ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 4.49 เหรียญ หรือ 0.24% อยู่ที่ระดับ 1,870.4 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 8.1 เหรียญ หรือ 0.43% ปิดที่ 1,877.8 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 11.1 เซนต์ หรือ 0.46% ปิดที่ 23.871 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 5.7 เหรียญ หรือ 0.52% ปิดที่ 1,098.6 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 1.45 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 915.32 ตันภาพรวมเดือนมกราคม ขายสุทธิ 2.32 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 2.32 ตัน
- นักวิเคราะห์ด้านค่าเงินของ OCBC กล่าวว่า ข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่อ่อนแอลงในวันศุกร์ ช่วยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจยังบ่งชี้ว่า การที่เฟดคุมเข้มนโยบายการเงินในปีที่ผ่านมา เริ่มส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว แต่เฟดก็สามารถชะลอความตึงเข้มนโยบายการเงินได้ อย่างไรก็ดี ข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.62 จุด หรือ -0.6% มาอยู่ที่ระดับ 103.29 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 3.541% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.07 % มาอยู่ที่ระดับ 4.212% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.67% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
- นักกลยุทธ์ด้านสกุลเงิน คาดการณ์ว่า เงินหยวนน่าจะแข็งค่าแตะ 6.5 หยวนต่อดอลลาร์ภายในสิ้นปี เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 6.9 หยวนต่อดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากมุมมองเชิงบวกจากการกลับมาเปิดประเทศ
- เจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่า จะเดินหน้าสนับสนุนภาคเอกชนมากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ นอกจากนี้ จะผ่อนคลายการควบคุมบริษัทเทคโนโลยี
- สถาบันเพื่อการพัฒนาเกาหลี (KDI) เปิดเผยว่า แม้ว่าการลงทุนยังคงเติบโตในเดือนพ.ย. แต่การส่งออกร่วงลงเนื่องจากอุปสงค์ในต่างประเทศที่ซบเซาลง ซึ่งบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงขาลง
- ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) เปิดเผยว่า ทางธนาคารสูญเงินรายปีไปทั้งสิ้น 1.32 แสนล้านฟรังก์สวิส (1.4267 แสนล้านดอลลาร์) ในปี 2565 ซึ่งถือเป็นการสูญเงินก้อนใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การก่อตั้งองค์กรมา 115 ปี
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ โดยนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในการซื้อขายก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค.ของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ และและถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,517.65 จุด ลดลง 112.96 จุด หรือ -0.34%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,892.09 จุด ลดลง 2.99 จุด หรือ -0.08%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,635.65 จุด เพิ่มขึ้น 66.36 จุด หรือ +0.63%
- โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า หุ้นจีนอาจปรับขึ้นอีก 15% ขณะที่เงินหยวนแข็งค่าแตะระดับของเดือนเม.ย. เนื่องจากจีนกลับมาเปิดประเทศและเปลี่ยนแปลงนโยบายสำคัญหลายประการ
- สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานจากการสอบถามธุรกิจในพื้นที่ว่า ต้องอาศัยเวลาสักระยะผู้บริโภคจีนจึงเริ่มกลับมาใช้จ่ายอย่างเต็มที่อีกครั้ง แม้จีนประกาศเปิดประเทศแบบฉับพลันไปเมื่อไม่นานมานี้ก็ตาม
- รัฐสภาไต้หวันผ่านกฎหมายใหม่ที่จะอนุญาตให้บริษัทชิปขอเครดิตภาษีในอัตราส่วน 25% ของรายจ่ายด้านการวิจัยและการพัฒนารายปี ภายใต้ความพยายามในการรักษาเทคโนโลยีชิปเซมิดอนดักเตอร์ขั้นสูงเอาไว้ในไต้หวันและรักษาสถานะความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของไต้หวัน
- สถาบันเศรษฐกิจเยอรมนี (IW) เปิดเผยผลสำรวจว่า บริษัทเยอรมนีประมาณ 40% คาดว่าธุรกิจจะหดตัวในปี 2566 โดยระบุว่าเป็นผลจากต้นทุนพลังงานที่สูง ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน และสงครามในยูเครน
- ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยเมคยูเค พบว่า กลุ่มผู้ผลิตมองว่าสหราชอาณาจักรมีความสามารถในการแข่งขันน้อยลงและดึงดูดนักลงทุนต่างชาติได้น้อยลงเช่นกัน ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นและความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ โดยได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า การเปิดประเทศของจีนจะช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 74.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.08 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 79.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ความต้องการในการจัดหาแหล่งพลังงานเพิ่มสูงขึ้นของจีนหลังคลายข้อจำกัดโควิด-19 ผลักดันให้จีนเริ่มกลับมานำเข้าถ่านหินจากออสเตรเลียอีกครั้ง และเรียกร้องให้อุตสาหกรรมเหมืองในประเทศเพิ่มการผลิตถ่านหินขึ้นอีกจากระดับปัจจุบันซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์อยู่แล้ว
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- กองทัพจีนเปิดเผยว่า กองทัพจีนได้ดำเนินการซ้อมรบรอบเกาะไต้หวันในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นไปที่การโจมตีทางบกและทางทะเล ซึ่งเป็นการซ้อมรบครั้งที่ 2 ในเวลาไม่ถึงเดือน
- กลุ่มผู้สนับสนุนนายฌาอีร์ โบลโซนารู อดีตประธานาธิบดีบราซิล ได้บุกรุกเข้าไปในสภาคองเกรส, ทำเนียบประธานาธิบดี และศาลสูงของบราซิลในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี
ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด
- สายการบินต่าง ๆ ได้เพิ่มจำนวนที่นั่งบนเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งขาเข้าและออกจากจีนในเดือนม.ค.ขึ้นอีก 9.5% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสายการบินต่างก็เพิ่มจำนวนเที่ยวบินหลังจากจีนประกาศเปิดพรมแดนอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม จำนวนเที่ยวบินยังน้อยกว่าระดับในช่วงเกิดโควิดระบาด
- ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกกำลังเพิ่มมาตรการป้องกันประชากรของตนจากการระบาดของโควิด-19 ในประเทศจีน เนื่องจากมีสายพันธุ์ที่แพร่เชื้อได้ง่ายขึ้น โดยโปรตุเกสเป็นประเทศล่าสุดในกลุ่มชาติยุโรปที่จะให้ผู้เดินทางจากจีนแสดงผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นลบ
- หน่วยงานสาธารณสุขของญี่ปุ่น เผยว่า นับจนถึงวันอาทิตย์ที่ 8 ม.ค. 2566 ยอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 สะสมในญี่ปุ่นนับตั้งแต่เริ่มการแพร่ระบาดนั้น มีมากกว่า 60,000 ราย ท่ามกลางการแพร่ระบาดระลอกที่ 8 ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับยอดผู้เสียชีวิตสะสมที่นับจนถึงวันที่ 1 ธ.ค. 2565 ซึ่งอยู่ที่ 50,000 ราย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าจำนวนผู้เสียชีวิตในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลาเพียงแต่ 1 เดือน
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทวันนี้เปิดที่ระดับ 33.44 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.54 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.30-33.60 บาทต่อดอลลาร์
- สภาพัฒน์ คาดการณ์ GDP ปี 66ของไทย ไว้ที่ 3-4% โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ราว 23 ล้านคน คิดเป็นรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมการท่องเที่ยวในประเทศ พร้อมมองว่าปีนี้สัดส่วน GDP ต่อการท่องเที่ยวน่าจะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี โครงสร้างของไทย การส่งออกมีสัดส่วนค่อนข้างมาก ในปีนี้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง ดังนั้น การส่งออกอาจชะลอลงในบางสินค้าที่เกี่ยวกับกำลังซื้อของต่างประเทศ แต่ภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาหาร การเกษตรน่าจะไปต่อได้
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง