ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 10.01 เหรียญ หรือ 0.5% อยู่ที่ระดับ 2,004.32 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 11.80 เหรียญ หรือ 0.59% ปิดที่ 2,019.10 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 0.20 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 25.373 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.90 เหรียญ หรือ 0.17% ปิดที่ 1,107.60 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 926.57 ตันภาพรวมเดือนเมษายน ขายสุทธิ 1.45 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 8.93 ตัน
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.19 จุด หรือ -0.19% มาอยู่ที่ระดับ 101.8 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.06 % มาอยู่ที่ระดับ 3.538% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.1 % มาอยู่ที่ระดับ 4.151% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.61%
- นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยว่า แม้ว่าภาคธนาคารของสหรัฐยังคงมีเสถียรภาพหลังเกิดเหตุการณ์ธนาคารล้มละลายครั้งใหญ่เป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์สหรัฐ แต่การที่ธนาคารพาณิชย์เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อนั้น กำลังส่งผลให้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจเข้าถึงเงินกู้ได้ยากขึ้น และท้ายที่สุดแล้วจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่าย
- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ Beige Book โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐชะงักงันในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่การจ้างงานและเงินเฟ้อชะลอตัวลง และการเข้าถึงสินเชื่อลดน้อยลงด้วย
- ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีไว้ที่ระดับ 3.65% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีที่ 4.30% ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีของจีนเป็นดัชนีวัดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของภาคเอกชน ส่วนอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเป็นดัชนีวัดทิศทางอัตราดอกเบี้ยของภาคครัวเรือน ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเพื่อการกู้จำนอง
- ตัวเลขเงินเฟ้อนิวซีแลนด์ชะลอตัวลงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว และอาจทำให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี เนื่องจากรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทเอกชนยังคงเป็นปัจจัยฉุดตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดก่อนการประชุมนโยบายการเงินในเดือนหน้า
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,786.62 จุด ลดลง 110.39 จุด หรือ -0.33%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,129.79 จุด ลดลง 24.73 จุด หรือ -0.60%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,059.56 จุด ลดลง 97.67 จุด หรือ -0.80%
- ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้น 5,000 ราย สู่ระดับ 245,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 240,000 ราย
- สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลง 2.4% สู่ระดับ 4.4 ล้านยูนิตในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และเมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านดิ่งลง 22% ในเดือนมี.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง
- ซิตี้กรุ๊ปได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ขึ้นเป็น 2.4% โดยระบุถึงภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ, เขตยูโรและจีน และยังเลื่อนคาดการณ์ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยออกไปเป็นไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ นักเศรษฐศาสตร์ของซิติระบุว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 2.2% ในปีนี้ และเศรษฐกิจสหรัฐจะเริ่มถดถอยในไตรมาส 3
- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คงระดับการประเมินภาวะเศรษฐกิจใน 7 ภูมิภาค จาก 9 ภูมิภาคของญี่ปุ่น โดยระบุว่าการบริโภคยังคงฟื้นตัว แม้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ เศรษฐกิจยังได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ตอกย้ำความเชื่อมั่นของบีโอเจที่ว่า ญี่ปุ่นกำลังจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% อย่างยั่งยืน
- ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 21.73 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 1.6 แสนล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2565 ที่สิ้นสุดในเดือนมี.ค. เนื่องจากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นและเงินเยนที่อ่อนค่าทำให้การนำเข้าขยายตัวมากกว่าการส่งออก
- บริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง โค (TSMC) เปิดเผยว่า ผลกำไรของบริษัทสูงกว่าคาด หลังอัตรากำไรจากการขายชิปดีขึ้นกว่าที่คาดไว้ ซึ่งช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากความต้องการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ลดลงทั่วโลก
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ในวันพฤหัสบดี โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน รวมทั้งสต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ร่วงลง 1.87 ดอลลาร์ หรือ 2.36% ปิดที่ 77.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 2.02 ดอลลาร์ หรือ 2.43% ปิดที่ 81.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปากีสถานสั่งซื้อน้ำมันดิบลดราคาจากรัสเซียเป็นครั้งแรก ภายใต้ข้อตกลงใหม่ที่ทำขึ้นระหว่างรัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศ โดยคาดว่าจะนำเข้า 100,000 บาร์เรลต่อวัน หากการสั่งซื้อครั้งแรกดำเนินไปได้ด้วยดี
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- สหรัฐประกาศให้การสนับสนุนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์แก่ยูเครนเพิ่มเติมอีก 325 ล้านดอลลาร์ ประกอบด้วยกระสุนเพิ่มเติมสำหรับระบบยิงขีปนาวุธไฮมาร์สที่สหรัฐได้จัดหาให้กับยูเครน, กระสุนปืนใหญ่, ระบบต่อต้านยานเกราะ, กระสุนปืนเล็กจำนวนกว่า 9 ล้านนัด, ยานพาหนะสนับสนุนสำหรับการส่งกำลังจำนวน 4 คัน และยุทโธปกรณ์อื่น ๆ
- เดนมาร์กและเนเธอร์แลนด์ประกาศว่าจะร่วมกันบริจาครถถัง Leopard 2 เป็นจำนวน 14 คัน ให้แก่ยูเครน
- นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต เดินทางเยือนกรุงเคียฟเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่รัสเซียบุกยูเครน เพื่อแสดงการสนับสนุนยูเครนที่กำลังเตรียมเปิดฉากโต้กลับรัสเซีย
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 34.33 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.37 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดอยู่ที่ระดับ 34.25-34.50 บาทต่อ ดอลลาร์
- กระทรวงพาณิชย์ เผยแพร่ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนมี.ค.66 อยู่ที่ 2.83% ทำให้เงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมา (เม.ย.65 – มี.ค.66) อยู่ที่ 5.86% สูงกว่าขอบบนของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงินในปัจจุบัน อย่างไรก็ดี ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้า (ไตรมาสที่ 2 ปี 2566 ถึงไตรมาสที่ 1 ปี 2567) จะอยู่ที่ 2.6% ซึ่งอยู่ในกรอบเป้าหมาย
- ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี (ttb analytics) มองว่า เศรษฐกิจจีนเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น โดยคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเที่ยวไทยในปี 66 สูงถึง 5.3 ล้านคน โดยครึ่งปีแรก กำลังซื้อยังเป็นไปอย่างจำกัด และจะเริ่มดีขึ้นชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง เช่นเดียวกับการส่งออกสินค้าจากไทยไปจีน ซึ่งจะทยอยหดตัวน้อยลงในครึ่งแรกของปี ก่อนจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้การส่งออกสินค้าของไทยไปจีนขยายตัว 0.2% ในปีนี้
- ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ปรับลดประมาณการ GDP ไทย ปี 66 ลงเหลือเติบโต 4.3% จากเดิมที่คาดว่าเติบโต 4.5% สะท้อนตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ออกมาต่ำกว่าคาด ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่มีความสดใส และมีความผันผวน และปัจจัยในประเทศเรื่องความล่าช้าในการดำเนินโยบายทางเศรษฐกิจเนื่องจากยังรอการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาล และทำให้มองว่า GDP ไทยในครึ่งปีแรกจะเติบโตได้ที่ 2.9%
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง