MTS Help Center

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ

• สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันอังคาร โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการแสดงความคิดเห็นล่าสุดของเจ้าหน้าที่เฟด โดยนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตากล่าวว่า เขาคาดว่าเฟดจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะปรับตัวอยู่ในระดับสูงนานกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

• ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -27.38 เหรียญ หรือ -1.36% อยู่ที่ระดับ 1,988.24 เหรียญ
• สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 29.7 เหรียญ หรือ 1.47% ปิดที่ 1,993 เหรียญ
• สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 39.80 เซนต์ หรือ 1.64% ปิดที่ 23.893 เหรียญ
• สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 7.80 เหรียญ หรือ 0.73% ปิดที่ 1,066.90 เหรียญ
• กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 0.86 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 934.93 ตันภาพรวมเดือนพฤษภาคม ซื้อสุทธิ 8.65 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 17.29 ตัน

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง

• ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.18 จุด หรือ 0.18% มาอยู่ที่ระดับ 102.61 จุด
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.03 % มาอยู่ที่ระดับ 3.538% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.08 % มาอยู่ที่ระดับ 4.09% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.55% 

• นายไมเคิล บาร์ รองประธานฝ่ายตรวจสอบของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า โดยรวมแล้วระบบธนาคารของสหรัฐยังคงเข้มแข็งและคล่องตัว โดยกลุ่มผู้ฝากเงินควรเชื่อมั่นว่า เงินฝากทั้งหมดในระบบธนาคารสหรัฐมีความปลอดภัย แต่ขณะเดียวกัน การทดสอบภาวะวิกฤตในระบบธนาคารสหรัฐเมื่อไม่นานมานี้แสดงให้เห็นว่า เราต้องมีความระแวดระวังขณะประเมินและตอบสนองต่อความเสี่ยงต่าง ๆ

• นายโธมัส บาร์กิน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาริชมอนด์ระบุว่า เฟดไม่ควรถูกขัดขวางจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ แม้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะทำให้เกิดภาวะไร้เสถียรภาพทางการเงินก็ตาม

• นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กกล่าวว่า เฟดสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหากเงินเฟ้อไม่ได้ปรับตัวลง และเขายังมองไม่เห็นเหตุผลในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ทางด้านนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ส่งสัญญาณว่า เธอสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อต่อไป

• บริษัทมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสเปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงของสหรัฐอาจจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สามารถหยุดพักการขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ และเฟดจะคงจุดยืนนโยบายการเงินเชิงจำกัดต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้ รวมทั้งเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงต้นปีหน้า

• หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) กล่าวว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) จำเป็นจะต้องสกัดกั้นไม่ให้เกิดผลกระทบรอบสองจากภาวะเงินเฟ้อ เพราะว่าผลกระทบดังกล่าวอาจจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงแตะจุดต่ำสุดของวัฏจักรที่ระดับ 4-5% แทนที่จะดิ่งลงต่อไปสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ทั้งนี้ เขากล่าวว่า มีความเสี่ยงที่ผลกระทบรอบสองที่ดำเนินต่อไปได้เองภายในเศรษฐกิจอังกฤษจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้ออยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายต่อไป

• กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ชาวต่างชาติซื้อพันธบัตรของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีในเดือนมี.ค. โดยนักลงทุนต้องการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลซึ่งเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยหลังจากวิตกเกี่ยวกับเสถียรภาพของระบบธนาคารในเดือนมี.ค. โดยญี่ปุ่นยังคงเป็นประเทศที่มีการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมากที่สุด (ไม่นับสหรัฐ) ด้วยมูลค่า 1.087 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากระดับ 1.082 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนก.พ.

• ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนพ.ค.โดยระบุว่า การที่คณะกรรมการ RBA ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันที่ 2 พ.ค.นั้น เนื่องจากพิจารณาถึงความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่เป็นผลมาจากการขยายตัวด้านการผลิต รวมทั้งเงินเฟ้อในภาคบริการที่ยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง และค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวรวดเร็วเกินคาด พร้อมกับส่งสัญญาณว่า RBA อาจจำเป็นต้องปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก ทั้งนี้ คณะกรรมการ RBA ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 3.85% ในการประชุมเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ

• ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดในวันอังคาร หลังจากโฮม ดีโปท์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง และสหรัฐเปิดเผยรายงานยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ ซึ่งบ่งชี้ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐอ่อนแอลง นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐที่ยังไม่บรรลุผล

• ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ 33,012.14 จุด ร่วงลง 336.46 จุด หรือ -1.01%
• ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,109.90 จุด ลดลง 26.38 จุด หรือ -0.64% 
• ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,343.05 จุด ลดลง 22.16 จุด หรือ -0.18%

• แบงก์ ออฟ อเมริกาเปิดเผยผลสำรวจพบว่า นักลงทุนเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือน แต่ระดับเงินสดเพิ่มขึ้นเช่นกันสู่ระดับ 5.6% แม้ขณะที่พวกเขายังคงกังวลกับภาวะสินเชื่อตึงตัวที่อาจจะเกิดขึ้น และเงินเฟ้อยังคงเพิ่มขึ้นก็ตาม

• คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของยูโรโซนนั้นจะขยายตัวเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้สำหรับในปีนี้และปีหน้า โดยได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจอิตาลีและสเปนที่ขยายตัวเร็วขึ้น แต่เงินเฟ้อก็มีแนวโน้มที่จะยังคงเคลื่อนไหวในระดับสูงต่อไป ทั้งนี้ EC คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของยูโรโซนจะปรับขึ้น 1.1% ในปีนี้และ 1.6% ในปี 2567 หลังจากในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา EC คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัวที่ 0.9% ในปีนี้และ 1.5% ในปีหน้า

• สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้น 5.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งแม้ว่าขยายตัวรวดเร็วกว่าในเดือนมี.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 3.9% แต่ก็ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจจะขยายตัว 10.9% ขณะที่ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 18.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งแม้ว่าแข็งแกร่งกว่าในเดือนมี.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 10.6% แต่ก็ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจจะพุ่งขึ้น 21%

• สถาบันเวสแพค-เมลเบิร์น อินสทิทิวต์เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของออสเตรเลียลดลงในเดือนพ.ค. หลังธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเหนือความคาดหมายในช่วงต้นเดือนพ.ค. และงบประมาณของรัฐบาลกลางที่น่าผิดหวัง ซึ่งทำให้ผู้บริโภคมีมุมมองค่อนข้างเป็นลบต่อแนวโน้มด้านการเงินของภาคครัวเรือนและเศรษฐกิจในประเทศ

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน

• สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร หลังจากจีนและสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งบดบังปัจจัยบวกจากการที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปีนี้

• สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 25 เซนต์ หรือ 0.35% ปิดที่ 70.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
• สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 32 เซนต์ หรือ 0.43% ปิดที่ 74.91 ดอลลาร์/บาร์เรล

• ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีนและสหรัฐได้บดบังปัจจัยบวกจากการที่ IEA ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลก โดยคาดว่าอุปสงค์ในปี 2566 จะเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 102 ล้านบาร์เรล/วัน

• นางเจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานจะซื้อน้ำมันดิบในปริมาณ 3 ล้านบาร์เรลเพื่อเติมเต็มคลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐ (SPR) ในเดือนส.ค.นี้

ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ

 

• สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ได้อนุมัติให้มีการจัดทำทะเบียนระหว่างประเทศเกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของรัสเซียในยูเครน ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ โดยสภายุโรปกำลังดำเนินการขั้นตอนสำคัญเพื่อให้รัสเซียต้องรับผิดชอบต่อการทำสงครามรุกรานยูเครน ซึ่งทางสหรัฐวางแผนที่จะจัดหาเงินทุนเพื่อสนับสนุนจัดทำทะเบียนดังกล่าว โดยจะทำงานร่วมกับสภาคองเกรส

• นายหลี่ ฮุย ทูตพิเศษของจีนมีกำหนดเดินทางเยือนยูเครนและรัสเซียในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นความพยายามของจีนในการผลักดันการทำข้อตกลงสันติภาพระหว่างสองประเทศ 

• ทางการรัสเซียออกมาประณามคำกล่าวของนายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ที่กล่าวว่ารัสเซียกำลังยอมเป็นเบี้ยล่างของจีน โดยกล่าวว่า กลุ่มชาติตะวันต้องทำตัวให้คุ้นเคยกับโลกที่เกื้อหนุนต่อความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างรัสเซียและจีน

• องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า สมาชิกของ WHO ในยุโรปมีมติให้ปิดทำการสำนักงานประจำภูมิภาคซึ่งตั้งอยู่ในกรุงมอสโกของรัสเซีย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อปีที่แล้ว

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท

• นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ  34.09 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  33.96 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.90-34.20 บาทต่อดอลลาร์

• รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลไม่น่าจะมีปัญหา เพราะขณะนี้แกนนำสามารถรวบรวมได้แล้ว 310 เสียง ซึ่งน่าจะเพียงพอและเหมาะสม เชื่อว่า ส.ว.จะให้การสนับสนุน หากเสียงมากกว่านี้จะเกิดปัญหาเผด็จการทางรัฐสภา กลไกในการตรวจสอบไม่ได้ ทุกอย่างน่าจะเป็นไปตามไทม์ไลน์เลือกนายกรัฐมนตรี ได้ในเดือนสิงหาคม

• สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนเมษายน 2566 อยู่ที่ระดับ 95.0 ปรับตัวลดลงจากระดับ 97.8 ในเดือนมีนาคม ปรับตัวลดลงครั้งแรกใน 4 เดือน โดยปรับตัวลดลงเกือบทุกองค์ประกอบ ทั้งดัชนีฯ คำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ ยกเว้นต้นทุนประกอบการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

 

 

ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง