ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนขานรับการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ย
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -6.48 เหรียญ หรือ -0.34% อยู่ที่ระดับ 1,925.66 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 4.3 เหรียญ หรือ 0.22% ปิดที่ 1,928.2 เหรียญ และปรับตัวขึ้น 0.3% ในรอบสัปดาห์นี้ซึ่งเป็นการบวกขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน และยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2563
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 6.5 เซนต์ หรือ 0.27% ปิดที่ 23.935 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 6.7 เหรียญ หรือ 0.64% ปิดที่ 1,047.8 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 4.62 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 917.05 ตันภาพรวมเดือนมกราคม ขายสุทธิ 0.59 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 0.59 ตัน
- นักวิเคราะห์การตลาดของ IG กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่ราคาทองคำจะแตะ 2,000 เหรียญในปีนี้ ซึ่งเราจำเป็นต้องเห็นการเปลี่ยนแปลงของเฟดในการลดโทนคุมเข้มนโยบายการเงินลง เพื่อยืนยันการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- ผู้อำนวยการการจัดการของ GoldSilver Central กล่าวว่า มีสัญญาณที่แสดงว่าสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ต่อทองคำ เนื่องจากในอดีตเคยสนับสนุนทองคำ
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.08 จุด หรือ -0.08% มาอยู่ที่ระดับ 101.99 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.08 % มาอยู่ที่ระดับ 3.471% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.17% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.7% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
- นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากปรับขึ้น 0.25% ในการประชุมนโยบาย 2 ครั้งถัดไป และจากนั้นมีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวอย่างน้อยในช่วงที่เหลือของปี
- นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กระบุว่า เมื่อพิจารณาตัวเลขเงินเฟ้อที่ยังคงเคลื่อนไหวในระดับสูงและสัญญาณที่บ่งชี้ว่าอุปทานและอุปสงค์ยังไม่สมดุลกันอย่างต่อเนื่อง เฟดจึงยังจำเป็นต้องดำเนินการด้านนโยบายการเงินต่อไป เพื่อฉุดเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2% อย่างยั่งยืน
- นางลาเอล เบรนาร์ด ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า แม้เงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวในช่วงนี้ แต่ยังคงถือว่าอยู่ในระดับสูง โดยเฟดจำเป็นต้องคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไปสักระยะ เพื่อรับประกันว่าเงินเฟ้อจะหวนคืนสู่เป้าหมาย 2% อย่างยั่งยืน
- ธนาคารกลางจีนอัดฉีดเงินสดระยะสั้นเข้าสู่ระบบธนาคารมากเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการเงินสดพุ่งสูงขึ้นหลังจากการยกเลิกมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 และก่อนวันหยุดเทศกาลตรุษจีน
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ จากแรงซื้อเก็งกำไรหลังร่วงลง 3 วันติดต่อกัน และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นมากกว่า 2% ขณะที่การเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสได้ช่วยหนุนหุ้นเน็ตฟลิกซ์ และหุ้นอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิลปรับตัวขึ้นหลังประกาศปรับลดพนักงาน
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,375.49 จุด เพิ่มขึ้น 330.93 จุด หรือ +1.00%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,972.61 จุด เพิ่มขึ้น 73.76 จุด หรือ +1.89%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,140.44 จุด เพิ่มขึ้น 288.17 จุด หรือ +2.66%
- กลุ่มผู้นำธุรกิจและผู้กำหนดนโยบายทั่วโลกที่การประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) แสดงความหวังว่าการเปิดเศรษฐกิจจีนอีกครั้งอาจกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วโลก แต่มีความกังวลเล็กน้อยว่าอาจเกิดผลกระทบต่อเงินเฟ้อได้
- กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่น เผยว่า ประชากรทั้งหมดของญี่ปุ่นลดลง 0.43% หรือราว 538,000 คนในปี 2565 ซึ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความท้าทายด้านประชากรศาสตร์ที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญอยู่
- ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นราคาสินค้าและการบริการสำหรับกลุ่มซัพพลายเออร์เกาหลีใต้ ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนธ.ค. เนื่องจากราคาน้ำมันดิบถูกลงและเงินวอนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยรายงานระบุว่า ดัชนี PPI ลดลง 0.3% ในเดือนธ.ค. จากเดือนก่อนหน้า หลังจากที่ลดลง 0.3% ในเดือนพ.ย.
- นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลักของเกาหลีใต้จะหดตัวในไตรมาส 4/2565 ซึ่งเป็นภาวะที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง เนื่องจากอุปสงค์จากต่างประเทศลดลงและอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อการบริโภคของภาคเอกชน
- บริษัทเจพีมอร์แกนกล่าวว่า GDP ของสหราชอาณาจักร (UK) คาดว่าจะหดตัวเพียง 0.1% ในปีนี้ จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ว่า GDP จะลดลง 0.3% โดยได้ปรับคาดการณ์เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติลดลงเมื่อเร็ว ๆ นี้
- ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอังกฤษร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปีในเดือนม.ค. และเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน เนื่องจากความวิตกกังวกลเกี่ยวกับเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเงินของภาคครัวเรือน
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ โดยได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันดิบจากจีน หลังการยกเลิกมาตรการควบคุมโรคโควิด-19
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ หรือ 1.22% ปิดที่ 81.31 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 1.8% ในรอบสัปดาห์นี้
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.47 ดอลลาร์ หรือ 1.71% ปิดที่ 87.63 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 2.8% ในรอบสัปดาห์นี้
- รัสเซียยังคงเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบให้จีนมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในปี 2565 เป็นรองจากผู้ผลิตน้ำมันชั้นนำอย่างซาอุดีอาระเบีย โดยจีนนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียเพิ่มขึ้น 8% ในปี 2565 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แตะที่ 86.25 ล้านตัน หรือเท่ากับ 1.72 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องด้วยโรงกลั่นน้ำมันในจีนสามารถซื้อน้ำมันที่ราคาต่ำกว่าตลาดจากรัสเซีย ในขณะที่กลุ่มชาติตะวันตกหันหลังให้รัสเซียเนื่องจากวิกฤติการณ์ในยูเครน
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- กระทรวงการคลังประกาศแผนการเดินทางเยือนจีนของนางเยลเลนและต้อนรับการเดินทางเยือนสหรัฐของรัฐมนตรีคลังจีน “ในอนาคตอันใกล้” หลังจากที่นางเยลเลนได้หารือกับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน อย่างไรก็ดี ยังไม่มีกำหนดวันที่ที่แน่นอนสำหรับการเดินทางของนางเยลเลน
- สภาหอการค้าแห่งสหรัฐได้เรียกร้องให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยกเลิกกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีน หลังรัฐบาลไบเดนเตรียมขยายเวลาบังคับใช้นโยบายกำแพงภาษีดังกล่าว
- สหรัฐประกาศที่จะให้ความช่วยเหลือทางทหารครั้งใหม่แก่ยูเครน ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 2.5 พันล้านดอลลาร์ รวมถึงยานเกราะหลายร้อยคัน และการสนับสนุนระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน
ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด
- ซิโนฟาร์ม บริษัทผลิตยาของจีนระบุว่า ไชน่า เนชั่นแนล ไบโอเทค กรุ๊ป โค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ได้รับอนุมัติด้านกฎระเบียบจากสำนักงานควบคุมเวชภัณฑ์แห่งชาติจีนแล้ว ทำให้ขณะนี้สามารถดำเนินการทดลองวัคซีนโรคโควิด-19 ชนิด mRNA สูตรป้องกันไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน
- บริษัทด้านการตลาดในประเทศจีน เผยว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนราว 40% ไม่มีแผนเดินทางไปต่างประเทศในปีนี้ แม้ว่ารัฐบาลจะยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์แล้วก็ตาม โดยเหตุผลหลักเป็นเพราะได้รับผลกระทบทางการเงินจากสถานการณ์โควิด
- ญี่ปุ่นจัดให้โรคโควิด-19 เป็นโรคที่มีความรุนแรงสูงสุดอันดับสอง เช่นเดียวกับวัณโรคและโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือซาร์ส โดยจะปรับลดลงสู่ระดับ 5 ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลไม่ต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอีกต่อไป
- เกาหลีใต้เตรียมยกเลิกข้อบังคับสวมหน้ากากอนามัยภายในอาคารสาธารณะส่วนใหญ่ในปลายเดือนนี้ แม้ว่าจะยังจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยขณะเดินทางด้วยรถโดยสารและในสถานพยาบาลก็ตาม
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.70 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 32.82 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.50-33.20 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.60-32.90 บาทต่อดอลลาร์
- ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME ประจำเดือนธ.ค. 65 เปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า พบว่า ค่าดัชนี SMESI อยู่ที่ระดับ 55.7 เพิ่มขึ้นจากระดับ 53.8 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 21 เดือน
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง