• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 19 พฤษภาคม 2566

    19 พฤษภาคม 2566 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์และความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นปัจจัยฉุดตลาด


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -23.57 เหรียญ หรือ -1.19% อยู่ที่ระดับ 1,957.78 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 25.10 เหรียญ หรือ 1.26% ปิดที่ 1,959.80 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค. 2566
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 26.40 เซนต์ หรือ 1.10% ปิดที่ 23.633 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 24.40 เหรียญ หรือ 2.25% ปิดที่ 1,058.20 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 936.96 ตันภาพรวมเดือนพฤษภาคม ซื้อสุทธิ 10.68 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 19.32 ตัน


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.61 จุด หรือ 0.59% มาอยู่ที่ระดับ 103.51 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.08 % มาอยู่ที่ระดับ 3.651% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.08 % มาอยู่ที่ระดับ 4.26% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.61% 


  • FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 36.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้น้ำหนักเพียง 10.7%


  • รองผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) มองเห็นความเสี่ยงจำนวนมากที่อัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป หรือจะเร่งตัวสูงขึ้นในตลาดเกิดใหม่หลายประเทศ และเรียกร้องให้ธนาคารกลางต่างๆคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไป และตลาดอาจจะ "มองแง่บวกมากเกินไป" กับสิ่งที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงในตลาดเกิดใหม่


  • ผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์พบว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ แม้คาดว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็ตาม และพวกเขายังระบุว่า ความเสี่ยงที่สหรัฐจะผิดนัดชำระกรณีเพดานหนี้นั้นสูงขึ้น รวมถึงการล้มละลายของธนาคารระดับภูมิภาคบางแห่ง ทำให้ตลาดปรับตัวรับความเป็นไปได้ที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% เป็นอย่างต่ำภายในสิ้นปีนี้


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมทั้งความคืบหน้าในการเจรจาเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,535.91 จุด เพิ่มขึ้น 115.14 จุด หรือ +0.34%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,198.05 จุด เพิ่มขึ้น 39.28 จุด หรือ +0.94% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,688.84 จุด เพิ่มขึ้น 188.27 จุด หรือ +1.51%


  • กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 22,000 ราย สู่ระดับ 242,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 254,000 ราย


  • รายได้ด้านการคลังของจีนเพิ่มขึ้น 11.9% ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2566 เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการขยายตัวที่แข็งแกร่งกว่าในช่วง 3 เดือนแรกที่ขยับขึ้นเพียง 0.5% เนื่องจากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แม้จะเป็นการฟื้นตัวที่ไม่สอดคล้องกันในทุกภาคส่วนก็ตาม


  • บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลกหลายแห่งแสดงความพร้อมที่จะเพิ่มการลงทุนในญี่ปุ่น เนื่องจากนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ผู้นำญี่ปุ่นให้คำมั่นว่าจะเพิ่มการสนับสนุนเพื่อให้การจัดหาชิ้นส่วนประกอบที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ


  • ยอดส่งออกเดือนเม.ย.ของญี่ปุ่นขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี เนื่องจากการส่งออกไปยังประเทศจีนลดลง ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ในระบบเศรษฐกิจทั่วโลกที่อ่อนแรงลง ทั้งนี้ ยอดส่งออกเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้น 2.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนมี.ค.ที่มีการขยายตัว 4.3% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 3.0% นอกจากนี้ ยอดส่งออกเดือนเม.ย.ยังขยายตัวในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2564


  • กระทรวงการคลังนิวซีแลนด์คาดการณ์ว่า นิวซีแลนด์จะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ เนื่องจากยอดนักท่องเที่ยวขาเข้าที่เพิ่มขึ้น, การฟื้นตัวจากผลกระทบของพายุไซโคลน และการใช้จ่ายของภาครัฐหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 97 เซนต์ หรือ 1.33% ปิดที่ 71.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 1.10 ดอลลาร์ หรือ 1.43% ปิดที่ 75.86 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • นักวิเคราะห์จากบริษัท OANDA กล่าวว่า นักลงทุนมองว่าข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งอาจจะผลักดันให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าและสร้างแรงกดดันต่อตลาดน้ำมัน ขณะที่แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นทำให้ตลาดกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน


ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ


  • ยูเครนประกาศแจ้งเตือนการโจมตีทางอากาศทั่วประเทศในวันนี้ และกองทัพยูเครนเตือนว่ามีความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะยิงขีปนาวุธถล่มเป็นวงกว้างตั้งแต่กรุงเคียฟ ไปจนถึงทางตอนกลางและตอนใต้ของประเทศ


  • เอกอัครราชทูตจีนประจำออสเตรเลียระบุว่า จีนจะกลับมานำเข้าไม้ซุงจากออสเตรเลียอีกครั้งตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขณะเดียวกันจีนและออสเตรเลียกำลังหารือเรื่องการเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งของนายแอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย


  • นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) ได้แสดงท่าทีขานรับการตัดสินใจของรัสเซียที่จะขยายข้อตกลงการส่งออกธัญพืชผ่านเส้นทางทะเลดำ (Black Sea Grain Initiative) ซึ่งจะอนุญาตให้มีการส่งออกธัญพืชของยูเครนและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่น ๆ จากท่าเรือในภูมิภาคทะเลดำ


ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด


  • องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) เปิดเผยว่า จำนวนผู้มาเยือนญี่ปุ่นพุ่งแตะระดับสูงสุดหลังเกิดการระบาดใหญ่ โดยมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจนเกือบแตะ 2 ล้านคนในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นผลมาจากการผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางในประเทศจีน


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 34.40 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  34.33 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.20-34.50 บาทต่อดอลลาร์


  • ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยยังคงสดใส แม้ขณะนี้ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการภายหลังการเลือกตั้งสิ้นสุดลง โดยคาดว่าไทยจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกหลายล้านคนในปีนี้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ ไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากถึง 6.5 ล้านคน เมื่อเทียบกับจำนวน 498,000 คนในไตรมาส 1 ปีที่แล้ว

 

 

 

ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com