• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 29 พฤษภาคม 2566

    29 พฤษภาคม 2566 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงของสหรัฐนั้นได้กระตุ้นแรงซื้อสัญญาทองคำในฐานะแหล่งลงทุนประกันเงินเฟ้อ


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 6.17 เหรียญ หรือ 0.32% อยู่ที่ระดับ 1,946.13 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 1,944.30 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ลดลง 1.9% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 45 เซนต์ หรือ 1.96% ปิดที่ 23.36 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.80 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ 1,028.10 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 941.29 ตันภาพรวมเดือนพฤษภาคม ซื้อสุทธิ 15.01 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 23.65 ตัน


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.01 จุด หรือ -0.01% มาอยู่ที่ระดับ 104.22 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 3.81% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.07 % มาอยู่ที่ระดับ 4.606% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.8% 


  • วิตตอเรีย โซลี นักวิเคราะห์ระบุว่า "นักลงทุนในตลาดจำนวนมากหันกลับไปสนใจแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และแนวทางในอนาคตสำหรับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ขณะที่ความเสี่ยงต่อการคาดการณ์ของเราได้แก่ เงินเฟ้อของสหรัฐจะลดลงหรือไม่ และลดลงเร็วแค่ไหน และการจัดการกับเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)"


  • นายคลาส น็อต ประธานธนาคารกลางเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จำเป็นจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% อีกอย่างน้อย 2 ครั้ง


  • นักเศรษฐศาสตร์ คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ในเวลาที่รวดเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนอ่อนแรงลงอย่างมาก โดยคาดว่าธนาคารกลางจีนจะปรับลด RRR สำหรับธนาคารรายใหญ่ลง 0.25% ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะมีการปรับลด RRR ในไตรมาส 4 ทั้งนี้ หากเป็นไปตามคาด ก็จะส่งผลให้ RRR ถูกปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 10.50% จากระดับ 10.75% ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าธนาคารกลางจะคงอัตรา RRR ไว้ที่ระดับ 10.50% จนถึงสิ้นปี 2567 หากมีการปรับลดในปีนี้


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ เนื่องจากการเจรจาเพื่อเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐมีความคืบหน้า ขณะที่หุ้นกลุ่มชิปพุ่งขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันท่ามกลางความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,093.34 จุด เพิ่มขึ้น 328.69 จุด หรือ +1.00%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,205.45 จุด เพิ่มขึ้น 54.17 จุด หรือ +1.30%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,975.69 จุด เพิ่มขึ้น 277.59 จุด หรือ +2.19%


  • ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงานของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 4.4% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 4.2% ในเดือนมี.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. จากระดับ 0.1% ในเดือนมี.ค. ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 4.7% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.6% จากระดับ 4.6% ในเดือนมี.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.4% สูงกว่าที่คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% จากระดับ 0.3% ในเดือนมี.ค.


  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนเม.ย. หลังจากพุ่งขึ้น 3.3% ในเดือนมี.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนร่วงลง 1% ในเดือนเม.ย. โดยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อเครื่องบิน ทั้งนี้ ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ ลดลง 0.6% ในเดือนเม.ย.


  • ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงในเดือนพ.ค. ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการขยายเพดานหนี้สหรัฐ โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคร่วงลงสู่ระดับ 59.2 ในเดือนพ.ค. แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 57.7 จากระดับ 63.5 ในเดือนเม.ย. ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจในปัจจุบันและในอนาคตต่างปรับตัวลงในเดือนพ.ค. นอกจากนี้ ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะแตะระดับ 4.2% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า ชะลอตัวจากระดับ 4.6% ที่มีการสำรวจในเดือนเม.ย. และสำหรับในช่วง 5 ปีข้างหน้า ผู้บริโภคยังคงคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะอยู่ในช่วง 2.9-3.0%


  • ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการปรับเพิ่มเพดานหนี้แล้วในช่วงบ่ายเมื่อวานนี้ ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์


  • มูดี้ส์คาดว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศตลาดเกิดใหม่ส่วนใหญ่จะลดลงในปีนี้ โดยกลุ่มผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ในตะวันออกกลาง, แอฟริกา และละตินอเมริกาจะได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตกต่ำลงจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะถดถอย และความกังวลเรื่องอุปทานส่วนเกิน


  • รัฐบาลสิงคโปร์เชื่อมั่นว่า การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่เข้ามาส่งเสริมภาคการบริการ จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้ได้ แม้แนวโน้มเศรษฐกิจโลกจะซบเซาก็ตาม


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นในวันศุกร์ โดยได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันปิโตรเลียมในช่วงวันหยุดยาวสุดสัปดาห์นี้เนื่องในวันรำลึกถึงผู้พลีชีพเพื่อชาติ (Memorial Day) และความหวังเกี่ยวกับการเจรจาเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐมีความคืบหน้า


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 84 เซนต์ หรือ 1.17% ปิดที่ 72.67 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 1.4% ในรอบสัปดาห์นี้
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ 0.90% ปิดที่ 76.95 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 1.8% ในรอบสัปดาห์นี้


  • นายวลาดิเมียร์ เซอร์นอฟ นักวิเคราะห์ของเอฟเอ็กซ์ เอ็มไพร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้ข้อมูลตลาดเปิดเผยว่า สัญญาน้ำมัน WTI ดีดตัวขึ้น หลังมีรายงานว่า พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันอาจบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับเพดานหนี้ในเร็ว ๆ นี้


  • เบเกอร์ ฮิวจ์ ผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐและแคนาดาลดลง 5 แท่น จากสัปดาห์ก่อนหน้าสู่ระดับ 570 แท่น


ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ


  • นายไมค์ กัลลาเฮอร์ ประธานคณะกรรมาธิการฝ่ายกิจการจีนแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเปิดเผยว่า การที่ทำเนียบขาวและสภาคองเกรสยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการปรับเพิ่มเพดานหนี้นั้น ทำให้สมาชิกคณะกรรมาธิการฯ จำเป็นต้องเลื่อนแผนการเดินทางเยือนไต้หวัน อย่างไรก็ดี คาดว่าการเดินทางเยือนไต้หวันของเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสหรัฐอาจจะกระตุ้นให้เกิดการตอบโต้ที่รุนแรงจากจีนซึ่งมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งในดินแดนของตน


  • สหภาพยุโรป (EU) ตกลงที่จะยังคงอนุญาตให้มีการนำเข้าสินค้าจากยูเครนต่อไปอีก 1 ปี หลังจากยกเลิกการห้ามนำเข้าที่บางประเทศใน EU เป็นผู้กำหนดท่ามกลางการประท้วงของกลุ่มเกษตรกรยุโรปเกี่ยวกับราคาผลผลิตที่ตกต่ำลง


  • สหภาพยุโรป (EU) ได้หารือกันเกี่ยวกับการมอบผลกำไรที่ได้รับจากสินทรัพย์มูลค่าหลายพันล้านยูโรของรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ในระบบตลาดการเงินโลกให้แก่ยูเครน


  • สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) กลายเป็นศูนย์กลางการค้าทองคำที่สำคัญของรัสเซีย หลังจากการออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของชาติตะวันตก เพื่อลงโทษกรณีที่รัสเซียรุกรานยูเครน ได้ตัดเส้นทางการส่งออกทองคำเดิมของรัสเซีย


  • รัสเซียขู่ไม่ต่ออายุข้อตกลงเปิดเส้นทางส่งออกที่ปลอดภัยจากท่าเรือบริเวณทะเลดำของยูเครน ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในวันที่ 17 ก.ค. หากข้อเรียกร้องเพื่อปรับปรุงด้านการส่งออกธัญพืชและปุ๋ยของรัสเซียไม่ได้รับการตอบสนอง


  • รัฐมนตรีกลาโหมของรัสเซียและเบลารุสได้ลงนามในเอกสารเกี่ยวกับการติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีของรัสเซียในเบลารุส


  • นายดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย และปัจจุบันเป็นรองประธานสภาความมั่นคงของรัสเซียกล่าวขณะเดินทางเยือนเวียดนามว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครนอาจจะยืดเยื้อเป็นเวลาหลายสิบปี เนื่องจากมีทั้งการต่อสู้สลับกับการพักรบ


  • หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวว่า ญี่ปุ่นจะคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม หลังจากการประชุมสุดยอด ของกลุ่ม G7 ซึ่งญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้น ได้ตกลงที่จะเพิ่มมาตรการลงโทษรัสเซียที่รุกรานยูเครน


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ  34.77 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  34.67 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.40-35.00 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.65-34.85 บาทต่อดอลลาร์


  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2566 เป็นต้นมา เงินบาทแกว่งตัวในกรอบกว้าง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของปัจจัยหลัก 3 เรื่อง ซึ่งมาจากทั้งปัจจัยในต่างประเทศ และปัจจัยเฉพาะของไทยเอง โดย 3 เรื่องหลักๆ ที่มีผลกระทบต่อสถานะการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ และค่าเงินบาท ประกอบด้วย 1. การพลิกกลับไป-กลับมา ของมุมมองที่มีต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ 2. ทิศทางค่าเงินหยวน และมุมมองที่มีต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน และ 3. สถานการณ์ทางการเมืองของไทย โดยเฉพาะในเดือน พ.ค.66


  • นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หากสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเสร็จสิ้นภายในเดือนก.ค.66 จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างยิ่ง โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไตรมาส 2 น่าจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 4% ซึ่งเป็นการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นมากจากระดับ 2.7% ในไตรมาสแรก ขณะนี้ อัตราการขยายตัวในช่วงครึ่งปีหลัง น่าจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 4-4.5% หากไม่มีวิกฤตการณ์ทางการเมือง และสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยเร็ว


  • สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ไทยมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้าประเทศ 1 ล้านคน ในช่วงเดือนม.ค. – 18 พ.ค. หลังจากที่จีนเปิดพรมแดนอีกครั้ง โดยรัฐบาลคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนจะแตะเป้าหมายที่ 5 ล้านคน ในปีนี้ และคาดว่าจะมีการใช้จ่าย 4.46 แสนล้านบาท (1.318 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)

 

 

ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com