ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 8.34 เหรียญ หรือ 0.43% อยู่ที่ระดับ 1,945.74 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 7.2 เหรียญ หรือ 0.37% ปิดที่ 1,942.60 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย. 2565
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 19.2 เซนต์ หรือ 0.81% ปิดที่ 23.941 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 20.7 เหรียญ หรือ 1.94% ปิดที่ 1,046.1 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 2.03 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 919.37 ตันภาพรวมเดือนมกราคม ซื้อสุทธิ 1.73 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 1.73 ตัน
- หัวหน้ามหภาคระดับโลกของ Tastylive กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดให้ความสนใจไปยังตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งอาจกำหนดทิศทางการประชุมนโยบายการเงินของเฟดครั้งที่ 1 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. อย่างไรก็ดี ตลาดทองคำยังคงไม่มีทิศทางชัดเจนในช่วงก่อนการเปิดเผลตัวเลข GDP และก่อนการประชุมเฟด
- หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์ของ Geojit Financial Services กล่าวว่า ราคาทองคำปรับตัวลดลง จากการปรับฐานทางเทคนิค หลังจากที่ขึ้นไปทำจุดสูงสุด โดยค่าเงินดอลลาร์ยังคงเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่น
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.43 จุด หรือ -0.42% มาอยู่ที่ระดับ 101.58 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.02 % มาอยู่ที่ระดับ 3.443% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.08 % มาอยู่ที่ระดับ 4.133% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.69% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
- สวิฟต์ (SWIFT) ระบบโอนเงินระหว่างประเทศ เปิดเผยว่าสกุลเงินเหรินหมินปี้ (RMB) หรือเงินหยวนของจีน ยังคงครองอันดับ 5 ในฐานะสกุลเงินที่ถูกใช้งานทั่วโลกมากที่สุดเมื่อคิดตามมูลค่า ด้วยส่วนแบ่งการชำระเงิน 2.15% ในเดือนธ.ค. 2565
- นายฟาบิโอ พาเนตตา กรรมการธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า อีซีบีไม่ควรให้สัญญากับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เฉพาะเจาะจงหลังเดือนก.พ. โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากมีเหตุผลสำหรับการมองมุมบวกอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับเงินเฟ้อ ซึ่งนับเป็นความเห็นที่แตกต่างกับผู้กำหนดนโยบาย
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเพียงเล็กน้อยในวันพุธ ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์ เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งทำให้ตลาดกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,743.84 จุด เพิ่มขึ้น 9.88 จุด หรือ +0.03%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,016.22 จุด ลดลง 0.73 จุด หรือ -0.02% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,313.36 จุด ลดลง 20.91 จุด หรือ -0.18%
- นักลงทุนได้แห่เข้ามาลงทุนในสกุลเงิน, หุ้น และตราสารหนี้ในยุโรปในช่วงนี้ โดยได้รับแรงกระตุ้นจากภาวะอากาศที่อบอุ่นผิดปกติในฤดูหนาวในยุโรป และจากการที่ยุโรปสามารถกักเก็บสต็อกก๊าซธรรมชาติไว้ในคลังได้เป็นจำนวนมาก โดยปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนปรับลดความกังวลเรื่องภาวะขาดแคลนไฟฟ้าและการพุ่งขึ้นของราคาพลังงานในยุโรป
- คณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปของจีน (NDRC) เปิดเผยว่า NDRC รออนุมัติโครงการลงทุนสินทรัพย์ถาวร ทั้งสิ้น 109 โครงการในปี 2565 ส่วนยอดการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนในปี 2565 เพิ่มขึ้น 5.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 57.21 ล้านล้านหยวน ขณะที่ยอดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมการผลิตเพิ่มขึ้น 9.4% และ 9.1% ในปี 2565 ตามลำดับ
- ญี่ปุ่นปรับลดคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมเป็นครั้งแรกในรอบ 11 เดือนในเดือนม.ค. ขณะที่มาตรการควบคุมโควิด-19 ของจีน และภาวะชะลอตัวของอุปสงค์ทั่วโลกสำหรับเทคโนโลยี และเซมิคอนดัคเตอร์กระทบการส่งออก โดยเฉพาะการส่งออกไปยังเอเชีย
- ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานของสิงคโปร์ ปรับตัวขึ้น 5.1% ในเดือนธ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 5%
- อัตราเงินเฟ้อของนิวซีแลนด์ในไตรมาส 4 เมื่อเทียบเป็นรายปีอยู่ที่ 7.2% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาสที่ 3/2565 ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ 7.1% ส่วนธนาคารกลางคาดว่าจะแตะ 7.5% ขณะที่ราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 1.4% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส
- ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อของออสเตรเลียปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 32 ปีที่ 7.8% ในไตรมาส 4/2565 เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยปรับตัวขึ้นเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2533
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันพุธ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 2 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 80.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 1 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 86.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
- นักลงทุนจับตาการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านการตรวจสอบระดับรัฐมนตรี (JMMC) ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) ในวันที่ 1 ก.พ.นี้ ขณะที่แหล่งข่าวระบุว่า ที่ประชุม JMMC จะมีมติให้โอเปกพลัสคงนโยบายปัจจุบันในการปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงสิ้นปี 2566
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- สหรัฐและเยอรมนีเตรียมประกาศความพร้อมที่จะส่งรถถังต่อสู้ข้าศึกให้แก่ยูเครน ซึ่งเป็นการส่งมอบอาวุธใหม่ที่ทรงอานุภาพล่าสุดให้แก่ยูเครนเพื่อใช้ตอบโต้รัสเซียและรับมือกับภัยคุกคามของประเทศพันธมิตร
- นายคริส ฮิปกินส์ ปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์เมื่อวานนี้ หลังจากที่นางจาซินดา อาร์เดิร์นได้ลาออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด
- เกาหลีเหนือได้ออกคำสั่งล็อกดาวน์เป็นเวลา 5 วัน เนื่องจากพบผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจที่ไม่ระบุเชื้อเพิ่มสูงขึ้น
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.72 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 32.83 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.60-32.85 บาทต่อดอลลาร์
- ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 1/2566 มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.25% เป็น 1.50% ต่อปี โดยให้มีผลทันที คณะกรรมการฯ เห็นว่าการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องเป็นแนวทางการดำเนินนโยบายที่สอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
- สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ได้นำคณะเดินทางเยือนประเทศเบลเยียมเมื่อวานนี้ เพื่อประชุมทวิภาคีกับสหภาพยุโรป ในการรื้อฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-อียู (สหภาพยุโรป)
- Krungthai COMPASS ประเมินมูลค่าการส่งออกของไทยในปี 2566 มีแนวโน้มเติบโตได้ 0.7% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคของจีน ซึ่งหลังจากทางการจีนผ่อนคลายมาตรการ Zero COVID ในเดือนม.ค.66 ได้ส่งผลให้แนวโน้มการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศของจีนจะทยอยฟื้นตัว และภาคการผลิตของจีนที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จะช่วยให้แนวโน้มปัญหา supply chain disruption คลี่คลายมากขึ้น ซึ่งคาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศจีน
- กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เผยรัฐบาลอินเดียเดินหน้าดึงดูดการลงทุนใน 14 สาขาอุตสาหกรรม ตามนโยบายพึ่งตนเอง สั่งแต่ละรัฐกระตุ้นการลงทุนจริงจัง ชี้ โอกาสไทยเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าอุตสาหกรรมขั้นกลาง พร้อมโอกาสลงทุนในสตาร์ทอัพ
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง