ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันอังคาร เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยฉุดตลาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านสูงกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดอสังหาริมทรัพย์
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -15.42 เหรียญ หรือ -0.79% อยู่ที่ระดับ 1,935.16 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 23.50 ดอลลาร์ หรือ 1.19% ปิดที่ 1,947.70 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 89.20 เซนต์ หรือ 3.70% ปิดที่ 23.234 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 19.30 ดอลลาร์ หรือ 1.95% ปิดที่ 968.00 ดอลลาร์/ออนซ์
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 934.03 ตันภาพรวมเดือนมิถุนายน ขายสุทธิ 5.53 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 16.39 ตัน
- ข้อมูลจากสภาทองคำโลกระบุว่า ยอดขายปลีกทองคำและเครื่องประดับที่ทำด้วยโลหะเงินในจีนปรับตัวขึ้นเพียง 24% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 2.66 หมื่นล้านหยวน ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนเม.ย.ที่พุ่งขึ้น 44% และเดือนมี.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 37%
- นายเจียง ชู กรรมการผู้จัดการแผนกโลหะมีค่าของบริษัทเซี่ยงไฮ้ ชานตง โกลด์ อินดัสเทรียล ดีเวลลอปเมนต์กล่าวว่า “ขณะนี้ชาวจีนมีความระมัดระวังการใช้จ่ายด้วยเงินสด ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ เราคาดว่าการซื้อทองคำของชาวจีนจะยังไม่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วหากราคาทองไม่ปรับตัวลง
- สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า จีนแซงหน้าอินเดียขึ้นเป็นประเทศที่ใช้ทองคำแท่ง เหรียญทอง และเครื่องประดับทองคำรายใหญ่อันดับหนึ่งของโลก นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังได้ซื้อทองคำเข้าสู่ระบบทุนสำรองติดต่อกัน 7 เดือน หลังจากที่หยุดซื้อทองคำเป็นเวลานานถึง 3 ปี
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.02 จุด หรือ 0.02% มาอยู่ที่ระดับ 102.5 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.1 % มาอยู่ที่ระดับ 3.723% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.06 % มาอยู่ที่ระดับ 4.695% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.97%
- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์คระบุในวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า แบบจำลองทางเศรษฐกิจที่ใช้ในเฟดสาขานิวยอร์คคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่สดใสขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วง 3 เดือนก่อน โดยแบบจำลองดังกล่าวคาดการณ์ในตอนนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเติบโต 1% ในปีนี้ โดยปรับขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ +0.2% ที่เคยคาดไว้ในเดือนมี.ค. ทั้งนี้ เฟดสาขานิวยอร์คระบุว่า การคาดการณ์นี้ไม่ใช่ตัวเลขคาดการณ์อย่างเป็นทางการของเฟดสาขานิวยอร์ค แต่เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ผู้กำหนดนโยบายนำมาใช้
- ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีลง 0.10% สู่ระดับ 3.55% จากระดับ 3.65% ซึ่งเป็นการปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าวครั้งแรกในรอบ 10 เดือน พร้อมกับปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีลง 0.10% สู่ระดับ 4.2% จากระดับ 4.3% ซึ่งเป็นการปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าวครั้งแรกในรอบ 10 เดือนเช่นกัน
- นักวิเคราะห์จากบริษัทซาโซ มาร์เก็ตส์กล่าวว่า นักลงทุนผิดหวังที่ธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดี (LPR) ลงเพียงเล็กน้อยเมื่อวานนี้ แม้เศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัวลงอย่างมาก ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมืองแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน (โปลิตบูโร) ในเดือนก.ค.นี้ เพื่อดูว่าที่ประชุมจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่หรือไม่
- นายชุนอิจิ ซูซูกิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังญี่ปุ่นกล่าวว่า ญี่ปุ่นกำลังติดตามความเคลื่อนไหวของสกุลเงินอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศยังคงมีเสถียรภาพและสะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ หลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแตะระดับ 142 เยน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน ทั้งนี้ ค่าเงินเยนร่วงลงเร็วขึ้นนับตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่ BOJ ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะลดมาตรการกระตุ้นด้านการเงิน ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราว แต่ก็ได้ส่งสัญญาณว่ามีแผนปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในอนาคตเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
- ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งระบุว่า คณะกรรมการ RBA ได้มีการพิจารณาถึงการคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากเห็นว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคชะลอตัวลงอย่างชัดเจน แต่เมื่อคำนึงถึงความเสี่ยงของเงินเฟ้อ คณะกรรมการ RBA จึงได้ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.10% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี และเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 12 ในระยะเวลา 13 เดือน และสวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ว่า RBA จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะอุปสงค์ชะลอตัวทั่วโลก ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,053.87 จุด ร่วงลง 245.25 จุด หรือ -0.72%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,388.71 จุด ลดลง 20.88 จุด หรือ -0.47%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,667.29 จุด ลดลง 22.28 จุด หรือ -0.16%
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้นสู่ระดับ 1.63 ล้านยูนิตในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือน และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.39 ล้านยูนิต จากระดับ 1.24 ล้านยูนิตในเดือนเม.ย
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อประเมินแนวทางการจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าการทำข้อตกลงระหว่างธนาคารกลางต่าง ๆ ทั่วโลกเกี่ยวกับการออกสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) นั้นจะเป็นไปอย่างราบรื่น
- ธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนสำหรับปี 2566 เนื่องจากเศรษฐกิจจีนเผชิญแรงกดดันจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา รวมถึงความเชื่อมั่นภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนที่ลดลง โดยคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนจะเติบโตขึ้น 5.3% ในปี 2566 จากที่เคยคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเติบโต 6.3%
- กลุ่มนักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ป ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจจากสหรัฐ ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจจีนสำหรับปี 2566 เนื่องจากจีนกำลังเผชิญกับ “กับดักความเชื่อมั่น” (Confidence trap) หลังแรงกระตุ้นในช่วงแรกจากการกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งเริ่มเจือจางลงไป ทั้งนี้ ซิตี้กรุ๊ปได้ลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จีนสำหรับปี 2566 โดยลดลงสู่การขยายตัว 5.5% จากที่เคยคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้ที่การขยายตัว 6.1%
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันในประเทศจีน รวมทั้งข่าวอิหร่านและรัสเซียเพิ่มการส่งออกน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 1.28 ดอลลาร์ หรือ 1.78% ปิดที่ 70.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 71 เซนต์ หรือ 0.93% ปิดที่ 75.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
- JODI ระบุว่า ยอดส่งออกน้ำมันดิบของซาอุดีอาระเบียลดลงแตะระดับ 7.316 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนเม.ย. ซึ่งลดลงประมาณ 3% จากระดับ 7.523 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมี.ค. ส่วนการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดีอาระเบียทรงตัวที่ 10.46 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนเม.ย. ขณะที่สต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.98 ล้านบาร์เรล แตะที่ระดับ 149.4 ล้านบาร์เรล
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า คำขู่ใช้อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย นั้นเป็นเรื่องจริง ซึ่งมีขึ้นไม่กี่วันหลังจากปธน.ไบเดนประณามการที่รัสเซียติดตั้งอาวุธดังกล่าวในเบลารุส
- นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ขอให้รัฐบาลจีนระมัดระวังเกี่ยวกับบริษัทเอกชนจีนที่อาจจัดหาเทคโนโลยีให้แก่รัสเซียซึ่งสามารถนำไปใช้สู้กับยูเครน แม้นายบลิงเกนจะระบุว่าไม่พบหลักฐานที่รัฐบาลจีนกำลังให้ความช่วยเหลือแก่รัสเซียก็ตาม
- รัสเซียโจมตียูเครนระลอกใหญ่ตลอดทั้งคืน โดยพุ่งเป้าโจมตีทางอากาศเป็นวงกว้างในเมืองต่าง ๆ ตั้งแต่ฝั่งตะวันออกถึงฝั่งตะวันตกของยูเครน รวมถึงกรุงเคียฟ
- รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์ในยูเครน กล่าวว่า ยูเครนกำลังเจรจากับหลายบริษัทผู้ผลิตอาวุธในชาติตะวันตกให้เพิ่มการผลิตอาวุธ รวมถึงโดรน ในยูเครน และอาจมีการเซ็นสัญญากันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
- เจ้าหน้าที่สหรัฐระบุว่า จีนและคิวบาอยู่ระหว่างการเจรจาขั้นสูงเกี่ยวกับการเปิดค่ายฝึกทหารในพื้นที่ทางตอนเหนือของคิวบา พร้อมระบุว่า กรณีดังกล่าวจะเปิดทางให้จีนสามารถวางกำลังทหารที่คิวบาได้แบบถาวร และขยายกิจกรรมด้านการจารกรรม อย่างไรก็ดี สหรัฐได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่คิวบา เพื่อยับยั้งการเดินหน้าแผนการเปิดค่ายฝึกทหารร่วมจีนและคิวบา
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- ค่าเงินบาทเช้านี้ เปิดตลาด 34.83 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนเล็กน้อยจากราคาปิดตลาดเมื่อวันก่อนที่ 34.75 บาทต่อดอลลาร์ คาดการณ์วันนี้ที่ 34.70-34.95 บาทต่อดอลลาร์
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง