ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีในวันพฤหัสบดี โดยได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณใกล้ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 23.53 เหรียญ หรือ 1.19% อยู่ที่ระดับ 1,992.9 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 46.30 เหรียญ หรือ 2.37% ปิดที่ 1,995.90 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. 2565
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ หรือ 2.06% ปิดที่ 23.256 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 5.90 เหรียญ หรือ 0.60% ปิดที่ 992.90 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 2.31 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 925.42 ตันภาพรวมเดือนมีนาคม ซื้อสุทธิ 10.12 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 7.78 ตัน
- โกลด์แมน แซคส์ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ราคาทอง พร้อมกับระบุว่าทองเป็นสินทรัพย์ที่ดีที่สุดในการป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน โดยโกลด์แมน แซคส์คาดว่าราคาทองจะพุ่งแตะระดับ 2,050 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 1,950 ดอลลาร์
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.1 จุด หรือ 0.1% มาอยู่ที่ระดับ 102.6 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.02 % มาอยู่ที่ระดับ 3.428% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.1 % มาอยู่ที่ระดับ 3.841% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.41%
- นายพาวเวลได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินในวันพุธที่ผ่านมมา ด้วยการพูดถึงระบบธนาคารของสหรัฐว่า ระบบธนาคารของเรายังคงแข็งแกร่งและมีความยืดหยุ่น โดยมีฐานเงินทุนและสภาพคล่องที่มากเพียงพอ เฟดยังคงติดตามสถานการณ์ในระบบธนาคารอย่างใกล้ชิด และเราพร้อมที่จะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อปกป้องระบบธนาคารให้มีความปลอดภัยและแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันเฟดยังคงยึดมั่นในจุดยืนที่จะฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%
- ธนาคารกลางของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (CBUAE) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 4.9% ในวันนี้ (23 มี.ค.) เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เนื่องจากค่าเงินเดอร์แฮมของ UAE ผูกติดอยู่กับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
- ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สู่ระดับ 1.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ โดยเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันครั้งที่ 4 และสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
- ธนาคารกลางฮ่องกง (HKMA) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 5.25% ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับเดียวกัน
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ให้คำมั่นว่าจะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อปกป้องเงินฝากธนาคารของชาวอเมริกัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณใกล้ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,105.25 จุด เพิ่มขึ้น 75.14 จุด หรือ +0.23%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,948.72 จุด เพิ่มขึ้น 11.75 จุด หรือ +0.30%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,787.40 จุด เพิ่มขึ้น 117.44 จุด หรือ +1.01%
- ธนาคารเครดิต สวิสเปิดเผยว่า ธนาคารได้ว่าจ้าง นายกวง คิน มุน ให้ดำรงตำแหน่งรองประธานคนใหม่ฝ่ายการบริหารความมั่งคั่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- กลุ่มนักลงทุนและกลุ่มธุรกิจในสหรัฐเตรียมยื่นฟ้องร้องดำเนินคดีกับรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ได้ตัดมูลค่าของตราสารทางการเงินที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Additional Tier 1) หรือ AT1 มูลค่า 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ของธนาคารเครดิต สวิส ลงเหลือศูนย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการเทกโอเวอร์กิจการโดยธนาคารยูบีเอส
- นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า บรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) ไม่ได้พิจารณาที่จะรับประกันเงินฝากธนาคารทั้งหมด หลังจากเกิดเหตุการณ์ธนาคารสำคัญของสหรัฐล้ม 2 แห่งในเดือนนี้
- นายจิม เครเมอร์ ระบุว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเมื่อวันพุธนั้น ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐทรุดตัวลง แต่ความจริงแล้วเป็นผลพวงมาจากการแสดงความเห็นที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นของนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ ที่กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐจะไม่โอบอุ้มผู้ถือหุ้น ผู้ถือตราสารหนี้ หรือผู้ฝากเงินในธนาคารที่เพิ่งล้มไปเมื่อไม่นานมานี้
- ผู้บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันด์เพอร์ชิง สแควร์ (Pershing Square) ได้ออกมาแสดงความกังวลว่า ระบบธนาคารสหรัฐอาจจะเผชิญกระแสเม็ดเงินฝากไหลออกมากขึ้น หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวว่า รัฐบาลจะไม่ทำการรับประกันเงินฝากธนาคารทั้งหมด
- ฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ (FRB) ซึ่งเป็นธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐ หลังจากธนาคารขนาดใหญ่ 11 แห่งในวอลล์สตรีทได้พร้อมใจกันอัดฉีดเงินรวม 3 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับ FRB เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ฟิทช์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของ FRB ลงสู่ระดับ “B” จากระดับ “BB” โดยระบุว่าการระดมทุนครั้งล่าสุดของ FBR มีต้นทุนที่สูงมาก
- นางเจน เฟรเซอร์ ของธนาคารซิตี้กรุ๊ป แสดงความเชื่อมั่นว่า ระบบธนาคารของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง แม้การล้มละลายของธนาคารบางแห่งได้สั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน แต่สถานการณ์ดังกล่าวจะไม่ก่อให้เกิดวิกฤตการณ์สินเชื่อในระบบธนาคารของสหรัฐ พร้อมยืนยันว่า ซิตี้กรุ๊ปซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐไม่มีความสนใจที่จะเข้าซื้อกิจการของธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ (FRB) ซึ่งเป็นธนาคารในระดับภูมิภาคของสหรัฐ
- ธนาคารซิตี้กรุ๊ป เตือนว่า แอปพลิเคชันธนาคารบนโทรศัพท์มือถือ และการที่ลูกค้าสามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้หลายล้านดอลลาร์เพียงแค่ใช้นิ้วคลิกปุ่มบนโทรศัพท์นั้น อาจจะทำให้บรรดานายธนาคารและหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลต้องปรับเปลี่ยนแนวทางในการป้องกันความเสี่ยงจากปัญหาการแห่ถอนเงินออกจากธนาคาร (bank run)
- ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยว่า บริษัทการเงินของเกาหลีใต้กำลังเผชิญกับความเสี่ยงเพียงเล็กน้อยจากปัญหาที่ธนาคารสหรัฐและธนาคารสวิส แต่บริษัทการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารบางแห่งอาจต้องเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา
- สภาผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจของเยอรมนี (GCEE) เปิดเผยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของเยอรมนีจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้อย่างฉิวเฉียดในปี 2566 โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จะเติบโต 0.2%
- หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางนิวซีแลนด์เปิดเผยว่า อัตราดอกเบี้ยของนิวซีแลนด์อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง และเป็นสาเหตุที่ทำให้อุปสงค์ในระบบเศรษฐกิจชะลอตัวลงตามเป้าหมายการควบคุมเงินเฟ้อของธนาคารกลาง อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนว่า ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของนิวซีแลนด์อยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้แล้วหรือไม่
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี หลังจากนางเจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานสหรัฐระบว่า การเติมเต็มคลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐ (SPR) อาจต้องใช้เวลานานหลายปี
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 94 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 69.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 78 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 75.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
- นางแกรนโฮล์มแถลงต่อสภาคองเกรสว่า การเติมเต็มคลังสำรองน้ำมัน SPR อาจต้องใช้เวลานานหลายปี หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนมีคำสั่งให้ระบายน้ำมันออกจากคลังดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในคลังลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 40 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2526
- สถาบันวิจัยวู้ด แมคเคนซี (Wood Mackenzie) เปิดเผยว่า จีนจะครองสัดส่วน 40% ของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวใหม่หลังจากการยกเลิกนโยบายล็อกดาวน์โควิด-19 ที่เข้มงวด แต่อย่างไรก็ตาม ความต้องการน้ำมันของจีนที่เพิ่มสูงขึ้นจะไม่ทำให้ราคาน้ำมันให้กลับไปอยู่ในระดับปี 2565 ทั้งนี้ จากรายงานระบุว่า ในการคาดการณ์ตามสถานการณ์ปกติตามที่ควรจะเป็น เศรษฐกิจของจีนจะโตขึ้น 5.5% ในปีนี้ ซึ่งนั่นหมายความว่าจีนจะต้องการน้ำมันเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) จากอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่าง ประเทศ
- กองทัพจีนเปิดเผยว่า ได้เฝ้าติดตามและขับไล่เรือพิฆาตของสหรัฐลำหนึ่งที่ล้ำเข้ามาในน่านน้ำรอบหมู่เกาะพาราเซลในทะเลจีนใต้อย่างผิดกฎหมาย
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน ระบุว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 34.05 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.08 บาทต่อดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทอาจแกว่งตัว sideways ในกรอบ 33.95-34.20 บาทต่อดอลลาร์ แรงหนุนจากแรงซื้อหุ้นไทยที่เริ่มทยอยกลับเข้ามาบ้าง
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คงประมาณการ GDP ปี 2566 นี้ที่ 3.7% แต่ปรับลดการส่งออกลงเหลือ -1.2% จากเดิม -0.5% ขณะที่สถานการณ์ท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฟื้นตัวชัดเจนในช่วงไตรมาสแรก โดยคาดว่าทั้งปีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าจะอยู่ที่ราว 28.5 ล้านคน
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง