 910.4 ตันภาพรวมเดือนธันวาคม ซื้อสุทธิ 2.31 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 65.26 ตัน
- นักยุทธศาสตร์การลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ของ TD Securities ระบุว่า เฟดยังคงส่งสัญญาณนโยบายการเงินเข้มงวดต่อไปในช่วงนี้ ถึงแม้เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มชะลอการเติบโตลง และเฟดก็ไม่ได้คาดการณ์ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในอนาคตอันใกล้ด้วย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ยากมากที่นักเก็งกำไรจะโยกย้ายเงินลงทุนเข้าสู่ทองในช่วงนี้
- นักวิเคราะห์ของ Kitco Metals กล่าวว่า ราคาทองและโลหะเงินดิ่งลงอย่างรุนแรงในวันก่อน ได้รับแรงกดดันจากการที่เทรดเดอร์ระยะสั้นในสัญญาล่วงหน้าเทขายทำกำไรออกมา หลังจากราคาทองและโลหะเงินเพิ่งพุ่งขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.39 จุด หรือ 0.37% มาอยู่ที่ระดับ 104.84 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.06 % มาอยู่ที่ระดับ 3.506% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.207% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.7% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
- เจพีมอร์แกนได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยสูงสุดของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) สู่ระดับ 3.25% จากระดับ 2.5% หลังจากอีซีบีประกาศว่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นต่อไป นอกจากนี้ ระบุว่า การประชุมของอีซีบีในวันพฤหัสที่ผ่านมานับเป็นการปรับเปลี่ยนทิศทางนโยบายการเงินเข้มงวดมากขึ้นแบบกะทันหัน
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ โดยปรับตัวลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน และยังติดลบเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกันด้วย เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกเพิ่มขึ้นว่า การเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อควบคุมเงินเฟ้อนั้น จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,920.46 จุด ลดลง 281.76 จุด หรือ -0.85%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,852.36 จุด ลดลง 43.39 จุด หรือ -1.11%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,705.41 จุด ลดลง 105.11 จุด หรือ -0.97%
- นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารเจพีมอร์แกนกล่าวว่า "เป็นเรื่องยากที่เราจะรู้ได้ในตอนนี้ว่า ตัวเลขยอดค้าปลีกที่อ่อนแอในเดือนพ.ย.แสดงให้เห็นว่า แนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปในขั้นพื้นฐาน หรือว่ายอดค้าปลีกเพียงแค่ชะลอตัวลงหลังจากปริมาณการจับจ่ายใช้สอยที่แท้จริงพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนต.ค. หรือว่าความอ่อนแอนี้เกิดจากปัจจัยทั้งสองประการ อย่างไรก็ดี เราไม่ได้กังวลมากนักกับการดิ่งลงของยอดค้าปลีกในเดือนพ.ย."
- นักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทเอฟเอชเอ็น ไฟแนนเชียลกล่าวว่า "เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของราคาสินค้าปรับลดลงในช่วงนี้ และปริมาณการจับจ่ายใช้สอยก็อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งในเดือนต.ค. ดังนั้นตอนนี้จึงยังเป็นเวลาที่เร็วเกินไปที่จะระบุได้ว่า ตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าอุปสงค์ของผู้บริโภคทรุดตัวลงแล้ว"
- หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) เผยว่า การเปิดประเทศของจีนจะนำมาทั้งโอกาสและความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจของจีนเอง โดยแม้ว่าการยกเลิกมาตรการเข้มงวดในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 จะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจจีนและประเทศอื่น ๆ แต่ก็อาจส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นด้วย ทั้งนี้ ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2565 ลงสู่ระดับ 3% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 3.3% และคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวเพียง 4.3% ในปี 2566 ซึ่งลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 4.5%
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันศุกร์ หลังจากธนาคารกลางรายใหญ่ส่งสัญญาณว่าจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีหน้า ซึ่งทำให้เกิดความวิตกว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยซึ่งอาจทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 1.82 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 74.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 2.17 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 79.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
- นักวิเคราะห์จากธนาคารเจพีมอร์แกน คาดการณ์คลังน้ำมันเชิงกลยุทธ์ของสหรัฐจะเริ่มหมดลงในช่วงไตรมาสแรกของปี 2023 อลัสหรัฐจะเริ่มกลับมาซื้อน้ำมัน ไตรมาสแรกของปี 2023 และจะซื้อกว่า 60 ล้านบาร์เรลในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2023
- นักวิเคราะห์ตลาดของบริษัท OANDA ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบร่วงลง ในขณะที่มีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้นที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย หลังจากธนาคารกลางหลายแห่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง โดยการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในช่วงนี้ได้หยุดชะงักลง ในขณะที่นักลงทุนหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยง
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- วุฒิสภาสหรัฐมีมติผ่านกฎหมายงบประมาณด้านกลาโหมประจำปี 2566 ซึ่งมีวงเงินสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 8.58 แสนล้านดอลลาร์ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากวุฒิสภาของพรรครีพับลิกันและเดโมแครต นอกจากนี้ มูลค่าของงบประมาณดังกล่าวยังสูงกว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยื่นเสนอไว้อยู่ราว 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์
- รัฐบาลสหรัฐดำเนินการขึ้นบัญชีดำบริษัทหยางจื่อ เมมโมรี เทคโนโลยีส์ โค, เซี่ยงไฮ้ ไมโคร อิเล็กทรอนิกส์ อีควิปเมนต์ กรุ๊ป โค และบริษัทเทคโนโลยีจีนอื่น ๆ อีกหลายสิบแห่ง รวมทั้งหมดคือ 36 แห่ง ซึ่งถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของโลก
ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด
- โควิด-19 ในไทยกลับมาระบาดอีกครั้ง หลังลดระดับเหลือโรคเฝ้าระวังได้แค่ 2 เดือน ล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อ-เสียชีวิตพุ่ง จับตาสายพันธุ์ที่ระบาดในอินเดีย พร้อมเฝ้าระวัง "XBB" จ่อยึดครองไทย เผย "โอมิครอน" 5 สายพันธุ์ย่อยที่ต้องเฝ้าติดตาม
- เมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของจีน ประกาศปิดโรงเรียนส่วนใหญ่ในวันนี้ เนื่องจากความกังวลว่า การยกเลิกมาตรการเข้มงวดในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 จะส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 34.87 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 34.97 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.50-35.20 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.75-34.95 บาทต่อดอลลาร์
- ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เผย เศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมระบุ แม้เศรษฐกิจโลกในปีหน้ามีแนวโน้มชะลอลง ซึ่งจะกระทบต่อการส่งออกของไทย แต่ยังมีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยในปี 66 จะขยายตัวได้มากกว่า 3% โดยประมาณการล่าสุดของธปท.อยู่ที่ 3.7% โดยเศรษฐกิจไทยจะมีแรงหนุนสำคัญจากการบริโภคในประเทศและการท่องเที่ยว
- ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ขึ้นสู่ระดับ 3.2% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมในเดือนก.ย.ที่ระดับ 2.9% และคงคาดการณ์เงินเฟ้อของไทยทั้งในปีนี้และปีหน้า โดยเงินเฟ้อปีนี้มีแนวโน้มอยู่ที่ 6.3% และ 2.7% ในปีหน้า แต่ ADB ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ลงสู่ระดับ 4.0% จากระดับ 4.2%
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง