ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ โดยนักลงทุนช้อนซื้อหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 2.64 เหรียญ หรือ 0.14% อยู่ที่ระดับ 1,867.25 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 2.9 เหรียญ หรือ 0.15% ปิดที่ 1,879.5 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 16.8 เซนต์ หรือ 0.75% ปิดที่ 22.237 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 5.7 เหรียญ หรือ 0.58% ปิดที่ 974.6 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 2.32 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 917.92 ตันภาพรวมเดือนมกราคม ขายสุทธิ 0.59 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 0.28 ตัน
- นักกลยุทธ์ด้านการเงินของ OCBC กล่าวว่า ตลาดคาดการณ์ในเบื้องต้นช่วงก่อนการประกาศผลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ แต่ความคาดหวังสำหรับการปรับลดครั้งแรกได้ถูกเลื่อนกลับไปเป็นเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมแทน
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.55 จุด หรือ 0.53% มาอยู่ที่ระดับ 103.54 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.07 % มาอยู่ที่ระดับ 3.646% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.12 % มาอยู่ที่ระดับ 4.474% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.83% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
- เงินเยนอ่อนค่าลงหลังมีรายงานว่า นายมาซาโยชิ อามามิยะ ได้รับการทาบทามจากรัฐบาลให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งเป็นทางเลือกที่มีแนวโน้มจะส่งเสริมนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษในปัจจุบัน
- การดำเนินการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางชั้นนำเริ่มต้นอย่างเชื่องช้าในเดือนม.ค. โดยมีการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางแคนาดาแห่งเดียว โดยแคนาดาขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ขณะที่นอร์เวย์ และญี่ปุ่นคงดอกเบี้ย แต่ในช่วงต้นเดือนก.พ.ก็พบว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ขึ้นดอกเบี้ย 0.50% และธนาคารกลางอังกฤษขึ้นดอกเบี้ย 0.50% เช่นกัน
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนานกว่าที่คาดไว้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดในสัปดาห์นี้
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,891.02 จุด ลดลง 34.99 จุด หรือ -0.10%,
- ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,111.08 จุด ลดลง 25.40 จุด หรือ -0.61% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,887.45 จุด ลดลง 119.50 จุด หรือ -1.00%
- นางคริสตาลินา กอร์เกียวา กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า จีนจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงนโนบายเพราะประเทศรายได้ต่ำไม่สามารถชำระหนี้ได้ สิ่งที่เรากำลังทำอยู่คือการนำกลุ่มเจ้าหนี้ทั้งหมด ทั้งเจ้าหนี้ดั้งเดิมจากกลุ่มประเทศชั้นนำทางเศรษฐกิจและเจ้าหนี้รายใหม่ อาทิ จีน ซาอุดีอาระเบีย และอินเดีย รวมไปถึงภาคเอกชน และนำพวกเขามาเปิดโต๊ะเจรจาร่วมกันกับกลุ่มประเทศลูกหนี้” โดยการพบปะดังกล่าวจะมีขึ้นเป็นครั้งแรกนอกรอบการประชุมกลุ่ม G20 ที่อินเดีย
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า จีนจำเป็นต้องดำเนินการมากขึ้นในการแก้ไขวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยภาคอสังหาริมทรัพย์มีสัดส่วนประมาณ 1 ใน 4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของจีน และเป็นปัจจัยถ่วงเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่ช่วงที่รัฐบาลจีนออกมาตรการควบคุมบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่พึ่งพาเงินกู้มากเกินไปในปี 2563
- ธนาคารต่าง ๆ ในจีนกำลังพยายามดึงดูดผู้บริโภคด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อรายย่อยที่หลากหลาย เนื่องจากทางการจีนต้องการให้ประชาชนใช้จ่ายเพิ่ม เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับเศรษฐกิจจีนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก
- ยอดค้าปลีกไตรมาส 4/2565 ของออสเตรเลียปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี เนื่องจากผู้ซื้อลดการใช้จ่ายซื้อสินค้า ซึ่งส่งสัญญาณว่าต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นมีส่วนควบคุมการใช้จ่าย ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกที่แท้จริงลดลง 0.2% ในไตรมาสที่ 4/65 แตะ 9.69 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย แต่ยังดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะลดลง 0.6% และจะฉุดการเติบโตทางเศรษฐกิจเล็กน้อย
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ความต้องการใช้น้ำมันในจีนจะฟื้นตัวหลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 74.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.05 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 80.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น ท่ามกลางความหวังที่ว่าความต้องการใช้น้ำมันในจีนจะฟื้นตัว หลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดและเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งขาเข้าและออก
- สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่า การขยายตัวของความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกในช่วงครึ่งแรกของปีนี้จะมาจากจีน โดยคาดว่าความต้องการเชื้อเพลิงเครื่องบินจะพุ่งขึ้นอย่างมาก
- นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังปรับตัวขึ้นจากรายงานที่ว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงในตุรกีและซีเรียเมื่อช่วงเช้าวานนี้ได้ส่งผลให้การส่งออกน้ำมันที่ท่าเรือซีย์ฮานในตุรกีต้องหยุดชะงักลง
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- ทางรัฐบาลจีนได้ยื่นประท้วงเรื่องที่สหรัฐยิงบอลลูนของจีนร่วง ซึ่งจีนอ้างว่าเป็นบอลลูนพลเรือนเพื่อการวิจัย ขณะที่ทางทหารฝ่ายอเมริกันกำลังกอบกู้ซากบอลลูนดังกล่าวบริเวณชายฝั่งเซาท์แคโรไลนา โดยสำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ทางสหรัฐสงสัยว่าบอลลูนดังกล่าวเป็นบอลลูนสอดแนม และละเมิดอำนาจอธิปไตยของสหรัฐ
- พรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) พรรคฝ่ายค้านของไต้หวันเปิดเผยว่า นายแอนดรูว์ เซี่ย รองประธานกรรมการพรรค จะเดินทางไปเยือนประเทศจีนในสัปดาห์นี้เพื่อเข้าพบกับหัวหน้าสำนักงานกิจการไต้หวันของจีน แม้ว่าสถานการณ์ทั้งทางการทหารและการเมืองยังคงตึงเครียดระหว่างทั้งสองฝ่าย
- อดีตนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ผู้เคยรับบทผู้ไกล่เกลี่ยในระยะเวลาสั้น ๆ ช่วงที่สงครามรัสเซีย-ยูเครนเพิ่งเริ่มต้นขึ้น ได้เปิดเผยคำสัญญาที่ว่านายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย จะไม่เอาชีวิตของนายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน
ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด
- ฮ่องกงกับจีนกลับมาเปิดพรมแดนระหว่างกันอย่างเต็มรูปแบบเมื่อวานนี้ โดยเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญฮ่องกงในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการสกัดโควิด-19
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน ระบุว่า ค่าเงินบาทยังคงถูกกดดันให้ผันผวนอ่อนค่าลง จากทั้งการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ โฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว รวมถึงแรงขายสินทรัพย์ไทยโดยนักลงทุนต่างชาติ โดยค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 33.73 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.70 บาทต่อดอลลาร์
- กระทรวงพาณิชย์ ระบุ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) เดือนม.ค. 66 ขยายตัว 5.02% ต่ำกว่าตลาดคาด โดยอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน ตามการชะลอตัวของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน และอาหาร ขณะที่อุปสงค์ในประเทศปรับตัวดีขึ้นจากภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้การใช้จ่ายในช่วงเทศกาลทั้งปีใหม่ และตรุษจีน คึกคักกว่าปีที่ผ่านมา ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมสินค้าหมวดอาหารสด และพลังงานในเดือนม.ค. 66 ขยายตัว 3.04% โดยกระทรวงพาณิชย์ คาดว่าแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในเดือนก.พ. 66 จะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง และเชื่อว่าจะไม่สูงถึง 5%
- โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 เปิดใช้สิทธิ์วันแรก 8 มีนาคมนี้ เริ่มเดินทางได้ระหว่างวันที่ 11 มีนาคม - 30 เมษายน 2566 ททท.คาดปั๊มรายได้ท่องเที่ยวหมุนเวียนกว่า 12,539 ล้านบาท
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง