ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร เนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยหนุนตลาด
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 10.1 เหรียญ หรือ 0.51% อยู่ที่ระดับ 2,004.97 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 12.70 เหรียญ หรือ 0.63% ปิดที่ 2,019.70 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 17.50 เซนต์ หรือ 0.70% ปิดที่ 25.263 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 37.70 เหรียญ หรือ 3.56% ปิดที่ 1,097.30 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 1.45 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 924.25 ตันภาพรวมเดือนเมษายน ขายสุทธิ 3.77 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 6.61 ตัน
- นักวิเคราะห์จากบริษัท FXTM กล่าวว่า การอ่อนค่าของดอลลาร์และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐช่วยพยุงราคาทองคำฟื้นตัว หลังจากราคาดิ่งลงไปกว่า 2% ในช่วง 2 วันทำการก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี คาดว่าราคาทองจะผันผวนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากการแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.4 จุด หรือ -0.39% มาอยู่ที่ระดับ 101.71 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.03 % มาอยู่ที่ระดับ 3.581% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง 0.0 % มาอยู่ที่ระดับ 4.199% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.62%
- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ เปิดเผยรายงานระบุว่า ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อระยะสั้นอาจจะเป็นปัจจัยที่สำคัญกว่าที่ต้องจับตาในขณะนี้ ซึ่งสวนทางกับเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนที่มีแนวโน้มจะพุ่งความสนใจไปที่ข้อมูลตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาวที่จะเป็นเครื่องมือในการคาดการณ์แรงกดดันด้านราคาทั่วโลกที่แท้จริง
- นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อต่อไป และเขามองว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เผชิญภาวะถดถอยในเร็ว ๆ นี้
- นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้ง ก่อนที่จะพักการดำเนินการด้านดอกเบี้ยเพื่อพิจารณาถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากการที่เฟดใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน
- คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า สหรัฐและยูโรโซนไม่ควรมองว่าสถานะของดอลลาร์และยูโรในตลาดโลกจะสิ้นสุดลงในเร็วๆ นี้ ในขณะที่จีนและรัสเซียพยายามที่จะสร้างระบบของตนเอง และเริ่มมีการตั้งคำถามต่อสถานะดังกล่าวของดอลลาร์ในช่วงนี้ หลังจากจีนก้าวขึ้นมาเป็นประเทศมหาอำนาจ, สหรัฐประสบปัญหาหนี้สินเพิ่มสูง และมีความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศทั้งในเรื่องยูเครนและไต้หวัน
- ธนาคารกลางจากหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเริ่มระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วในปีนี้ หลังจากธนาคารกลางทั่วโลกพยายามไล่ให้ทันการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปี 2565 ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ของ BofA ระบุว่า เงินเฟ้อในตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย แตะระดับสูงสุดแล้วและเริ่มลดลง ขณะเดียวกันกลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า ธนาคารกลางบางประเทศอาจมาถึงจุดสิ้นสุดของวงจรการคุมเข้มนโยบายการเงินแล้วและเริ่มเปลี่ยนมามุ่งความสนใจไปยังการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านการลดอัตราดอกเบี้ย โดยซิตี้และ ING อยู่ในกลุ่มนักวิเคราะห์ที่มองว่า จะเกิดความเคลื่อนไหวลักษณะนี้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เป็นอย่างเร็ว
- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) กำลังพิจารณาการคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อสำหรับปีงบประมาณ 2025 จะเพิ่มขึ้น 1.6-1.9% ซึ่งคาดว่าจะทำให้นักลงทุนไม่คาดการณ์ว่า บีโอเจจะเดินหน้าถอนมาตรการกระตุ้น
- ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนเม.ย.โดยระบุว่า คณะกรรมการ RBA อาจจะใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินต่อไป แม้ได้คงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับทิศทางเงินเฟ้อและเศรษฐกิจเป็นส่วนใหญ่
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร หลังจากธนาคารโกลด์แมน แซคส์รายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังในไตรมาส 1/2566 ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจและการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,976.63 จุด ลดลง 10.55 จุด หรือ -0.03%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,154.87 จุด เพิ่มขึ้น 3.55 จุด หรือ +0.09%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,153.41 จุด ลดลง 4.31 จุด หรือ -0.04%
- นายโรเจอร์ ฮัลลัม ผู้อำนวยการฝ่ายอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกบริษัทแวนการ์ด ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก กล่าวว่า เงื่อนไขการให้สินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น หลังการล้มละลายของธนาคารอาจจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยเล็กน้อยในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะสนับสนุนเหตุผลสำหรับการทยอยเพิ่มการถือครองพันธบัตรระยะยาวเนื่องจากการคาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยจะลดลง
- สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เงินฝากของสถาบันการเงินสามแห่งในสหรัฐลดลงในไตรมาสแรก ขณะที่วิกฤตครั้งใหญ่ที่สุดของภาคธนาคารสหรัฐในรอบกว่า 10 ปีกระตุ้นให้มีการแห่ถอนเงินฝาก และบรรดาลูกค้ากำลังมองหาผลตอบแทนที่ดีกว่าจากที่อื่น ๆ ทั้งนี้ ยอดเงินฝากของธนาคารสเตต สตรีต คอร์ป (State Street Corp) และธนาคารเอ็มแอนด์ที แบงก์ คอร์ป (M&T Bank Corp) ลดลง 3% ขณะที่ยอดเงินฝากของชาร์ลส์ ชวาบ คอร์ป (Charles Schwab Corp) นั้น ร่วงถึง 11%
- ดัชนีสมาคมผู้ก่อสร้างบ้าน/เวลส์ ฟาร์โกสำหรับตลาดที่อยู่อาศัยในสหรัฐปรับขึ้น 1 จุด สู่ 45 ในเดือนเม.ย. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2022 และอยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 44 โดยดัชนีความเชื่อมั่นสำหรับผู้ก่อสร้างบ้านเดี่ยวในสหรัฐปรับขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ในขณะที่อุปสงค์ในบ้านใหม่ได้รับแรงกระตุ้นจากภาวะขาดแคลนบ้านมือสองในตลาดสหรัฐและจากการร่วงลงของอัตราดอกเบี้ยจำนอง
- นายไมเคิล เพียร์ซ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทอ็อกซ์ฟอร์ด อิโคโนมิคส์กล่าวว่า "เราคาดว่าภาคการผลิตของสหรัฐจะเผชิญกับแรงกดดันในช่วงเวลาต่อไปในปีนี้จากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐในวงกว้าง, จากเงื่อนไขการปล่อยกู้ที่เข้มงวดยิ่งขึ้น และจากเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ"
- ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศจีน (GDP) ขยายตัว 4.5% ในไตรมาส 1/2566 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการขยายตัวแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2565 และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจจะขยายตัว 4% หลังจากที่มีการขยายตัว 2.9% ในไตรมาส 4/2565
- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า การลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนร่วงลง 5.8% ในไตรมาส 1/2566 ซึ่งตรงกับเดือนม.ค. – มี.ค. เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ร่วงลง 5.7%
- การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค.ของจีนปรับตัวขึ้น 3.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งแม้ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4% แต่ตัวเลขดังกล่าวแข็งแกร่งกว่าในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.ที่มีการขยายตัว 2.4%
- ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตยานยนต์จีน (CAAM) ระบุว่า ยอดส่งออกยานยนต์ของจีน ช่วงไตรมาสแรก รวมแตะ 994,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 70.6% จากปีก่อน
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร ขานรับเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 1/2566 อย่างไรก็ดี ตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 3 เซนต์ หรือ 0.04% ปิดที่ 80.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 84.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของยูเครน แสดงความหวังว่า ผู้นำกลุ่ม G7 จะหารือเกี่ยวกับความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในระหว่างการประชุมสุดยอด ณ เมืองฮิโรชิมาในเดือนหน้า ในขณะเดียวกัน การที่รัสเซียเข้าควบคุมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปได้เพิ่มความวิตกกังวลด้านหายนะ
- ธนาคารก๊าซพรอมแบงก์ (Gazprombank) ของรัสเซียขยายความสัมพันธ์กับธนาคารในอินเดียเพื่ออำนวยความสะดวกในการค้าทวิภาคีที่ใช้สกุลเงินตราของทั้งสองประเทศ ขณะที่รัสเซียกลายเป็นผู้จัดหาน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของอินเดีย
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- กลุ่ม G7 เปิดเผยว่า ชาติสมาชิกมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันยิ่งกว่าที่เคย โดยทางกลุ่มได้วิพากษ์วิจารณ์ประเด็นที่จีนเพิ่มแรงกดดันต่อไต้หวัน และการที่รัสเซียขู่ว่าจะตั้งสถานีอาวุธนิวเคลียร์ในเบลารุส ในขณะที่กำลังทำสงครามกับยูเครน
- รัฐบาลนิวซีแลนด์ประกาศว่า นายฮิปกินส์พร้อมด้วยคณะผู้แทนด้านการค้าจะเดินทางไปยังออสเตรเลียในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปี ของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีความใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น
- นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย ระบุว่า รัสเซียนั้นมี “ความสนใจ” ที่จะยุติความขัดแย้งในยูเครน “โดยเร็วที่สุด”
- ไต้หวันเตรียมซื้อขีปนาวุธฮาร์พูนที่ยิงจากพื้นดินจำนวน 400 ลูกจากสหรัฐ เพื่อรับมือกับการรุกรานจากจีน โดยได้บรรลุข้อตกลงที่สภาคองเกรสสหรัฐอนุมัติไว้ในปี 2563
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 34.29 บาทต่อดอลลาร์ "ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ภาพรวมเงินบาทมีลักษณะผันผวนในกรอบ Sideways แต่คาดว่าในวันนี้เงินบาทก็มีโอกาสเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นมาได้บ้าง เนื่องจากความสนใจของผู้เล่นในตลาดจะอยู่ที่รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของฝั่งยุโรปในช่วงบ่าย
- ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยยืนยันว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยจะอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1-3% ในปีนี้ และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ จะมีมีอัตราเงินเฟ้อที่ไม่สูงไปกว่าปัจจุบันอย่างแน่นอน
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง