ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -5.3 เหรียญ หรือ -0.3% อยู่ที่ระดับ 1,786.53 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 2.5 เหรียญ หรือ 0.14% ปิดที่ 1,797.7 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 12.9 เซนต์ หรือ 0.55% ปิดที่ 23.199 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 12.30 เหรียญ หรือ 1.3% ปิดที่ 987.70 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 1.74 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 912.14 ตันภาพรวมเดือนธันวาคม ซื้อสุทธิ 4.05 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 63.52 ตัน
- นักวิเคราะห์จาก UBS ระบุ ตราบเท่าที่เฟดยังคงส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสู่กับเงินเฟ้อ จะยังคงกดดันราคาทองคำให้อยู่ระดับต่ำ และการที่ราคาทองคำจะสามารถดีดตัวขึ้นได้อย่างยั่งยืนนั้น ต้องเข้าใกล้จุดที่เฟดจะยุติการขึ้นดอกเบี้ย
- นักวิเคราะห์จาก CMC Market ระบุ รายงานค่าใช้จ่ายพื้นฐานผู้บริโภคของสหรัฐ หรือ Core personal consumption expenditure (PCE) ที่จะประกาศในวันศุกร์ อาจเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ถ้าหากตัวเลขดังกล่าวปรับตัวลดลง
- นักวิเคราะห์จาก UBS ระบุ สถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื่อโควิดในจีนยังคงพุ่งสูงขึ้น อาจกดดันความต้องการซื้อทองคำจริง (Physical Gold)
- กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของออสเตรเลียมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (1.3428 แสนล้านดอลลาร์) เริ่มกระจายการลงทุนในทองคำ, สินค้าโภคภัณฑ์, หุ้นนอกตลาด และโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น พร้อมเตือนว่าอนาคตเศรษฐกิจอาจต้องเผชิญกับภาวะการเติบโตตกต่ำและอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงแบบเดียวกับช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1970
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.11 จุด หรือ -0.1% มาอยู่ที่ระดับ 104.73 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.09 % มาอยู่ที่ระดับ 3.592% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.05 % มาอยู่ที่ระดับ 4.26% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.67% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
- นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ค ระบุว่า ยังคงเป็นไปได้ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในขณะนี้ในปีหน้า และไม่คาดว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
- หนึ่งในสมาชิกสภาบริหารธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า ความเป็นไปได้ที่อีซีบีจะกลับไปขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% นั้นอยู่ในระดับต่ำมากในขณะนี้ พร้อมทั้งเตือนถึงความเสี่ยงจากการดำเนินการมากเกินไปกับอัตราเงินเฟ้อสูงด้วยการคุมเข้มนโยบายมากเกินไป
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่าการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะฉุดเศรษฐกิจสหรัฐให้เข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ โดยดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,757.54 จุด ลดลง 162.92 จุด หรือ -0.49%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,817.66 จุด ลดลง 34.70 จุด หรือ -0.90% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,546.03 จุด ลดลง 159.38 จุด หรือ -1.49%
- หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนจากยูบีเอส (UBS) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศปี 2566 ของจีน ขึ้นสู่ระดับ 4.9% จากระดับ 4.5% โดยได้แรงหนุนจากการที่จีนเปิดเศรษฐกิจเร็วกว่าที่คาด
- เวิลด์ อีโคโนมิกส์ เปิดเผยผลสำรวจ ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจจีนร่วงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เริ่มจัดทำแบบสำรวจในเดือนม.ค. 2556 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นที่มีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และชี้ให้เห็นว่าอาจเกิดเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า โดยดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของจีนร่วงจากระดับ 51.8 ในเดือนพ.ย.สู่ระดับ 48.1 ในเดือนธ.ค.
- บริษัทฟิทช์ เรทติงส์ระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2023 ในอเมริกาเหนือมืดมนเนื่องจากภาวะถดถอย, ภาวะเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะเริ่มลดลงอย่างช้าๆในปีหน้า แต่ก็จะยังคงสูงกว่าเป้าหมายของผู้กำหนดนโยบายอยู่มาก
- รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมหารือกับธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เพื่อปรับเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% โดยคาดว่าจะหารือกันเกี่ยวกับแนวทางการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวให้รวดเร็วขึ้นและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น หลังจากมีการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% เป็นเวลานานกว่า 10 ปีและจนถึงขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้มว่าญี่ปุ่นจะสามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าจีนจะกลับมาเปิดประเทศ หลังมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นปัจจัยกดดันตลาดในระหว่างวัน
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 75.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 76 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 79.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
- นักวิเคราะห์จาก CMC Market ระบุ แม้ว่าสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื่อโควิดในจีนยังคงพุ่งสูงขึ้น แต่มุมมองเชิงบวกต่อการเปิดเมืองของจีน ประกอบกับนโยบายหนุนเศรษฐกิจของจีน ช่วยหนุนภาพรวมของอุปสงค์น้ำมัน
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐกำลังถูกกดดันอย่างหนักจากสมาชิกวุฒิสภาทั้งจากพรรคเดโมเครตและพรรครีพับลิกัน เพื่อให้ดำเนินการจัดการกรณีผู้อพยพระลอกใหม่ที่คาดว่าจะมารวมตัวกันริมเขตชายแดนทางตอนใต้เพื่อขอลี้ภัยเข้าประเทศ หลังจากนโยบายจัดการผู้ลี้ภัยที่ประกาศใช้ตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ใกล้สิ้นสุดลงในสัปดาห์นี้
- ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ออกเดินทางไปยังเบลารุสแล้วในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลของยูเครนว่าปธน.ปูตินจะกดดันให้เบลารุสเข้าร่วมปฏิบัติการโจมตียูเครนรอบใหม่ และเปิดแนวรบใหม่อีกครั้ง
- หน่วยบริหารด้านการทหารประจำกรุงเคียฟ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของยูเครน ระบุว่า รัสเซียได้ส่งโดรนชาเฮดจำนวน 9 ลำซึ่งผลิตที่อิหร่าน เข้าโจมตีกรุงเคียฟในช่วงเช้าเมื่อวานนี้ แต่ถูกทหารในกรุงเคียฟยิงตก
- รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศออสเตรเลีย จะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งของจีนวันนี้ นับเป็นนักการทูตระดับสูงสุดของออสเตรเลียที่เดินทางเยือนประเทศจีน นับตั้งแต่ปี 2561 และเป็นสัญญาณสำคัญที่แสดงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองชาติ
ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด
- ผลการศึกษาจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐพบว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นสูตรป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนโดยเฉพาะ มีประสิทธิภาพป้องกันการป่วยเข้าโรงพยาบาล 84% ในกลุ่มคนอายุ 65 ปีขึ้นไป เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน
- จีนพบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 รายใหม่จำนวน 2 รายในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมของจีนเพิ่มขึ้นเป็น 5,237 ราย นอกจากนี้ จีนพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่แสดงอาการรายใหม่จำนวน 1,995 ราย ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากระดับ 2,097 รายในวันเสาร์ ส่งผลให้ยอดติดเชื้อที่แสดงอาการเพิ่มขึ้นเป็น 380,453 ราย
- นักระบาดวิทยาและเจ้าหน้าที่สุขภาพระดับสูงของจีนคาดการณ์ว่า จีนจะเผชิญกับกระแสการระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งหมด 3 ระลอกในช่วงฤดูหนาวนี้ หลังรัฐบาลจีนยกเลิกการบังคับใช้มาตรการสกัดโรคระบาดเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ โดยขณะนี้กำลังเผชิญการระบาดระลอกแรก
- เรเนซัส อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของญี่ปุ่น ได้ตัดสินใจระงับการผลิตที่โรงงานในกรุงปักกิ่งเป็นเวลาหลายวัน โดยเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายที่จะหลีกเลี่ยงผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดในกรุงปักกิ่ง และเพื่อความปลอดภัยของพนักงาน
- ผลสำรวจใน 15 ประเทศของบริษัทมอร์นิง คอนซัลต์ในเดือนส.ค.พบว่า เอเชียนั้นมีสัดส่วนของผู้ที่ไม่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวมากที่สุด โดยมีชาวเกาหลีใต้ประมาณ 15% และชาวจีนประมาณ 14% ส่วนตัวเลขในอเมริกาเหนือไม่ทิ้งห่างกันมากนัก โดยชาวอเมริกันคิดเป็น 14% และชาวเม็กซิโกคิดเป็น 11% อย่างไรก็ตาม ประเทศที่มีอัตราของบุคคลที่ไม่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวอีกต่อไปสูงสุดคือญี่ปุ่น โดยอยู่ที่ 35% อันเป็นผลพวงจากโควิด-19
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.84 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.81 บาทต่อดอลลาร์ โดยจะมีกรอบแนวรับที่ 34.70 บาท และแนวต้าน 34.90 บาท
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า เศรษฐกิจโลกในปีนี้ชะลอตัวจากปีก่อน และเป็นการชะลอตัวมากสุดนับตั้งแต่ปี 2007 (พ.ศ.2550) ในขณะที่เศรษฐกิจของไทยในช่วงต้นปี เพิ่งเริ่มฟื้นตัวจากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยยังมีความเปราะบาง การฟื้นตัวยังไม่ทั่วถึง แต่ระยะถัดมา เริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้น อัตราเงินเฟ้อเริ่มคลี่คลายด้วยตัวเอง ซึ่งจะเห็นได้ว่าประเทศไทยมีความอ่อนไหวน้อยต่อสถานการณ์ด้านต่างประเทศ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จึงทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายแบบค่อยเป็นค่อยไป ในขณะที่ ธปท. มีมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบโดยเน้นเฉพาะจุดแบบตรงกลุ่มเป้าหมาย ร่วมกับการเข้าไปดูแลค่าเงินในบางช่วง ซึ่งทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถประคองตัวและเริ่มฟื้นกลับมาได้ดังเช่นในปัจจุบัน
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง