ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร โดยตลาดถูกกดดันจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -7.13 เหรียญ หรือ -0.37% อยู่ที่ระดับ 1,908.53 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 11.8 เหรียญ หรือ 0.61% ปิดที่ 1,909.9 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 30.4 เซนต์ หรือ 1.25% ปิดที่ 24.068 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 25.6 เหรียญ หรือ 2.39% ปิดที่ 1,046.9 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 2.9 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 909.24 ตันภาพรวมเดือนมกราคม ขายสุทธิ 8.4 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 8.4 ตัน
- ผู้อำนวยการสินค้าโภคภัณฑ์ Kedia กล่าวว่า จากคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยลง เป็นปัจจัยสนับสนุนต่อราคาทองคำให้ดีดตัวสูงขึ้น โดยในขณะนี้จะเห็นถึงการดึงกลับทางเทคนิคของทองคำ จากแรงซื้อที่มากเกินไป ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.14 จุด หรือ 0.14% มาอยู่ที่ระดับ 102.47 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.02 % มาอยู่ที่ระดับ 3.555% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.213% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.66% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
- ยูบีเอส โกลบอล เวลท์ แมเนจเม้นท์ระบุว่า ค่าเงินหยวนที่ซื้อขายในประเทศเพิ่มขึ้นประมาณ 7% นับตั้งแต่จีนเริ่มผ่อนปรนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อเดือนพ.ย. และอาจแข็งค่าแตะ 6.50 หยวนต่อดอลลาร์ในปีนี้จากระดับ 6.72 ในปัจจุบัน ขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจพุ่งสูงกว่าแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลัง
- สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นอาจเสนอชื่อผู้ว่าการธนาคารกลางของญี่ปุ่น (BOJ) คนต่อไปและชื่อรองผู้ว่า BOJ 2 คนในวันที่ 10 ก.พ.นี้
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของธนาคารโกลด์แมน แซคส์ที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ อย่างไรก็ดี การพุ่งขึ้นของราคาหุ้นเทสลาเป็นปัจจัยหนุนดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,910.85 จุด ร่วงลง 391.76 จุด หรือ -1.14%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,990.97 จุด ลดลง 8.12 จุด หรือ -0.20%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,095.11 จุด เพิ่มขึ้น 15.96 จุด หรือ +0.14%
- สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างขานรับเมื่อจีนหันกลับมาผลักดันนโยบายสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2565 ขณะที่บางรายมองว่ายังไม่สายเกินไปที่จะเข้าซื้อหุ้นจีนที่กำลังพุ่งขึ้น
- ตลาดหุ้นจีนมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอีก 20%, ราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นทะลุ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล และราคาทองแดงอาจทะลุ 10,000 ดอลลาร์ เนื่องจากการบริโภคฟื้นตัวในจีน นี่เป็นเพียงบางส่วนจากการคาดการณ์ของนักกลยุทธ์และผู้จัดการด้านการเงิน โดยหุ้นในตลาดเกิดใหม่และสกุลเงินเอเชียบางสกุลมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์เช่นกัน
- จำนวนประชากรจีนลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ทศวรรษในปี 2565 โดยอัตราการเกิดของประเทศร่วงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าวิกฤตด้านประชากรมีความเสี่ยงที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจจีนที่เติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงอยู่แล้ว
- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2565 ของจีนขยายตัว 3% ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจจะขยายตัว 2.8%
- ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค.ของจีน ปรับตัวลง 1.8% ซึ่งดีกว่ากว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจร่วงลง 8.6% และตลอดปี 2565 ยอดค้าปลีกปรับตัวลง 0.2%
- สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) เปิดเผยว่า การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีนลดลง 10.0% เมื่อเทียบเป็นรายปีในปี 2565 ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มบันทึกข้อมูลในปี 2542 เทียบกับการลดลง 9.8% ในช่วง 11 เดือนแรกของปี
- หน่วยงานกำกับดูแล ระบุว่า จีนจะดำเนินการเพื่อรักษาสมดุลของอุปสงค์และอุปทานที่อยู่อาศัย ทำให้ราคาบ้านมีเสถียรภาพ และควบคุมการเก็งกำไรอย่างเคร่งครัด หลังจากทางการได้ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤต
- สิงคโปร์คาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากปีที่แล้วแตะที่ระดับ 12-14 ล้านคนในปี 2566 โดยได้แรงหนุนจากการตัดสินใจของจีนที่ยกเลิกมาตรการควบคุมการเดินทางเพื่อควบคุมโรคโควิด-19 รวมถึงการเพิ่มขึ้นของจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศ
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคออสเตรเลียพุ่งขึ้น 5% แตะระดับ 84.3 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2564 โดยได้รับแรงหนุนจากการชะลอปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA)
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร หลังจีนเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ขยายตัวได้ดีเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าการยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีนจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 80.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 64 เซนต์ หรือ 0.75% ปิดที่ 85.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- นายกรัฐมนตรียูเครน กล่าวว่า ยูเครนเตรียมรับเงินช่วยเหลือ 3 พันล้านยูโร (ประมาณ 3.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากสหภาพยุโรป (EU) ในสัปดาห์นี้
- ยูเครนยืนกรานถึงความจำเป็นในการจัดหาอาวุธที่เร็วขึ้นจากประเทศตะวันตก โดยขณะนี้เมืองดนิโปรในภาคกลางของประเทศกำลังอยู่ในสภาพย่ำแย่จากการถูกขีปนาวุธของรัสเซียจู่โจม ส่งผลให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งเสียชีวิต 40 ราย และกองทหารยูเครนที่ประจำการในแนวรบฝั่งตะวันออกก็ได้รับแรงกดดันมากขึ้น
ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด
- ซีอีโอของสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย (SII) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 เปิดเผยว่า “จีนจำเป็นต้องเปิดใจยอมรับการรักษาและวัคซีนต่าง ๆ จากชาติตะวันตก และวางประเด็นทางการเมืองหรือประเด็นอื่น ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อเรื่องนี้เอาไว้ก่อน”
- องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า จีนมีอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตามมาตรฐานอยู่ที่เกือบ 87% และมีประชากร 54% ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มเสริมภูมิคุ้มกัน
- นายจอห์น ลี ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงคาดการณ์ว่า ฮ่องกงจะสามารถยกเลิกบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ชุดสุดท้ายได้ภายในปีนี้ ซึ่งรวมถึงคำสั่งสวมหน้ากากอนามัย
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน ระบุว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดแข็งค่าขึ้นบ้าง จากระดับปิดในวันก่อนหน้า ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ โดยค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 33.00 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.13 บาทต่อดอลลาร์
- รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2566 มีทิศทางที่จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยกิจกรรมต่างๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทำให้การขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศ ทั้งการบริโภค และการท่องเที่ยว กลับมามีสัญญาณที่ดีขึ้น ขณะที่การส่งออกสินค้า แม้จะมีแนวโน้มชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก แต่การใช้ประโยชน์จากกรอบความตกลงการค้าเสรี (FTA) ควบคู่กับการที่ภาครัฐเร่งเจรจาความตกลงการค้าเสรี เพื่อเปิดตลาดส่งออกใหม่ๆ จะช่วยประคับประคองการส่งออกของไทยให้ยังทรงตัวต่อไปได้
- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือนธ.ค.65 อยู่ที่ระดับ 92.6 ลดลงจากเดือนพ.ย. ซึ่งอยู่ที่ระดับ 93.5 โดยเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 7 เดือน จากปัจจัยลบสำคัญ ได้แก่ ภาคการผลิตชะลอลง เนื่องจากเดือนธ.ค. มีวันทำงานน้อย และมีวันหยุดต่อเนื่องในช่วงเทศกาลปีใหม่, ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นโดยเฉพาะค่าไฟฟ้า, การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์, ปัญหาเงินเฟ้อที่บั่นทอนกำลังซื้อในประเทศ และการส่งออกที่มีสัญญาณชะลอตัว
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง