ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ในวันอังคาร โดยตลาดยังคงได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 35.6 เหรียญ หรือ 1.79% อยู่ที่ระดับ 2,019.97 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 37.80 เหรียญ หรือ 1.89% ปิดที่ 2,038.20 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. 2565
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.08 เหรียญ หรือ 4.50% ปิดที่ 25.101 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 32.60 เหรียญ หรือ 3.27% ปิดที่ 1,029.00 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 930.04 ตันภาพรวมเดือนเมษายน ซื้อสุทธิ 2.02 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 12.4 ตัน
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.49 จุด หรือ -0.48% มาอยู่ที่ระดับ 101.52 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.07 % มาอยู่ที่ระดับ 3.344% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.13 % มาอยู่ที่ระดับ 3.836% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.49%
- เงินหยวนแซงหน้าดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุดในรัสเซีย ซึ่งเกิดขึ้นเพียง 1 ปีหลังจากรัสเซียส่งทหารปฏิบัติการโจมตียูเครน และเป็นเหตุให้รัสเซียถูกคว่ำบาตรโดยชาติตะวันตก
- ธนาคารกลางฮ่องกงเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราด้วยการซื้อสกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกงมูลค่า 7.1 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งเป็นการแทรกแซงตลาดครั้งแรกในรอบ 7 สัปดาห์ หลังจากสกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกงอ่อนค่าลงทะลุกรอบล่างที่ธนาคารกลางกำหนดไว้
- สำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) จะเดินหน้าใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 ในเดือนนี้ เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในสิงคโปร์ยังคงสูงมาก อันเป็นผลมาจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่เกิดขึ้นทั่วโลก
- ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3.6% ในการประชุม ซึ่งเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ RBA เริ่มวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนเม.ย. 2565
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจและแรงงานที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกเพื่อสกัดเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมานั้น อาจส่งผลให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอย
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,402.38 จุด ลดลง 198.77 จุด หรือ -0.59%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,100.60 จุด ลดลง 23.91 จุด หรือ -0.58%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,126.33 จุด ลดลง 63.13 จุด หรือ -0.52%
- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) ประจำเดือนก.พ. พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงานปรับตัวลง 632,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 9.9 ล้านตำแหน่งในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2564 และต่ำกว่าระดับ 10 ล้านตำแหน่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2564 รวมทั้งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 10.4 ล้านตำแหน่ง
- ธนาคารโลกเผยแพร่รายงานคาดการณ์เศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก (EAP) ฉบับล่าสุดเดือนเม.ย. 2566 โดยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจะขยายตัว 5.1% ในปีนี้ จากที่เคยคาดการณ์ในเดือนต.ค.ว่าจะขยายตัว 4.6% หลังจากที่ขยายตัว 3.5% ในปี 2565
- ADB คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียจะเติบโต 4.8% ทั้งในปีนี้และปีหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการขยายตัว 4.2% ในปี 2565 โดยกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในที่นี้หมายถึงสมาชิกระดับภูมิภาค 46 แห่งของ ADB ยกเว้นญี่ปุ่น
- ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยว่า การขยายตัวของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเกาหลีใต้ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปีในเดือนมี.ค. ซึ่งนับเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่า เงินเฟ้ออาจชะลอตัวลงในปีนี้ ทั้งนี้ ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 4.2% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายปี ชะลอตัวลงจากที่เพิ่มขึ้น 4.8% ในเดือนก.พ. และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่การปรับตัวขึ้น 4.1% ในเดือนมี.ค.ปี 2565
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเพียงเล็กน้อยในวันอังคาร หลังจากจีนและสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจอาจจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน และยังได้บดบังปัจจัยบวกจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันอีกกว่า 1 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปี 2566
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 29 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 80.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1 เซนต์ ปิดที่ 84.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
- นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของ S&P Global Commodity Insights คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 7.5 ล้านบาร์เรล, สต็อกเบนซินลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 140,000 บาร์เรล
- นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรหรือโอเปกพลัส ประกาศลดกำลังการผลิตอย่างเหนือความคาดหมายนั้น ถือเป็นการดำเนินการที่ไม่สร้างสรรค์ เพราะจะส่งผลให้แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกเผชิญกับความไม่แน่นอน และเป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้บริโภคในช่วงเวลาที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงมาก
- นายอัลเบิร์ต พาร์ก หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ระบุว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นจะทำให้รัฐบาลในเอเชียต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบากเพื่อจัดการกับปัญหาเงินเฟ้อสูง ทั้งนี้ นายพาร์กกล่าวว่า ประเทศส่วนใหญ่ของเอเชียล้วนเป็นผู้นำเข้าน้ำมัน เช่น อินโดนีเซีย และประเทศในเอเชียกลาง โดยการที่โอเปกพลัสมีมติลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มเติมจะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งทะยานขึ้น
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- นางซาบรินา ซิงห์ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐเปิดเผยว่า บอลลูนสอดแนมของจีนที่ล่วงล้ำเข้าสู่น่านฟ้าสหรัฐในช่วงปลายเดือนม.ค.และเดือนก.พ. นั้น ได้เก็บรวบรวมข้อมูลข่าวกรองจากฐานทัพสหรัฐหลาย ๆ แห่ง แต่สหรัฐสามารถดำเนินการเพื่อจำกัดการเก็บข้อมูลโดยบอลลูนดังกล่าว
- จีนออกมาเตือนนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐว่า “อย่าทำผิดซ้ำซากเช่นเดียวกับในอดีต” และอย่าพบปะกับนางไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน โดยระบุว่า การกระทำดังกล่าวไม่ได้ช่วยสร้างสันติภาพและเสถียรภาพให้เกิดขึ้นในภูมิภาค หากแต่จะเป็นการรวมประชาชนจีนให้เป็นหนึ่งโดยการมีศัตรูร่วมกันเท่านั้น
- กระทรวงกลาโหมสหรัฐเปิดเผยว่า จีนส่งเรือดำน้ำติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์อย่างน้อย 1 ลำออกทะเลอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งแรก ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อสหรัฐและชาติพันธมิตรที่พยายามตอบโต้กำลังทหารของจีนที่เพิ่มขึ้น
- ฟิลิปปินส์เปิดฐานทัพใหม่ทั้ง 4 แห่งนี้ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือกลาโหมฉบับปรับปรุง (Enhanced Defense Cooperation Arrangement : EDCA) โดยจะอนุญาตให้สหรัฐสามารถสับเปลี่ยนกำลังทหารภายในฐานทัพทั้งหมด 9 แห่งทั่วฟิลิปปินส์ ซึ่งรวมถึงฐานทัพบนเกาะบาราบัก ที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์และอยู่ใกล้กับเกาะเทียมของจีนในทะเลจีนใต้
- รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนเรียกร้องญี่ปุ่นไม่ให้สนับสนุนมาตรการของสหรัฐในการควบคุมการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ให้กับจีน ขณะที่สหรัฐยังคงพยายามเกลี้ยกล่อมให้ประเทศต่าง ๆ สนับสนุนข้อจำกัดการส่งออกชิปให้กับจีน
- นายหวัง โซวเหวิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน แสดงความกังวลต่อการตรวจสอบของออสเตรเลียในการดำเนินงานของบริษัทจีนในออสเตรเลีย แต่ในขณะเดียวกันก็ระบุถึงโอกาสความเป็นไปได้มากขึ้นในด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า
- รัฐบาลออสเตรเลียเปิดเผยว่า จะดำเนินการลบติ๊กต๊อก (TikTok) แอปพลิเคชันวิดีโอสั้นชื่อดังของจีนบนอุปกรณ์ของรัฐบาลกลางทั้งหมด เนื่องจากวิตกกังวลด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่เกิดขึ้นหลังชาติตะวันตกหลายประเทศสั่งแบนติ๊กต๊อกเช่นกัน
- เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) กำลังเรียกร้องให้ชาติพันธมิตรบริจาคเงิน 500 ล้านยูโรต่อปี เพื่อช่วยเหลือยูเครนด้วยการให้การสนับสนุนที่ไม่ใช่อาวุธและการช่วยเหลืออื่น ๆ ในระยะยาว
- นายโวโลดิน ซึ่งเป็นคนสนิทของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวว่า การสังหารนายวลาดเลน ทาทาร์สกี บล็อกเกอร์สายทหารชื่อดังในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดจากก่อการร้ายของยูเครน โดยการที่สหรัฐและเบลเยียมสนับสนุนยูเครนได้นำไปสู่การสร้างรัฐก่อการร้ายในใจกลางยุโรป
- สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การต่อสู้อย่างดุเดือดในเมืองบัคมุตของยูเครนและพื้นที่โดยรอบยังคงดำเนินต่อไป ในขณะที่ยูเครนถากถางรัสเซียว่า บัคมุตเป็นของยูเครน รัสเซียไม่ได้ยึดครองอะไรไปเลย และห่างไกลจากการทำเช่นนั้น
ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด
- ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพของจีนแนะให้คลายกฎการสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ ยกเว้นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและสถานบริการที่มีความเสี่ยงสูงอื่น ๆ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ใกล้จะสิ้นสุดลงและการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ในประเทศลดลง
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน ระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นแรง ตามการปรับตัวลงของเงินดอลลาร์และการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ (ทะลุโซนแนวต้านแถว 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้สำเร็จ) โดยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 34.00 บาทต่อดอลลาร์ "แข็งค่าขึ้นมาก” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.22 บาทต่อดอลลาร์ และคาดว่าจะเคลื่อนตัวอยู่ที่ระดับ 33.85-34.10 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดรอแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงาน PMIเดือนมีนาคม
- มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 66 คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัด 125,203 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17.3% โดยจะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้โตเพิ่มขึ้นอีก 0.5-0.7% จากประมาณการเดิม
- ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ระบุว่า การส่งออกของไทยในปี 2566 มีปัจจัยที่ท้าทายมากขึ้น และมีโอกาสที่จะเติบโตได้ไม่ถึง 1% แต่ทั้งนี้ สรท.ยังคงเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ไว้ตามเดิมที่ 1-2% ไปก่อน และรอให้คณะกรรมการชุดใหม่มีการประเมินและตัดสินใจอีกครั้ง
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง