• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 19 มิถุนายน 2566

    19 มิถุนายน 2566 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันศุกร์ แต่ราคาปรับตัวลงในรอบสัปดาห์นี้หลังจากร่วงแตะระดับต่ำสุดของวันนับตั้งแต่เดือนพ.ค. โดยนักลงทุนปรับตัวรับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ย ขณะที่วิตกกับความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดที่บ่งชี้ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 0.13 เหรียญ หรือ 0.01% อยู่ที่ระดับ 1,957.45 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 1,971.20 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ลดลง 0.3% ในรอบสัปดาห์นี้
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 17.90 เซนต์ หรือ 0.75% ปิดที่ 24.126 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 4.60 ดอลลาร์ หรือ 0.46% ปิดที่ 987.30 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 4.33 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 934.03 ตันภาพรวมเดือนมิถุนายน ขายสุทธิ 5.53 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 16.39 ตัน


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.18 จุด หรือ 0.18% มาอยู่ที่ระดับ 102.3 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 3.763% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.05 % มาอยู่ที่ระดับ 4.705% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.94% 


  • กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐไม่พบว่ามีคู่ค้ารายใหญ่ใด ๆ ที่ทำการปั่นค่าเงินเพื่อให้เกิดความได้เปรียบในด้านการส่งออก และสหรัฐยังได้ยุติการตรวจสอบเชิงลึกเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติด้านสกุลเงินของสวิตเซอร์แลนด์แล้ว เนื่องจากสวิตเซอร์แลนด์สามารถผ่าน 1 ใน 3 เกณฑ์เกี่ยวกับการปั่นค่าเงิน ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวครอบคลุมถึงกิจกรรมด้านการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศสำหรับ 4 ไตรมาสที่สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2565 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเป็นพิเศษ ซึ่งทำให้หลายประเทศต้องเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อป้องกันไม่ให้สกุลเงินของตนร่วงลง และเป็นความพยายามที่จะสกัดกั้นเงินเฟ้อ


  • นายพาวเวลมีกำหนดแถลงรายงานนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันพุธที่ 21 มิ.ย. และจากนั้นจะแถลงรายงานนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐในวันพฤหัสบดีที่ 22 มิ.ย.


  • นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟดกล่าวว่า ภาวะตึงตัวทางการเงินในภาคธนาคารจะเป็นปัจจัยที่เฟดจะจับตาอย่างใกล้ชิดในการกำหนดนโยบายการเงินที่เหมาะสมในอนาคต นอกจากนี้ นายวอลเลอร์กล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อให้เงินเฟ้อลดลง


  • นายทอม บาร์กิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ระบุว่า เขาสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงสู่ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% และเตือนว่า การหยุดขึ้นดอกเบี้ยเร็วเกินไปอาจทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น


  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ควรเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป เพื่อฉุดให้เงินเฟ้อลดลง และรัฐบาลในยูโรโซนควรลดยอดขาดดุลงบประมาณเพื่อช่วยลดเงินเฟ้ออีกแรงหนึ่ง ซึ่งการลดยอดขาดดุลงบประมาณจะช่วยบรรเทาแรงกดดันทางการคลังในภายหลังได้อีกด้วย


  • สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า โกลด์แมน แซคส์, ยูนิเครดิต และบีเอ็นพี พาริบาส์ ได้ทำการปรับเปลี่ยนคาดการณ์แนวโน้มว่ามีโอกาสมากขึ้นที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ซึ่งเป็นการขยายวงจรการคุมเข้มนโยบายการเงินครั้งประวัติศาสตร์ออกไปจนถึงเดือนก.ย. หลังจาก ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และนางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB กล่าวว่า ยังคงต้องดำเนินการอีกมากเพื่อให้อัตราเงินเฟ้อลดลงสู่ระดับ 2% อย่างไรก็ตาม ธนาคารส่วนใหญ่ รวมถึงมอร์แกน สแตนลีย์และนอร์เดีย ยังคงคาดว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียงครั้งเดียวในเดือนก.ค. โดยได้บ่งชี้ถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา, การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ซบเซา และความลังเลของบรรดาเจ้าหน้าที่ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงเกินไป


  • ประธานธนาคารกลางเยอรมนีกล่าวว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกหลังช่วงหยุดฤดูร้อน หลังจาก ECB ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 3.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี ในการประชุมครั้งที่ผ่านมา


  • ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1% และคงนโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (yield curve control program) รวมทั้งคงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นประเภทอายุ 10 ปีไว้ที่ราวระดับ 0% โดยคาดว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งมากขึ้นและตลาดแรงงานอยู่ในภาวะตึงตัว


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ เนื่องจากการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) 2 รายได้ทำลายความหวังที่ว่า เฟดใกล้ที่จะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุก


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,299.12 จุด ลดลง 108.94 จุด หรือ -0.32%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,409.59 จุด ลดลง 16.25 จุด หรือ -0.37%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,689.57 จุด ลดลง 93.25 จุด หรือ -0.68%


  • ข้อมูลของธนาคารบาร์เคลย์ส รายงานว่า นักลงทุนระดมลงทุนในกองทุนรวมตราสารทุน (Equity Fund) เป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกันในสัปดาห์ล่าสุด เนื่องจากธนาคารกลางหลายแห่งรวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป โดยกองทุนรวมตราสารทุนมีเงินไหลเข้า 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ล่าสุด ซึ่งเป็นเม็ดเงินไหลเข้าที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565 ทำให้ปริมาณเงินไหลเข้าทั้งหมดสำหรับปีนี้แตะระดับเกือบ 5 หมื่นล้านดอลลาร์


  • มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจ บ่งชี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 63.9 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 60.2 จากระดับ 59.2 ในเดือนพ.ค.


  • คอยน์เดสค์ (CoinDesk) รายงานว่า ไบแนนซ์ (Binance), ไบแนนซ์.ยูเอส (Binance.US) และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ได้ประกาศข้อตกลงที่รับประกันว่า จะมีเพียงพนักงานของไบแนนซ์.ยูเอสเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงเงินทุนของลูกค้าได้ในขณะนี้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและปกป้องเงินทุนของลูกค้า โดยไบแนนซ์.ยูเอสได้ระงับการฝากเงินดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว และให้เวลาลูกค้าถึงวันที่ 13 มิ.ย.เพื่อถอนเงินดอลลาร์ หลังจากก.ล.ต.สหรัฐขอให้ศาลสั่งอายัดทรัพย์สินของบริษัท

  • กลุ่มธุรกิจร่วมลงทุน (Venture Capital: VC) ในจีนที่ครั้งหนึ่งเคยพึ่งพากลุ่มนักลงทุนสหรัฐนั้น ปัจจุบันกำลังหันไปพึ่งพาเงินทุนจากตะวันออกกลาง หลังจากที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับตะวันออกกลางดีขึ้นนับตั้งแต่ซาอุดีอาระเบียและอิหร่านฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อช่วงต้นปีนี้ โดยจีนเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยให้กับทั้งสองฝ่าย ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนกลับตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ


  • ธนาคารยูบีเอส, ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด, ธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกา และธนาคารเจพีมอร์แกน คาดการณ์ว่า การเติบโตของ GDP ของจีนจะอยู่ระหว่าง 5.2%-5.7% ในปีนี้ ซึ่งลดลงจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 5.7%-6.3%


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มที่อุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มมากขึ้น


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.16 ดอลลาร์ หรือ 1.64% ปิดที่ 71.78 ดอลลาร์/บาร์เรล และในรอบสัปดาห์นี้ปรับตัวขึ้น 2.3%
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 0.94 ดอลลาร์ หรือ 1.24% ปิดที่ 76.61 ดอลลาร์/บาร์เรล และในรอบสัปดาห์นี้ปรับตัวขึ้น 2.4%


  • เอ็ดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์ตลาดของโออันดากล่าวว่า ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเพราะการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ โดยในยุโรปนั้น ราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นอย่างมากซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดน้ำมัน นอกจากนี้ จีนยังให้โควตาการนำเข้าน้ำมันดิบมากขึ้นด้วย ซึ่งการนำเข้าน้ำมันดิบของจีนอาจแข็งแกร่ง เมื่อจีนดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจ


  • นายวลาดิมีร์ เซอร์นอฟ นักวิเคราะห์ของบริษัทเอฟเอ็กซ์ เอ็มไพร์ระบุว่า ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเนื่องจากกลุ่มโอเปกพลัสปรับลดการผลิตลง และได้แรงหนุนจากการที่จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ


ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ


  • ถ้อยแถลงของประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ส่งสัญญาณว่าการเจรจาสันติภาพกับรัสเซียจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อรัสเซียถอนกำลังออกจากดินแดนที่ยึดครองยูเครนเท่านั้น แม้ว่าคณะเจรจาสันติภาพจากแอฟริกาหวังจะเป็นผู้เจรจาไกล่เกลี่ยยุติสงครามยูเครน นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากปฏิบัติการโจมตีอย่างเต็มรูปแบบเมื่อเดือนก.พ. 2565


  • รัสเซียได้ส่งอาวุธนิวเคลียร์ลอตแรกไปยังเบลารุสแล้ว ซึ่งนับเป็นระยะเวลา 3 เดือนหลังจากประกาศแผนการดังกล่าวซึ่งจะเพิ่มความตึงเครียดกับสหรัฐและพันธมิตรเกี่ยวกับสงครามในยูเครน


  • นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเดินทางถึงกรุงปักกิ่งแล้วเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการเดินทางเยือนจีนในรอบ 5 ปี ท่ามกลางความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ตึงเครียด โดยมีวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ ได้แก่ การจัดตั้งกลไกในการจัดการวิกฤต การเพิ่มผลประโยชน์ของสหรัฐและชาติพันธมิตร และการพูดคุยโดยตรงเกี่ยวกับข้อกังวลที่เกี่ยวข้อง


  • ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐเตรียมจัดการประชุมหารือร่วมกับผู้นำญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่สหรัฐในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยแผนการประชุมระดับไตรภาคีในครั้งนี้มีขึ้น เนื่องจากชาติพันธมิตรทั้งสามเล็งเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องส่งเสริมความร่วมมือซึ่งกันและกันในการเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ เช่น การเดินหน้าพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกลและอาวุธนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่องของเกาหลีเหนือ


  • สหรัฐส่งเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธนำวิถีไปยังเกาหลีใต้เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี เพื่อแสดงแสนยานุภาพ และมีจุดประสงค์เพื่อขัดขวางการโจมตีทางทหารจากเกาหลีเหนือ


  • สหรัฐกำลังเจรจาร่วมกับอิหร่าน เพื่อวางแผนขั้นตอนต่าง ๆ ที่จะจำกัดโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน รวมถึงปล่อยตัวพลเมืองอเมริกันบางรายที่ถูกอิหร่านควบคุมตัวเอาไว้และยกเลิกการอายัดทรัพย์สินในต่างประเทศของอิหร่านบางส่วน


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • ค่าเงินบาทวันนี้เปิดตลาดอ่อนค่าที่ 34.68 บาทต่อดอลลาร์กรุงไทยชี้นจากดอลลาร์แข็งค่า แต่เงินมีโอกาสแกว่งไซด์เวยแข็งค่า ตามความหวังเศรษฐกิจจีนฟื้นหนุนเงินหยวนแข็งค่า จับตาฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ มองกรอบเงินบาทวันนี้ 34.55-34.75บาทต่อดอลลาร์


  • ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ ไว้ที่ระดับ 34.40-34.90 บาท/ดอลลาร์ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สุนทรพจน์ของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส ทิศทางเงินทุนต่างชาติ (Flow) สถานการณ์การเมืองและตัวเลขการส่งออกเดือน พ.ค.ของไทย ขณะที่มีตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือน มิ.ย. ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือน พ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุม BOE การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ของธนาคารกลางจีน และข้อมูล PMI เบื้องต้นสำหรับเดือน มิ.ย. ของยูโรโซน อังกฤษ และสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทแกว่งตัวเป็นกรอบ โดยเงินบาทอ่อนค่ากลับไปใกล้ๆ แนว 34.90 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงต่อมาท่ามกลางแรงหนุนเงินดอลลาร์จาก dot plots ของเฟด ซึ่งสะท้อนโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ อีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี นอกจากนี้เงินบาทยังอ่อนค่าลงตามภาพรวมของสกุลเงินเอเชีย นำโดยเงินหยวนที่เผชิญแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอกว่าที่คาดและสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางจีน อย่างไรก็ดีเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงตามบอนด์ยีลด์


  • ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า มียอดรถที่ถูกยืดคืน 90,000 คัน ในช่วง 5 เดือนแรก เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ตั้งแต่ต้นปีสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่มากนัก ทำให้เกิดปัญหาหนี้เสียและวินัยทางการเงิน ซึ่งต้องมีการวางแผนจัดการให้ทั่วถึง ไม่เช่นนั้นอาจจะมีการลามไปยังสินเชื่อประเภทอื่นๆ ด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาหนี้ครัวเรือนในปัจจุบัน


  • ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) ประเมินการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก มีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี 66 จากแรงกดดันด้านราคาและอัตราดอกเบี้ย แต่ภาวะตลาดแรงงานโดยรวมยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการจ้างงานเพิ่มในภาคบริการเป็นหลัก ttb analytics จึงประเมินโดยรวมว่า จะมีเฉพาะบางประเทศเท่านั้นที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ Technical Recession หรือ การหดตัวของกิจกรรมเศรษฐกิจช่วงสั้นๆ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางในตลาดแรงงาน

 

 


ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com