ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 9.77 เหรียญ หรือ 0.53% อยู่ที่ระดับ 1,836.5 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 8.70 เหรียญ หรือ 0.47% ปิดที่ 1,845.40 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 2.40 เซนต์ หรือ 0.11% ปิดที่ 21.095 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 6.30 เหรียญ หรือ 0.66% ปิดที่ 961.80 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 2.61 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 912.69 ตันภาพรวมเดือนมีนาคม ขายสุทธิ 2.61 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 4.95 ตัน
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.66 จุด หรือ -0.63% มาอยู่ที่ระดับ 104.39 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.07 % มาอยู่ที่ระดับ 3.998% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.06 % มาอยู่ที่ระดับ 4.878% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.88% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
- ผู้ว่าการธนาคารกลางไต้หวัน เปิดเผย ก่อนการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปช่วงปลายเดือนนี้ว่า อัตราเงินเฟ้อของไต้หวันจะชะลอตัวลงสู่ระดับราว 2% ในปีนี้ แต่เศรษฐกิจจะไม่เข้าสู่ภาวะชะลอตัวและเงินเฟ้อสูง (stagflation) แม้ชะลอตัวก็ตาม ซึ่งในการประชุมรายไตรมาสครั้งสุดท้ายในเดือนธ.ค. ธนาคารกลางไต้หวันได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.125% สู่ระดับ 1.75% และส่งสัญญาณยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุม
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเพียงเล็กน้อยในวันพุธ ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 โดยตลาดถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นทะลุระดับ 4% หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่าภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการที่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุก
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,661.84 จุด เพิ่มขึ้น 5.14 จุด หรือ +0.02%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,951.39 จุด ลดลง 18.76 จุด หรือ -0.47%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,379.48 จุด ลดลง 76.06 จุด หรือ -0.66%
- กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวแบบชะลอตัวที่ 2.9% ในปีนี้ แต่จะฟื้นตัวขึ้นพอสมควรสู่การขยายตัวที่ 3.1% ในปี 2567 ทั้งนี้ ประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาคิดเป็นสัดส่วนใหญ่ของการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกในปีนี้ที่ประมาณ 4 ใน 5 โดยเฉพาะอินเดียนั้นคาดว่าจะคิดเป็นสัดส่วนกว่า 15%
- สมาคมหอการค้าอเมริกันในประเทศจีน (AmCham China) ระบุว่า บริษัทสหรัฐที่เข้าไปดำเนินธุรกิจในประเทศจีนมีมุมมองเป็นลบมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน โดยนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 25 ปีของสมาคมหอการค้าอเมริกันที่บริษัทผู้เข้าร่วมการสำรวจต่างก็มีความเห็นไปในทางเดียวกันว่า “จีนไม่ได้อยู่ในอันดับ 1 ใน 3 จุดหมายปลายทางด้านการลงทุนยอดนิยมที่สุดของบริษัทสหรัฐอีกต่อไป”
- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน เดือนก.พ.อยู่ที่ระดับ 52.6 เพิ่มขึ้นจากระดับ 50.1 ในเดือนม.ค. และเป็นการขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2555 โดยได้แรงหนุนจากการที่ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมากขึ้นหลังจากรัฐบาลจีนประกาศยกเลิกการใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ ขณะเดียวกันดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.พ.อยู่ที่ระดับ 56.3 พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากระดับ 54.4 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัว
- ยอดส่งออกของเกาหลีใต้ลดลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันในเดือนก.พ. เนื่องจากอุปสงค์สำหรับเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกอ่อนแอลงท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
- สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2565 ขยายตัวเพียง 0.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ที่ขยายตัว 0.7% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.8%
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ หลังจากจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลก เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจะช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 64 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 77.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 84.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีกำหนดเปิดการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ในวันอาทิตย์ที่ 5 มี.ค.นี้ และจะมีการปรับคณะบริหารรัฐบาลครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 10 ปี ในขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง รวบอำนาจเบ็ดเสร็จในการปกครองประเทศ ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า รัฐบาลจีนอาจจะกำหนดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2566 เอาไว้ในกรอบ 5-6% เพื่อควบคุมอัตราว่างงานไม่ให้สูงเกินไป และอาจจะมีการประกาศมาตรการต่าง ๆ ที่พุ่งเป้ากระตุ้นการอุปโภคบริโภคและการลงทุนจากต่างประเทศ
- รัฐสภายุโรปสั่งให้ลบติ๊กต๊อก (Tiktok) แอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียจากบริษัทไบต์แดนซ์ของจีน ออกจากอุปกรณ์ของเจ้าหน้าที่ ตามรอยคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) และสภาสหภาพยุโรป (EU Council) ซึ่งตอกย้ำถึงความวิตกกังวลที่เพิ่มสูงขึ้นเกี่ยวกับติ๊กต๊อก และผู้ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานได้
- นายจิม ชาลเมอร์ส รัฐมนตรีคลังออสเตรเลียเปิดเผยว่า ออสเตรเลียยังไม่ได้รับคำแนะนำจากหน่วยงานความมั่นคงให้ดำเนินการตามสหรัฐ รัฐสภายุโรป และแคนาดา ที่สั่งแบนแอปพลิเคชันติ๊กต๊อก (TikTok) ของจีนจากอุปกรณ์ของรัฐบาล
- จีนกล่าวหาว่าสหรัฐกระทำการเกินกว่าเหตุ หลังจากทำเนียบขาวออกคำสั่งให้พนักงานภาครัฐลบแอปพลิเคชันติ๊กต๊อก (TikTok) ออกจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่รัฐบาลเป็นผู้จัดหา
- กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุว่า ตรวจพบเครื่องบินของกองทัพจีนรุกล้ำเขตป้องกันภัยทางอากาศไต้หวันทั้งหมด 19 ลำในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการคุกคามตามปกติจากจีน
ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด
- ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐ (FBI) ได้ทำการประเมินว่า ไวรัสโควิด-19 ที่หลุดออกมาจากห้องแล็บในเมืองอู่ฮั่นของจีนนั้นอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดการแพร่ระบาดทั่วโลก
- ญี่ปุ่นประกาศยุติการปูพรมตรวจเชื้อโควิด-19 ผู้มาเยือนจากจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนผ่อนคลายการคุมเข้มพรมแดน เนื่องจากนักเดินทางจากจีนที่มีผลตรวจเชื้อเป็นบวกนั้นมีอัตราต่ำนับตั้งแต่ปลายเดือนม.ค.
- ฮ่องกงเพิ่งยุติกฎการสวมหน้ากากอนามัยที่บังคับใช้มาอย่างยาวนานมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงสวมหน้ากากอนามัยตามท้องถนนและบนรถโดยสารสาธารณะ
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 34.69 บาทต่อดอลลาร์ "แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.78 บาทต่อดอลลาร์ ทั้งนี้ เงินบาทจะยังคงไม่กลับตัวมาเป็นฝั่งแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องแต่หากอัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซนออกมาสูงกว่าคาดอาจช่วยชะลอการอ่อนค่าในช่วงนี้
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนก.พ.66 ปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 50 ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน โดยอยู่ที่ระดับ 50.6 เพิ่มขึ้นจากระดับ 49.8 ในเดือนม.ค.66 ตามความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการ คำสั่งซื้อ และการจ้างงานที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ และเป็นการปรับดีขึ้นของดัชนีความเชื่อมั่นทั้งในภาคที่มิใช่การผลิตและภาคการผลิต
- กกร. คาดว่าการส่งออกของไทยในปี 66 มีโอกาสหดตัวในกรอบ -1 ถึง 0% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 1-2% ซึ่งสอดคล้องกับการส่งออกประเทศคู่แข่งของไทยในภูมิภาค เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ที่มีทิศทางหดตัวเช่นเดียวกัน โดยได้รับผลกระทบจากกิจกรรมภาคการผลิตของโลกที่ยังอยู่ในภาวะหดตัว รวมถึงการปรับสมดุลระดับสินค้าคงคลัง หลังจากความต้องการสินค้าที่เคยได้อานิสงส์จากโควิด-19 อยู่ในช่วงขาลง โดยเฉพาะสินค้าเกี่ยวกับ work from home คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ตาม กกร.มองว่า เศรษฐกิจไทยจะไม่เกิด technical recession (ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเชิงเทคนิค) แม้ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ในไตรมาส 4/65 จะหดตัว 1.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/65 แต่คาดว่าในไตรมาส 1/66 จะไม่หดตัวต่อจนกลายเป็น technical recession โดยการท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหลักในการสนับสนุนเศรษฐกิจในไตรมาสแรกให้ฟื้นตัวได้ และคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปี จะเพิ่มสูงถึง 25-30 ล้านคน สูงกว่าประมารการเดิมที่ราว 22 ล้านคน กกร. จึงคงคาดการณ์ GDP ทั้งปี 66 ไว้ที่ขยายตัว 3.0-3.5% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ที่ 2.7-3.2% ตามกรอบเดิม
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง