ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -2.29 เหรียญ หรือ -0.12% อยู่ที่ระดับ 1,943.84 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 941.29 ตันภาพรวมเดือนพฤษภาคม ซื้อสุทธิ 15.01 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 23.65 ตัน
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.07 จุด หรือ 0.07% มาอยู่ที่ระดับ 104.3 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.02 % มาอยู่ที่ระดับ 3.773% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.614% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.84%
- นักวิเคราะห์จากบริษัทซูมิโตโม่ มิตซุย แบงกิง คอร์ปอรเรชัน (SMBC) คาดการณ์ว่า ดัชนีดอลลาร์จะพุ่งขึ้นแตะระดับ 105 ในระยะใกล้นี้ โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลแรงงานที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งในสัปดาห์นี้
- นายออสตัน กูลส์บี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกขานรับข่าวการทำข้อตกลงเพื่อระงับเพดานหนี้ของสหรัฐ โดยกล่าวว่า ความล้มเหลวในการทำข้อตกลงจะเป็นผลลบร้ายแรงต่อระบบการเงินและเศรษฐกิจโดยรวม แต่เขาปฏิเสธที่จะเปิดเผยว่า เขาจะสนับสนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดระหว่างวันที่ 13-14 มิ.ย.หรือไม่ โดยระบุว่า ยังไม่รู้สึกถึงผลกระทบทั้งหมดของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนถึงขณะนี้
- เทรดเดอร์คาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาสเพียง 35.9% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.00-5.25% และมีโอกาส 64.1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย.
- นายแกเบรียล มาคห์ลูฟ ผู้ว่าการธนาคารกลางไอร์แลนด์ และสมาชิกสภาบริหารธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งของอีซีบียังคงเป็นไปได้ แต่การดำเนินการต่อจากนั้นยังคงเปิดกว้างสำหรับการหารือกัน เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อยังคงดำเนินต่อไป
- ตลาดคาดว่า อีซีบีจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยราว 0.65% ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งบ่งชี้ว่า ตลาดปรับตัวรับความเป็นไปได้ที่จะมีการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.และก.ค. และนักลงทุนมีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับการดำเนินการในเดือนก.ย.
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ขานรับข่าวประธานาธิบดีโจ ไบเดน และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ บรรลุข้อตกลงปรับเพิ่มเพดานหนี้ ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์
- ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้น 100 จุด หรือ +0.30% แตะที่ระดับ 33,225 จุด
- หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทจอห์น แฮนค็อก อินเวสท์เมนท์ แมเนจเมนท์กล่าวว่า ถึงแม้มีการบรรลุข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐก็ไม่มีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นอย่างยั่งยืนด้วยแรงหนุนจากปัจจัยนี้ เพราะว่านักลงทุนส่วนใหญ่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้
- นายแมคคาร์ธีเรียกร้องให้สมาชิกสภาคองเกรสเตรียมความพร้อมในการพิจารณาร่างกฎหมายการปรับเพิ่มเพดานหนี้ซึ่งจะมีการเผยแพร่ในวันอาทิตย์ที่ 28 พ.ค.ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งจะทำให้สมาชิกสภาคองเกรสมีเวลา 72 ชั่วโมงในการอ่านร่างกฎหมายทั้งหมด ก่อนที่จะเริ่มทำการโหวตอย่างเร็วที่สุดในวันพุธที่ 31 พ.ค.
- นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้กำหนดวัน X-date ใหม่ โดยระบุว่าวันที่ 5 มิ.ย.เป็นวันที่สมาชิกสภาคองเกรสจะต้องทำข้อตกลงในการเพิ่มเพดานหนี้ มิฉะนั้นรัฐบาลสหรัฐจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ในวันดังกล่าว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นางเยลเลนระบุวัน X-date เป็นวันที่ 1 มิ.ย. โดยนางเยลเลนเปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐจะมีค่าใช้จ่ายเงินด้านสวัสดิการสังคมมากกว่า 1.30 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 2 วันแรกของเดือนหน้า และจำเป็นจะต้องใช้จ่ายเพิ่มเติมประมาณ 9.2 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในสัปดาห์ที่เริ่มต้นในวันที่ 5 มิ.ย.
- จีนกำลังพิจารณาออกมาตรการจูงใจด้านภาษีใหม่แก่บรรดาบริษัทผู้ผลิตระดับไฮเอนด์ เนื่องจากจีนกำลังแสวงหาแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมนวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อแข่งกับสหรัฐ
- นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์คาดการณ์ว่า ในระยะใกล้นี้ การใช้จ่ายของผู้บริโภคจีนจะยังไม่ฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนที่โรคโควิด-19 จะแพร่ระบาด โดยสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อบริษัทต่างชาติ ซึ่งรวมถึงสตาร์บัคส์ โดยไม่เพียงแค่ผู้บริโภคเท่านั้นที่เริ่มระวังการใช้จ่าย แต่ยังรวมถึงการมีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้นอีกด้วย
- นายเบรนดัน อาเฮิร์น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุนของเครนแชร์ (KraneShares) บริษัทของกองทุน ETF ของสหรัฐที่มุ่งเน้นธุรกิจในจีน กล่าวว่า เศรษฐกิจจีน ซึ่งได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 กำลังมีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น โดยยอดค้าปลีกของจีนเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565 ขณะที่นายอาเฮิร์น คาดการณ์ว่ารายได้ไตรมาสแรกของบรรดาบริษัทจะเติบโตดีขึ้นติดต่อกันเป็นรายไตรมาส ซึ่งเป็นการคาดการณ์ที่อาจเกิดขึ้นแล้ว
- ข้อมูลจากธนาคารกลางรัสเซียว่า นักลงทุนต่างชาติที่ถอนธุรกิจออกจากรัสเซียหลังจากที่ขายกิจการในรัสเซียระหว่างเดือนมี.ค. 2565 – มี.ค. 2566 นั้น ได้ถอนเงินออกจากรัสเซียราว 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยบริษัทรายใหญ่ระดับโลกหลายแห่งได้ยุติการดำเนินธุรกิจหรือปรับลดขนาดธุรกิจในรัสเซีย เพื่อตอบโต้รัสเซียที่ส่งทหารเข้าทำสงครามในยูเครนนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2565
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- นางจีน่า ไรมอนโด รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐจะไม่ยอมทนกับคำสั่งห้ามซื้อชิปหน่วยความจำของไมครอน เทคโนโลยี (Micron Technology) บริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และกำลังดำเนินการอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรเพื่อจัดการกับ “การบีบบังคับทางเศรษฐกิจ” ของจีน
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีนเรียกร้องให้ญี่ปุ่นแก้ไขสิ่งผิดให้กลับมาถูกต้องดังเดิม หลังญี่ปุ่นออกมาตรการควบคุมการส่งออกชิป โดยการกระทำของญี่ปุ่นนั้นละเมิดกฎระเบียบทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศอย่างรุนแรง
- รัสเซียรายงานว่า ยูเครนส่งโดรนหลายลำเข้าโจมตีท่อส่งน้ำมันในเขตแดนของรัสเซีย รวมถึง ดรูซบา (Druzhba) ซึ่งเป็นท่อส่งน้ำมันขนาดใหญ่ที่ลำเลียงน้ำมันจากเซอร์เบียตะวันตกไปยังยุโรป
- เจ้าหน้าที่หน่วยยามฝั่งญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ได้รับแจ้งว่าเกาหลีเหนือมีแผนที่จะปล่อยดาวเทียมในระหว่างวันที่ 31 พ.ค. – 11 มิ.ย. ซึ่งก่อให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าเกาหลีเหนืออาจจะทดสอบยิงขีปนาวุธในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- ค่าเงินบาทเปิดเช้าที่ระดับ 34.70 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.78 บาทต่อดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทมีจังหวะอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้านแถว 34.80 บาทต่อดอลลาร์บ้าง ตามจังหวะการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ รวมถึงโฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว
- สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เงินบาทของไทยเสี่ยงเผชิญการอ่อนค่าทำนิวโลว์ โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ไม่น่าจะช่วยสกัดการอ่อนค่าดังกล่าวได้ ทั้งนี้ เงินบาทอ่อนค่าลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยปิดที่ 34.77 บาทต่อดอลลาร์ในวันศุกร์ที่ 26 พ.ค. และกำลังเคลื่อนตัวสู่ระดับอ่อนค่าที่สุดในรอบปีเมื่อเดือนก.พ.ที่ 35.39 บาทต่อดอลลาร์ โดยความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยืดเยื้อจากอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ของไทย ทำให้กองทุนต่างชาติแห่เทขายหุ้นและตราสารหนี้ของไทย ซึ่งถ่วงค่าเงินบาท
- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนเมษายน 2566 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ต่อเนื่องทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศและผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ผลผลิตสินค้าเกษตรที่ขยายตัวได้ดี และอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงต่อเนื่อง โดยการบริโภคในหมวดสินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนเมษายน 2566 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 2.4% ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ในเดือนเมษายน 2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 55.0 จากระดับ 53.8 ในเดือนก่อน ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 และสูงสุดในรอบ 38 เดือน สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากการท่องเที่ยวฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น รวมถึงความกังวลจากอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง
- ธนาคารโลกระบุในรายงานการประเมินรายได้สาธารณะและการใช้จ่ายของไทยว่า รัฐบาลไทยจำเป็นต้องเพิ่มการใช้จ่ายด้านบำนาญ การดูแลสุขภาพ การศึกษา และการปรับตัวด้านสภาพภูมิอากาศ แต่ต้องทำสิ่งนี้ให้สำเร็จโดยไม่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและต้องทำให้หนี้สาธารณะอยู่ภายใต้การควบคุมต่อไป
- น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับทราบถึงข้อกังวลของประชาชนและภาคธุรกิจต่อกรณีที่ขณะนี้มีข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตร จะสิ้นสุดในวันที่ 20 ก.ค. 66 โดยมีความกังวลว่า ระยะเวลาดังกล่าวอาจจะยังไม่มีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศและตัดสินใจเกี่ยวกับมาตรการ จะทำให้ราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นทันที 5 บาทต่อลิตร จนกระทบต่อค่าครองชีพและเศรษฐกิจในภาพรวม
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง