• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 7 มิถุนายน 2566

    7 มิถุนายน 2566 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ในวันอังคาร โดยได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 2.02 เหรียญ หรือ 0.1% อยู่ที่ระดับ 1,963.26 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 7.20 เหรียญ หรือ 0.36% ปิดที่ 1,981.50 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 3.50 เซนต์ หรือ 0.15% ปิดที่ 23.67 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 2.30 เหรียญ หรือ 0.22% ปิดที่ 1,038.70 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 1.45 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 938.11 ตันภาพรวมเดือนมิถุนายน ขายสุทธิ 1.45 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 20.47 ตัน


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.11 จุด หรือ 0.11% มาอยู่ที่ระดับ 104.12 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.03 % มาอยู่ที่ระดับ 3.658% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 4.479% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.82%


  • FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 75.9% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. และให้น้ำหนักเพียง 24.1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50%


  • วารสารหลักทรัพย์จีน รายงานว่า จีนมีแนวโน้มที่จะปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) และอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้ เศรษฐกิจของจีนฟื้นตัวขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในไตรมาส 1/2566 แต่เริ่มชะลอตัวเมื่อช่วงต้นไตรมาสที่ 2/2566 เนื่องจากเศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญกับอัตราการว่างงานที่สูง ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น


  • สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ทางการจีนได้ขอให้ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ของประเทศ ได้แก่ แบงก์ ออฟ ไชน่า (Bank of China) ธนาคารอินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า (Industrial and Commercial Bank of China) และ แบงก์ ออฟ คอมมูนิเคชัน โค (Bank of Communications Co) ได้รับคำแนะนำให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยสำหรับผลิตภัณฑ์หลายประเภท เช่น ลดดอกเบี้ยเงินฝากกระแสรายวัน 0.05% และเงินฝากประจำประเภท 3 ปี และ 5 ปี อย่างน้อย 0.1% โดยคำขอดังกล่าวมีขึ้นผ่านกลไกการควบคุมอัตราดอกเบี้ยด้วยตนเองของธนาคารกลางจีน (PBOC) ซึ่งนับเป็นการเพิ่มความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน


  • ผู้ว่าการธนาคารกลางเนเธอร์แลนด์ ระบุว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) นั้นเผชิญความยากลำบากในการลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อพื้นฐานในยูโรโซน แต่นโยบายการเงินของ ECB นั้นเริ่มส่งผลต่อเงินเฟ้อแล้ว ขณะที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะต้องดำเนินการไปทีละขั้น


  • ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ สู่ระดับ 4.10% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า RBA จะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 3.85%


  • นักวิเคราะห์ของธนาคารเอชเอสบีซีแสดงความเห็นว่า เงินเยนที่อ่อนค่าลงอีกนั้น ทำให้บรรดาผู้สังเกตการณ์ในตลาดคาดการณ์ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นอาจจะเข้าแทรกแซงตลาดครั้งใหญ่ ในช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นยังคงยึดมั่นในโยบายผ่อนคลายการเงินแบบพิเศษ (Ultra-loose Policy) ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ และการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,573.28 จุด เพิ่มขึ้น 10.42 จุด หรือ +0.03%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,283.85 จุด เพิ่มขึ้น 10.06 จุด หรือ +0.24% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,276.42 จุด เพิ่มขึ้น 46.99 จุด หรือ +0.36%


  • ธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2567 ลงสู่ระดับ 2.4% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.7% โดยระบุว่าเศรษฐกิจโลกยังคงได้รับผลกระทบจากนโยบายการเงินที่เข้มงวด และวิกฤตการณ์ในภาคธนาคาร ขณะเดียวกันธนาคารโลกได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2566 สู่ระดับ 2.1% จากระดับ 1.7% แต่ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าการขยายตัวในปี 2565 ที่ระดับ 3.1%


  • สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวเพียง 1.3% ในปี 2566 และขยายตัว 1% ในปี 2567 ซึ่งลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 1.6% และ 1.8% ตามลำดับ พร้อมระบุว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบต่อปริมาณการใช้พลังงานของสหรัฐทั้งในปี 2566 และ 2567


  • ราคาหุ้นธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐร่วงลงในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กในวันจันทร์ หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐเตรียมออกกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับธนาคารรายใหญ่ ซึ่งอาจจะรวมถึงการเพิ่มข้อกำหนดการสำรองเงินทุนอีก 20% โดยเฉลี่ย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกในการกำหนดการสำรองเงินทุนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน


  • สมาคมผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกแห่งสหราชอาณาจักร (BRC) เปิดเผยว่า การขยายตัวของยอดค้าปลีกของอังกฤษชะลอลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนในเดือนพ.ค. เนื่องจากราคาอาหารที่พุ่งสูงขึ้นทำให้ผู้ซื้อต้องควบคุมการใช้จ่ายสินค้าที่ไม่จำเป็น และทำลายความหวังที่ว่ายอดค้าปลีกจะได้แรงหนุนจากวันหยุดนักขัตฤกษ์ 3 วัน


  • นักวิเคราะห์จากบริษัทแคปิตอล อิโคโนมิกส์ ( Capital Economics ) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจซาอุดีอาระเบียมีแนวโน้มหดตัวลง 0.5% ในปีนี้ หลังจากซาอุดีอาระเบียตัดสินปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา 

 

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน ซึ่งได้บดบังปัจจัยบวกจากการที่ซาอุดีอาระเบียประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีก 1 ล้านบาร์เรล/วัน


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 41 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 71.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 42 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 76.29 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • นักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ปมองว่า การปรับลดกำลังการผลิตของซาอุดีอาระเบียจะไม่สามารถผลักดันให้ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 80-90 ดอลลาร์ได้อย่างยั่งยืน ท่ามกลางอุปสงค์ที่อ่อนแอ, แนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐและยุโรป, การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และการที่ประเทศนอกกลุ่มผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ยังคงเพิ่มกำลังการผลิต


ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ


  • สหรัฐกำลังเตรียมจัดการกับกรณีที่จีนเพิ่มระดับความรุนแรงทางทหารในช่องแคบไต้หวันและทะเลจีนใต้ หลังจากจีนออกปฏิบัติการกีดขวางเรือพิฆาตและเครื่องบินลาดตระเวนของสหรัฐโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยจำนวน 2 ครั้งเมื่อช่วงหลายวันที่ผ่านมา


  • กลุ่มนักวิเคราะห์ด้านอุตสาหกรรมมีมุมมองเชิงบวกว่า กลุ่มผู้ผลิตชิปจีนจะสามารถพัฒนาชิปเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงได้ แม้ว่าสหรัฐจะพยายามขัดขวางจีนจากการเข้าถึงหรือการผลิตเทคโนโลยีดังกล่าวก็ตาม


  • จีนและรัสเซียได้ดำเนินการลาดตระเวนทางอากาศร่วมกันเหนือทะเลญี่ปุ่นและทะเลจีนตะวันออกเป็นครั้งที่ 6 นับตั้งแต่ปี 2562 ในเมื่อวานนี้ ซึ่งมีขึ้นในช่วงที่สหรัฐและพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกออกปฏิบัติการซ้อมรบร่วมกันเพิ่มมากขึ้น


  • ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศสคัดค้านข้อเสนอขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่จะไปเปิดสำนักงานในกรุงโตเกียวเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น เพราะปธน.มาครงเชื่อว่า นาโตควรมุ่งความสนใจในภูมิภาคแอตแลนติกเหนือเป็นหลัก


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 34.76 บาทต่อดอลลาร์ ใกล้เคียงปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 34.77 บาทต่อดอลลาร์ ดยมองกรอบค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในช่วง 34.65 - 34.85


  • กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 34.50-35.10 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 34.53 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 34.49-34.89 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 3 เดือน ขณะที่ค่าเงินหยวนร่วงลงสู่จุดต่ำสุดรอบ 6 เดือน


  • นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) คาดภาวะการส่งออกของไทยในเดือน พ.ค.-มิ.ย.ยังคงหดตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย ซึ่งจะส่งผลให้การส่งออกของไทยในช่วงครึ่งปีแรกหดตัวราว 5-6% แต่ช่วงครึ่งปีหลังยังมองเห็นโอกาสในวิกฤตที่จะเร่งขับเคลื่อนการส่งออกให้ขยายตัวมากขึ้น เพื่อให้ภาพรวมการส่งออกทั้งปีอยู่ที่ 0-1%


  • กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) หรือเงินเฟ้อทั่วไป ในเดือน พ.ค.66 เพิ่มขึ้น 0.53% โดยชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือน 5 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 21 เดือน เนื่องจากการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซหุงต้ม รวมทั้งฐานในเดือน พ.ค.65 อยู่ในระดับที่สูง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เฉลี่ย 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.66) เพิ่มขึ้น 2.96% ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) หรือเงินเฟ้อพื้นฐาน ในเดือนพ.ค.66 เพิ่มขึ้น 1.55% ชะลอตัวต่อเนื่องเช่นกัน ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เฉลี่ย 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 1.98%

 

 

 



ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com