• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 3 มีนาคม 2566

    3 มีนาคม 2566 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยฉุดตลาด


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -0.79 เหรียญ หรือ -0.04% อยู่ที่ระดับ 1,835.51 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 4.90 เหรียญ หรือ 0.27% ปิดที่ 1,840.50 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 19.40 เซนต์ หรือ 0.92% ปิดที่ 20.901 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.40 เหรียญ หรือ 0.15% ปิดที่ 963.20 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 912.69 ตันภาพรวมเดือนมีนาคม ขายสุทธิ 2.61 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 4.95 ตัน


  • ตลาดทองคำยังถูกกดดันจากความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานกว่าที่คาดไว้ หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 190,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 195,000 ราย


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.55 จุด หรือ 0.53% มาอยู่ที่ระดับ 104.94 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.06 % มาอยู่ที่ระดับ 4.06% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 4.889% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.83% 


  • นายราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตากล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อที่สูงต่อเนื่องจะไม่บังคับให้เฟดต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เสมอไป แต่นโยบายการเงินจะต้องตึงตัวต่อไปจนกว่าจะเข้าสู่ปีหน้า และอัตราดอกเบี้ยต้องเพิ่มขึ้นสู่กรอบ 5.00-5.25% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับที่ผู้กำหนดนโยบายของเฟดส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ในเดือนธ.ค. และเขาก็ลงความเห็นไว้เช่นกัน


  • นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมหลังเดือนมี.ค.นั้นถือเป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้ โดยทั้งนี้ต้องพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจเป็นหลัก


  • ประธานธนาคารกลางเยอรมนี คาดว่า อีซีบีจะมีการขึ้นดอกเบี้ยแบบมีนัยสำคัญอีกหลังเดือนมี.ค. ซึ่งอีซีบีได้ระบุไว้แล้วว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% และเขากล่าวว่า "การขึ้นดอกเบี้ยที่ประกาศไว้สำหรับเดือนมี.ค.จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย การขึ้นดอกเบี้ยแบบมีนัยสำคัญอีกอาจจะจำเป็นหลังจากนั้นด้วย"


  • ผู้ว่าการธนาคารกลางฝรั่งเศส ระบุว่า อีซีบีควรจะทยอยขึ้นดอกเบี้ยแบบทีละน้อยมากขึ้น และยุติการขึ้นดอกเบี้ยภายในเดือนก.ย.เป็นอย่างช้าที่สุด


  • ผู้ว่าการธนาคารกลางอิตาลี เรียกร้องให้อีซีบีทยอยขึ้นดอกเบี้ย พร้อมระบุว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังส่งสัญญาณลดลง


  • ตลาดคาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยเงินฝากของอีซีบีจะแตะระดับสูงสุดที่ 4% ในเดือนธ.ค. จาก 2.5% ในปัจจุบัน โดยจะปรับตัวรับการขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% ในเดือนพ.ค. และจะปรับดอกเบี้ยขึ้นอีกต่อเนื่องตลอดทั้งปีนี้


  • นายฮาจิเมะ ทาคาตะ กรรมการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) กล่าวว่า บีโอเจต้องคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษ "อย่างอดทน" ต่อไป เพราะญี่ปุ่นยังไม่เห็นอัตราเงินเฟ้อบรรลุเป้าหมาย 2% ของบีโอเจที่มีการขึ้นค่าจ้างสนับสนุนอย่างยั่งยืน


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันพฤหัสบดี หลังจากนายราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา สนับสนุนให้เฟดชะลอความแรงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,003.57 จุด พุ่งขึ้น 341.73 จุด หรือ +1.05%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,981.35 จุด เพิ่มขึ้น 29.96 จุด หรือ +0.76% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,462.98 จุด เพิ่มขึ้น 83.50 จุด หรือ + 0.73%


  • เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฟิทช์ ระบุว่า เศรษฐกิจเยอรมนีและอิตาลีไม่เพียงแต่จะเผชิญกับการหดตัว แต่อาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยด้วย ขณะที่เศรษฐกิจของอังกฤษนั้นอาจจะเผชิญกับภาวะถดถอยแล้วนอกจากนี้ เศรษฐกิจสหรัฐยังมีความเสี่ยงที่จะถดถอยเล็กน้อยไปจนถึงสิ้นปี 2566″ 


  • รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า กำไรก่อนหักภาษีของบริษัทญี่ปุ่นลดลง 2.8% ในไตรมาส 4/2565 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 8 ไตรมาส เนื่องจากผลกระทบของต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น


  • กระทรวงการคลังญี่ปุ่นรายงานว่า บริษัทญี่ปุ่นยังคงเพิ่มการใช้จ่าย แม้เผชิญกับอุปสรรคหลายด้าน ซึ่งรวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยข้อมูลดังกล่าวอาจเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2565 ทั้งนี้ การใช้จ่ายด้านทุนของบริษัทญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 7.7% ในไตรมาส 4/2565 เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 12.44 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 7 ไตรมาส


  • รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หากปราศจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมชิปเซมิคอนดักเตอร์ การฟื้นตัวของภาคการส่งออกย่อมต้องเผชิญกับข้อจำกัดและความยากลำบากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทั้งนี้ การส่งออกของเกาหลีใต้ปรับตัวลดลง 7.5% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งนับเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน โดยยอดส่งออกชิปเซมิคอนดักเตอร์ร่วงลง 42.5% เมื่อเดือนที่แล้ว

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี ขานรับสัญญาณบ่งชี้การฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลก นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นายราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา สนับสนุนให้เฟดชะลอความแรงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 78.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ หรือ 0.52% ปิดที่ 84.75 ดอลลาร์/บาร์เรล


ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ


  • จีนส่งเครื่องบินรบบินเข้าใกล้ไต้หวันเป็นจำนวนมากที่สุดในรอบเกือบ 2 เดือน โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่สหรัฐอนุมัติขายอาวุธมูลค่า 619 ล้านดอลลาร์ให้กับไต้หวัน เพื่อการใช้งานร่วมกับเครื่องบินขับไล่ F-16


  • คณะกรรมาธิการการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐลงมติเห็นชอบตามแนวทางของพรรคด้วยคะแนนเสียง 24 ต่อ 16 ในการให้อำนาจประธานาธิบดีโจ ไบเดนในการแบนติ๊กต๊อก (TikTok) แอปโซเชียลมีเดียของบริษัทไบต์แดนซ์จากจีน


  • สถาบันนโยบายยุทธศาสตร์แห่งออสเตรเลีย (ASPI) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิเคราะห์ด้านความมั่นคงเปิดเผยว่า เทคโนโลยีอุบัติใหม่ (Emerging Technologies) ของจีนแซงหน้าสหรัฐมากถึง 37 ประเภทจากทั้งหมด 44 ประเภท เนื่องจากหลายประเทศในฝั่งตะวันตกซึ่งรวมถึงสหรัฐนั้นสูญเสียความสามารถในการแข่งขันระดับโลกด้านงานวิจัย


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.80 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.78 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.65-34.95 บาทต่อดอลลาร์


  • สภาพัฒน์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ด้านแรงงานไตรมาส 4/65 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากการขยายตัวของการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม ขณะที่การจ้างงานภาคเกษตรกรรมยังคงหดตัวต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2 ทั้งนี้ การจ้างงานขยายตัว 1.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการจ้างงานในสาขานอกภาคเกษตรกรรมที่เพิ่มขึ้น 3.4% จากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว ส่วนภาคเกษตรกรรม การจ้างงานหดตัว 3.4% อย่างไรก็ดี ในไตรมาส 3/65 หนี้สินครัวเรือนมีมูลค่า 14.90 ล้านล้านบาท ขยายตัว 3.9% จาก 3.5% ของไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดแรงงานที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่สัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP อยู่ที่ 86.8% ลดลงจาก 88.1% จากไตรมาสที่ผ่านมา


  • สภาพัฒน์ กล่าวว่า ไทยอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างภาษี เนื่องจากปัจจุบันการจัดเก็บภาษีอยู่ที่ 13% ต่อ GDP ซึ่งถ้ามีสวัสดิการต่างๆ เพิ่มขึ้น ก็ต้องหาทางเก็บภาษีเพิ่มเพื่อให้มีรายได้มากขึ้น แต่ทั้งนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดว่ากระทรวงการคลังจะปรับโครงสร้างอย่างไร


  • กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือนม.ค.66 โดยมูลค่าการส่งออก อยู่ที่ 20,249 ล้านดอลลาร์ หดตัว 4.5% จากตลาดคาดราว -1.4 ถึง -1.8% โดยการส่งออกลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ต่อจากเดือนธ.ค.65 ที่ลดลง 14.6% ขณะที่มูลค่าการนำเข้า อยู่ที่ 24,899 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5.5% ส่งผลให้ในเดือนม.ค. ไทยขาดดุลการค้า 4,649 ล้านดอลลาร์ สูงสุดในรอบ 10 ปี

 

 

ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com