• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 15 พฤษภาคม 2566

    15 พฤษภาคม 2566 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์ยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งหากไม่มีการปรับขึ้นเพดานหนี้ สหรัฐอาจผิดนัดชำระหนี้ในวันที่ 1 มิ.ย.


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -4.11 เหรียญ หรือ -0.2% อยู่ที่ระดับ 2,010.6 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 70 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 2,019.80 เหรียญ และในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาทองคำลดลงเกือบ 0.3%
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 27 เซนต์ หรือ 1.11% ปิดที่ 24.154 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 38.00 เหรียญ หรือ 3.44% ปิดที่ 1,067 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 0.3 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 937.54 ตันภาพรวมเดือนพฤษภาคม ซื้อสุทธิ 11.26 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 19.9 ตัน


  • ศูนย์วิจัยทองคำ ระบุ ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือน พ.ค.66 อยู่ที่ระดับ 65.30 เพิ่มขึ้น 0.16 จุด หรือคิดเป็น 0.24% เมื่อเทียบกับเดือน เม.ย.66 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 65.14 จุด โดบมีปัจจัยหนุนมาจากความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อในสหรัฐฯ สถานการณ์สถาบันการเงินของสหรัฐฯ ความกังวลเศรษฐกิจโลกถดถอย และนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED)


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.61 จุด หรือ 0.6% มาอยู่ที่ระดับ 102.71 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.08 % มาอยู่ที่ระดับ 3.47% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.1 % มาอยู่ที่ระดับ 3.996% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.53% 


  • นายนีล แคชคารี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินนิอาโปลิสกล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงเป็นเวลานานและเส้นอัตราผลตอบแทนที่อยู่ในภาวะพลิกกลับอาจจะเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อธนาคารพาณิชย์ แต่สถานการณ์ดังกล่าวอาจจะเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น ถ้าหากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป ทั้งนี้ เขากล่าวว่า มีหลักฐานบางประการที่บ่งชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง "กำลังปรับลดลงมา แต่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงมาเป็นเวลานานมากในช่วงที่ผ่านมา และนั่นหมายความว่าเราจำเป็นจะต้องดำเนินนโยบายแบบนี้ต่อไปเป็นเวลานาน"


  • นายฟิลิป เจฟเฟอร์สัน ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า ความคืบหน้าในการควบคุมเงินเฟ้อในปีนี้ยังไม่แน่นอน แต่ระบุว่าการดำเนินนโยบายยังคงดำเนินต่อไป และต้องใช้เวลาที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจ


  • ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยผลสำรวจการคาดการณ์ของผู้บริโภคฉบับล่าสุด ระบุว่า ผู้บริโภคในยูโรโซนได้ปรับเพิ่มอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปีก่อนในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา แม้ว่าเงินเฟ้อเติบโตชะลอตัวลงและ ECB เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามโดยเฉลี่ยในผลสำรวจการคาดการณ์ของผู้บริโภคฉบับล่าสุด มองว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้น 5.0% ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 4.6% ในผลสำรวจครั้งก่อนที่จัดทำในเดือนก.พ. ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2565


  • ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ได้เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจชุดใหม่ในการประชุมกำหนดนโยบาย โดยบีโออีไม่ได้คาดการณ์อีกต่อไปว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจจะได้รับแรงหนุนจากการร่วงลงของราคาพลังงาน, จากมาตรการกระตุ้นทางการคลัง และจากความเชื่อมั่นที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งในภาคธุรกิจและในส่วนของผู้บริโภค โดยบีโออีคาดว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเติบโต 0.25% ในปีนี้ โดยปรับขึ้นจากเดิมที่เคยคาดไว้ในเดือนก.พ.ว่า เศรษฐกิจอาจหดตัวลง 0.5% ในปีนี้

 


  • นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ตัวเลขเงินเฟ้อของอินเดียจะชะลอตัวลง ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางอินเดียยังสามารถคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม หลังจากธนาคารกลางใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินเชิงรุกในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ และแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศ


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงเล็กน้อยในวันศุกร์ นำโดยหุ้นขนาดใหญ่ซึ่งปรับตัวลงหลังจากทะยานขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,300.62 จุด ลดลง 8.89 จุด หรือ -0.03%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,124.08 จุด ลดลง 6.54 จุด หรือ -0.16%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,284.74 จุด ลดลง 43.76 จุด หรือ -0.35%


  • กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคานำเข้าดีดตัวขึ้นในเดือนเม.ย. เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2565 โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน โดยดัชนีราคานำเข้าเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง 0.8% ในเดือนมี.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีราคานำเข้าอาจเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย.


  • ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงในเดือนพ.ค. ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและวิกฤตในภาคธนาคาร ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคร่วงลงสู่ระดับ 57.7 ในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 63.0 จากระดับ 63.5 ในเดือนเม.ย.


  • นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ ระบุว่า ทางออกเดียวที่เหมาะสมในสถานการณ์จนมุมเกี่ยวกับหนี้สินของสหรัฐในปัจจุบันก็คือ สภาคองเกรสจะต้องปรับเพิ่มเพดานหนี้


  • ไอเอ็มเอฟกล่าวว่า ทางการสหรัฐจำเป็นต้องเฝ้าระวังความเปราะบางใหม่ๆในภาคการธนาคารของสหรัฐ รวมถึงในธนาคารระดับภูมิภาค ซึ่งอาจจะปรากฏให้เห็นในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นมาก แต่ไอเอ็มเอฟไม่สามารถประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจโลกจากการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐได้ในทันที โดยในเดือนเม.ย. ไอเอ็มเอฟเคยคาดการณ์ว่า จีดีพีโลกจะเพิ่มขึ้น 2.8% ในปีนี้ แต่ภาวะปั่นป่วนรุนแรงขึ้นในตลาดการเงิน ซึ่งเห็นได้จากการดิ่งลงรุนแรงของราคาสินทรัพย์ และการลดการปล่อยสินเชื่อลงอย่างมาก อาจทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจกลับลงมาอยู่ที่ 1.0%


  • บรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) ออกแถลงการณ์ว่า ธนาคารรายใหญ่ที่สุดประมาณ 113 แห่งของสหรัฐจะต้องร่วมในการจ่ายเงินสมทบจำนวน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่กองทุนรับประกันเงินฝาก (Deposit Insurance Fund) หลังเงินทุนดังกล่าวลดลงหลังจากการล่มสลายของธนาคารสหรัฐหลายแห่งเมื่อไม่นานมานี้


  • เอสเอ็มไอซี ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปขนาดใหญ่ที่สุดของจีน รายงานว่า บริษัทมีรายได้รายไตรมาสลดลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี ขณะที่ภาคชิปทั่วโลกกำลังเผชิญความยากลำบากในการรับมือกับปัญหาอุปทานล้นคลังสินค้า


  • สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยประมาณการเบื้องต้นว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษในไตรมาส 1/2566 ขยายตัว 0.1% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ อย่างไรก็ดี ตัวเลข GDP ของอังกฤษในเดือนมี.ค.หดตัวลง 0.3% จากเดือนก.พ. สวนทางกับที่คาดไว้ว่า GDP เดือนมี.ค.อาจทรงตัว


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยผลสำรวจที่บ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐลดลงในเดือนพ.ค.


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 83 เซนต์ หรือ 1.17% ปิดที่ 70.04 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวลง 1.8% ในรอบสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 81 เซนต์ หรือ 1.08% ปิดที่ 74.17 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวลง 1.5% ในรอบสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน


ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ


  • บรรดาผู้นำด้านการเงินของกลุ่ม G7 หารือร่วมกันเกี่ยวกับมาตรการในการปกป้องเสถียรภาพทางการเงินจากการแห่ถอนเงินจากธนาคารซึ่งมีสาเหตุมาจากการใช้แอปส่งข้อความและธนาคารออนไลน์กันอย่างแพร่หลาย รวมทั้งจะหารือเพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่นท่ามกลางภาวะที่จีนครอบครองผลิตภัณฑ์ที่สำคัญต่าง ๆ เป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้ กลุ่ม G7 ได้เน้นย้ำว่าระบบการเงินยังมีความแข็งแกร่ง แม้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาคธนาคารหลังการล่มสลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) ตามด้วยธนาคารรายอื่น ๆ อย่าง ซิกเนเจอร์ แบงก์ (SB) และ เฟิส์ต รีพับลิก แบงก์ (First Republic Bank)

  • รัฐมนตรีการค้าของจีนและออสเตรเลียจัดการเจรจาทางเศรษฐกิจแบบตัวต่อตัวเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2562 ในวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากออสเตรเลียคาดหวังที่จะเจรจาเพื่อยุติมาตรการคว่ำบาตรการส่งออกสินค้าเกษตรมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ  33.87 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  33.99 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 33.50-34.20 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.75-34.00 บาทต่อดอลลาร์


  • นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างรวดเร็วในไตรมาส 1/2566 โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการอุปโภคบริโภคในภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงอาจจะกลายเป็นความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยจะขยายตัว 2.3% ในไตรมาส 1/2566 เมื่อเทียบเป็นรายปี จากระดับ 1.4% ในไตรมาส 4/2565 และเมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส คาดว่า GDP จะขยายตัว 1.7% หลังจากที่หดตัวลง 1.5% ในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว

 

 

 

ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com