ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์และความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นเป็นปัจจัยกดดันตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ครั้งล่าสุดระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -6.43 เหรียญ หรือ -0.33% อยู่ที่ระดับ 1,971.21 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 4.40 เหรียญ หรือ 0.22% ปิดที่ 1,977.20 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 19.90 เซนต์ หรือ 0.83% ปิดที่ 23.861 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.60 เหรียญ หรือ 0.15% ปิดที่ 1,077.30 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 1.15 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 943.89 ตันภาพรวมเดือนพฤษภาคม ซื้อสุทธิ 17.61 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 26.25 ตัน
- นักวิเคราะห์จากบริษัท Kinesis Money กล่าวว่า ที่ผ่านมานั้น ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และในครั้งนี้หากสภาคองเกรสและทำเนียบขาวสามารถบรรลุข้อตกลงการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ก็คาดว่าแนวรับในระยะกลางของราคาทองคำน่าจะอยู่ที่ระดับ 1,950 ดอลลาร์
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.08 จุด หรือ 0.08% มาอยู่ที่ระดับ 103.27 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.05 % มาอยู่ที่ระดับ 3.721% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.07 % มาอยู่ที่ระดับ 4.322% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.6%
- นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์คกล่าวว่า สหรัฐ และประเทศชั้นนำอื่นๆยังคงอยู่ในโลกอัตราดอกเบี้ยต่ำโดยปัจจัยพื้นฐาน แม้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นที่เกิดขึ้นจากผลกระทบดังกล่าวก็ตาม
- นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์แสดงความเห็นล่าสุดว่า “เฟดยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ในปีนี้ เนื่องจากเงินเฟ้อมีความเสี่ยงที่จะไม่ปรับตัวลง และตราบใดที่ตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง ก็เป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องมั่นใจว่าปัญหาเงินเฟ้อจะไม่กลับมาเกิดขึ้น และซ้ำรอยช่วงทศวรรษ 1970”
- นายนีล แคชแครี ประธานเฟดสาขามินเนอาโพลิส กล่าวว่า หากเฟดพักการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนหน้า ไม่ได้หมายความว่าเฟดได้ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่หมายความว่าเฟดกำลังรอข้อมูลมากขึ้น และหากเงินเฟ้อยังไม่ชะลอตัวลง เขาจะสนับสนุนให้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
- สมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐ (NABE) เปิดเผยผลสำรวจว่า นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในไตรมาสแรกของปี 2024 โดยปรับเลื่อนไปจากเดิมที่เคยคาดการณ์กันไว้ในเดือนก.พ.ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในไตรมาส 4/2023 โดยคาดว่าจุดสูงสุดในวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอยู่ที่ 5.00-5.25% ซึ่งตรงกับการคาดการณ์ในเดือนก.พ. และตรงกับระดับอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ได้ปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อและความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานในผลสำรวจครั้งนี้ด้วย
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ครั้งล่าสุดระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,286.58 จุด ลดลง 140.05 จุด หรือ -0.42%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,192.63 จุด เพิ่มขึ้น 0.65 จุด หรือ +0.02%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,720.78 จุด เพิ่มขึ้น 62.88 จุด หรือ +0.50%
- นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ส่งจดหมายเตือนถึงสภาคองเกรส โดยมีใจความว่า “สหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้อย่างเร็วที่สุดในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติการขยายเพดานหนี้ ในอดีตที่ผ่านมานั้นสหรัฐได้รับบทเรียนว่าการประวิงเวลาจนถึงนาทีสุดท้ายก่อนที่จะปรับเพิ่มเพดานหนี้ ได้บั่นทอนความเชื่อมั่นต่อภาคธุรกิจและกลุ่มผู้บริโภคอย่างรุนแรง นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐด้วย”
- กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ดุลเงินสดของกระทรวง ณ วันที่ 19 พ.ค.ลดลงสู่ระดับ 5.73 หมื่นล้านหยวน จาก 1.433 แสนล้านหยวนในสัปดาห์ก่อน ขณะที่การเจรจาเรื่องเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางหยุดชะงัก อย่างไรก็ดี เจเน็ท เยลเลน รมว.คลังสหรัฐกล่าวว่า กระทรวงอาจจะขาดเงินสดที่เพียงพอ และทรัพยากรในการกู้เงินเพื่อชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดของรัฐบาลสหรัฐในวันที่ 1 มิ.ย. ถ้าหากสภาคองเกรสไม่ดำเนินการเพื่อเพิ่มเพดานหนี้
- กลุ่มนักวิเคราะห์มีมุมมองเชิงบวกต่อบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน ได้แก่ ไป่ตู้ อาลีบาบา เทนเซ็นต์ ซึ่งรายงานผลประกอบการสูงกว่าที่คาดการณ์เป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าการฟื้นตัวทางธุรกิจจะดูไม่ค่อยต่อเนื่องนัก หลังการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสล่าสุด
- ภาคการท่องเที่ยวจีนออกนโยบายพิเศษหลายด้านในเดือนนี้ เพื่อกระตุ้นการเติบโตของการท่องเที่ยวทั่วประเทศ โดยนโยบายต่าง ๆ ประกอบด้วย การออกบัตรกำนัลสำหรับกิจกรรมทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว การให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุและผู้พิการในระหว่างการเดินทาง และการจัดการแสดงฟรี โดยกิจกรรมพิเศษเหล่านี้จะดำเนินไปตลอดเดือนพ.ค.
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าความต้องการใช้น้ำมันจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์และความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐได้สกัดแรงบวกในตลาด
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ หรือ 0.61% ปิดที่ 71.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ หรือ 0.54% ปิดที่ 75.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
- นายไฮธัม อัล กาอิส เลขาธิการกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) กล่าวว่า การลงทุนต่ำเกินไปในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซอาจจะทำให้เกิดภาวะผันผวนในตลาดในระยะยาว และทำลายการขยายตัว
- นายเฟไรดัน เฟชารากี ประธานบริษัทที่ปรึกษาเอฟจีอีกล่าวว่า เนื่องจากความต้องการน้ำมันทั่วโลกเพิ่มขึ้นราว 8 ล้านบาร์เรลต่อวัน โลกจึงอาจจะเผชิญกับปัญหาด้านอุปทาน ขณะที่มาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกต่อน้ำมันของรัสเซียจะจำกัดการขยายการผลิต
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐระบุว่า การของบประมาณสำหรับความริเริ่มในการป้องปรามแปซิฟิก (Pacific Deterrence Initiative : PDI) เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 40% โดยเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในวงกว้างของกระทรวงกลาโหมสหรัฐในการขยายอิทธพลแซงหน้าจีน
- ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ประกาศโครงการช่วยเหลือทางทหารชุดใหม่ 375 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับยูเครน พร้อมกล่าวกับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ว่าสหรัฐกำลังทำทุกวิถีทางเพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านกลาโหมให้กับยูเครนในการทำสงครามกับรัสเซีย
- ยูเครนรายงานว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 8 รายและอาคารหลายแห่งได้รับความเสียหายเป็นวงกว้างจากการโจมตีทางอากาศของรัสเซียในแคว้นดนีโปรเปตรอฟสค์ (Dnipropetrovsk) พร้อมเสริมว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนทำลายโดรนได้ 20 ลำและขีปนาวุธร่อน 4 ลำ
- แคนาดากำลังกำหนดมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่กับ 17 บุคคล และ 18 หน่วยงาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับกลุ่มบริษัทรัสเซียที่จัดหาเทคโนโลยีและความรู้ทางการทหารแก่กองทัพรัสเซีย รวมถึงสมาชิกครอบครัวของผู้ถูกคว่ำบาตร และกลุ่มสมาชิกระดับสูงของทำเนียบเครมลิน
- หน่วยงานกำกับดูแลด้านไซเบอร์สเปซของจีน (CAC) ระบุว่า ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยไมครอน เทคโนโลยี ซึ่งบริษัทผู้ชิปหน่วยความจำรายใหญ่ของสหรัฐ มีความเสี่ยงที่จะเป็นภัยต่อความปลอดภัยของเครือข่ายจีน และ CAC จะห้ามไม่ให้ผู้ประกอบการโครงสร้างพื้นฐานรายใหญ่ของจีนสั่งซื้อชิปจากไมครอน เทคโนโลยี
- ความพยายามในการออกมาตรการกีดกันจีนจากการเข้าซื้อที่ดินในสหรัฐเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วในหลายรัฐ โดยกลุ่มผู้เสนอให้เหตุผลว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยป้องกันอิทธิพลมุ่งร้ายจากต่างชาติ แม้กลุ่มชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียจะมองว่าเป็นการกระทำที่เกินเลยก็ตาม
- กระทรวงต่างประเทศจีนระบุในแถลงการณ์ว่า นายซุน เว่ยตง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้เรียกตัวเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นเข้าพบเพื่อประท้วงต่อกรณีการ “ประเด็นเพ่งเล็งเกี่ยวกับจีน” ในการประชุมกลุ่ม G7
- ไต้หวันไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) แม้ไต้หวันจะอ้างว่ามีเสียงสนับสนุนให้เข้าร่วมเพิ่มมากขึ้นก็ตาม
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- ค่าเงินบาทวันนี้เปิดตลาดทรงตัวที่ 34.46 บาทต่อดอลลาร์ โดยกรอบแนวรับที่ 34.30 บาท แนวต้าน 34.60 บาท
- กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 34.00-34.75 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 34.43 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 33.69-34.52 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 1 เดือน ขณะที่เงินหยวนอ่อนค่าสุดในรอบ 6 เดือน หลังข้อมูลเศรษฐกิจจีนบ่งชี้ว่าแรงส่งของการฟื้นตัวแผ่วลง
- หุ้นไทยปิดพุ่ง 14.35 จุด จากแรงซื้อกลับในหุ้นขนาดใหญ่ที่ถูกแรงขายกดดันไปมากในสัปดาห์ก่อน รวมถึงความชัดเจนในการแถลง MOU จัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลและพรรคร่วมรัฐบาลที่ออกมาเมื่อวานนี้ และไม่มีการนำนโยบายที่สร้างแรงเสียดทานทางสังคมบรรจุใน MOU ทำให้การเดินหน้าตั้งรัฐบาลและโหวตเลือกนายกฯจะเดินหน้าได้ แนวโน้มพรุ่งนี้คาดแกว่งไซด์เวย์
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง