ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ ก่อนที่นักลงทุนจะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุม
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 22.06 เหรียญ หรือ 1.14% อยู่ที่ระดับ 1,950.32 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 2.5 เหรียญ หรือ 0.13% ปิดที่ 1,942.8 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 22.7 เซนต์ หรือ 0.95% ปิดที่ 23.609 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 19.4 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 1,001.7 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 1.45 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 918.5 ตันภาพรวมเดือนมกราคม ขายสุทธิ 0.59 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 0.86 ตัน
- สภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำเป็นทุนสำรองในปี 2565 รวมกันมากถึง 1,136 ตัน คิดเป็นมูลค่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นมูลค่าสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2510
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -1.25 จุด หรือ -1.22% มาอยู่ที่ระดับ 100.85 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.09 % มาอยู่ที่ระดับ 3.424% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.09 % มาอยู่ที่ระดับ 4.115% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.69% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
- คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ตามตลาดคาดการณ์ แตะระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนต.ค.2550
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ ขณะที่ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 2% หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด และนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดระบุว่า เงินเฟ้อในสหรัฐเริ่มชะลอตัวลง
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,092.96 จุด เพิ่มขึ้น 6.92 จุด หรือ +0.02%,
- ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,119.21 จุด เพิ่มขึ้น 42.61 จุด หรือ +1.05% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,816.32 จุด พุ่งขึ้น 231.77 จุด หรือ +2.00%
- เจพีมอร์แกน เผย ผลสำรวจประจำปีพบว่า 44% ของผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 835 รายคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกจะลดลงในปี 2566 และอีก 37% คาดการณ์ว่า การปรับตัวขึ้นของราคาจะชะลอลง
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐปรับลงจาก 109.0 ในเดือนธ.ค. สู่ 107.1 ในเดือนม.ค. และอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 109.0 สำหรับเดือนม.ค. ในขณะที่ภาคครัวเรือนยังคงกังวลกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ขณะที่ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะตึงตัวในช่วงนี้
- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนม.ค.ของจีนปรับตัวขึ้นแตะระดับ 49.2 จากระดับ 49.0 ในเดือนธ.ค. โดยได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลจีนยกเลิกมาตรการเข้มงวดในการควบคุมโรคโควิด-19 ในช่วงปลายปีที่แล้ว ซึ่งช่วยคลายความกดดันให้กับกลุ่มผู้ผลิตของจีน แม้ว่าการติดเชื้อโควิด-19 ในหมู่คนงานจะยังคงส่งผลกระทบต่อการผลิตก็ตาม
- สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ยอดการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ในประเทศเกาหลีใต้พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในปี 2565 เนื่องจากอุปสงค์ด้านบริการการเดินทางและการพักผ่อนเพิ่มขึ้นอย่างมาก
- กระทรวงการค้าเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ยอดส่งออกเดือนม.ค.ของเกาหลีใต้ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ อันเนื่องมาจากอุปสงค์ทั่วโลกที่ชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ยอดส่งออกเดือนม.ค.ของเกาหลีใต้ลดลง 16.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 11.3% หลังจากที่ปรับตัวลดลง 9.6% ในเดือนธ.ค. 2565 นอกจากนี้ ยอดส่งออกเดือนม.ค.ของเกาหลีใต้ยังร่วงลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2563
- สำนักงานสถิติของรัฐบาลเยอรมนี (FSO) เปิดเผยว่า สหรัฐเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญที่สุดสำหรับการส่งออกของเยอรมนีติดต่อกันเป็นปีที่ 8 ในปี 2565
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ในวันพุธ หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 2.46 ดอลลาร์ หรือ 3.12% ปิดที่ 76.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. ดิ่งลง 2.62 ดอลลาร์ หรือ 3.07% ปิดที่ 82.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจาก EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 300,000 บาร์เรล
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) กล่าวว่า จีนกำลังจับตามองสงครามรัสเซียในยูเครนอย่างใกล้ชิด และจีนกำลังศึกษาบทเรียนจากสงครามดังกล่าวซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจในอนาคต พร้อมกับย้ำเตือนถึงพฤติกรรมของจีน รวมถึงการข่มขู่คุกคามไต้หวัน
- นายจอห์น เคอร์บี โฆษกฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ จะหยิบยกเรื่องสงครามรัสเซีย-ยูเครนขึ้นหารือระหว่างการเดินทางไปเยือนจีนในเร็ว ๆ นี้
- นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลกล่าวว่า เขายินดีที่จะพิจารณาการเป็นผู้ไกล่เกลี่ยระหว่างรัสเซียและยูเครน หากสองประเทศดังกล่าว และสหรัฐเรียกร้อง
- เหล่าพันธมิตรรายใหญ่ที่สุดของยูเครนต่างปฏิเสธที่จะจัดหาเครื่องบินรบให้แก่ยูเครน โดยได้ปฏิเสธคำขอสำคัญจากประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนก่อนที่การสู้รบจะลุกลามบานปลาย
ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด
- ทางการจีนได้สั่งให้มีการตรวจเชื้อโควิด-19 สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากเกาหลีใต้ตั้งแต่วันนี้ เพื่อตอบโต้เกาหลีใต้ที่ใช้มาตรการดังกล่าวกับจีนก่อนหน้านี้
- นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ ระบุว่า เกาหลีใต้อาจยกเลิกมาตรการจำกัดวีซ่าต่อนักเดินทางจากจีนเร็วกว่ากำหนดการเดิม หากสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ในจีนกระเตื้องขึ้น เนื่องจากภาคการเดินทางและการท่องเที่ยวต้องการเห็นนักเดินทางเข้าประเทศอีกครั้ง
- สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่า ญี่ปุ่นไม่ใช่ประเทศร่ำรวยที่รับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ได้ดีที่สุดอีกต่อไป โดยหนึ่งในประเทศที่มีประชากรสูงอายุมากที่สุดในโลกแห่งนี้ กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ครั้งใหญ่ที่สุดอย่างเงียบ ๆ โดยจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนนั้นล้นระบบสาธารณสุขในช่วงฤดูหนาวนี้ และการรักษาผู้ป่วยเป็นไปอย่างล่าช้า ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตรายวันสูงเป็นประวัติการณ์มากกว่า 500 รายเมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 32.72 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 32.84 บาทต่อดอลลาร์ เงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นใกล้โซนแนวรับ 32.50-32.60 บาทต่อดอลลาร์หากผลการประชุมของ ECB และ BOE ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง อาจเป็นปัจจัยที่หนุนให้ทั้งค่าเงินยูโร ค่าเงินปอนด์ แข็งค่าขึ้นต่ออาจกดดันเงินดอลลาร์ย่อตัวลงบ้าง
- คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ยังคงประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2566 เท่ากับประมาณการครั้งก่อนในเดือนม.ค. โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) จะอยู่ที่ 3.0-3.5% การส่งออก ขยายตัว 1-2% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ที่ระดับ 2.7-3.2% โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยมีแรงสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวแต่มีความเสี่ยงจากภาคการส่งออก โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้อาจมากกว่า 22.5 ล้านคนที่ประเมินไว้เดิม จากนักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรป และสหรัฐฯ มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีกว่าคาด ขณะที่นักท่องเที่ยวจีน จะปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนในไตรมาสที่ 2
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง